วันนี้ยุ่งตั้งแต่เช้า (อีกตามเคย) เพราะ เป็นวันจัดเวทีตำบลละแสน (หรือเปล่า ผู้วิจัยยังไม่แน่ใจ) ความโกลาหลที่เกิดขึ้นหากมองแง่หนึ่งมันคือความผิดพลาดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย แต่ถ้าหากมองอีกแง่หนึ่ง ผู้วิจัยขอใช้คำพูดของพี่ต๋อมที่เคยพูดไว้เมื่อครั้นพวกเราไปอบรมนักวิจัยด้วยกันในวันที่ 24-25 ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมาก็แล้วกันนะคะ พี่ต๋อมบอกว่า "บางทีชาวบ้านก็ทำอะไรได้ไม่ถูกใจเรา (นักวิจัย) แต่เราก็ต้องทำใจ เหมือนกับคนที่มีลูก ถ้าหากอยากสอนลูกก็ต้องตีลูกบ้าง ดุด่าบ้าง ไม่ใช่ปกป้องกันตลอดเวลา" คงจะเหมือนความไม่พร้อมของงานในวันนี้ที่ผู้วิจัยก็ยอมรับตามตรงว่ารู้สึกเจ็บปวด ไม่สบายใจ แต่เราก็ต้องยอม ต้องให้ชาวบ้านเรียนรู้ความผิดพลาดบ้าง จะได้เป็นบทเรียนให้แก่เขา ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองผิดพลาด ถ้าเราอุ้มชู ปกป้องเขาตลอดเวลา สำหรับเนื้อหาสาระต่างๆในการประชุมนั้นขอยกยอดไปเล่าให้ฟังในคราวต่อๆไปนะคะ เนื่องจากถ้าหากเล่าวันนี้ผู้วิจัยคงขาดตกบกพร่องไปหลายประเด็น เพราะ เดินเข้าเดินออกห้องประชุมบ่อย แถมยังต้องทำหน้าที่เป็นมือกล้องจำเป็นด้วย เอาไว้ถ้าถอดเทปเสร็จจะนำมาเสนอก็แล้วกันค่ะ
ถ้าหากจะเล่าเรื่องงานในวันนี้ คงจะขาดเนื้อหาที่สำคัญในส่วนของการเตรียมงานไม่ได้ ดังนั้น ในวันนี้จะขอเล่าเรื่องการเตรียมงานอย่างคร่าวๆให้ฟังนะคะ
พวกเราประชุมเตรียมงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2549 ที่ผ่านมา โดยในวันนั้นช่วงเช้าเราเดินทางไปที่กลุ่มบ้านต้าฯ (ที่สำหรับจัดประชุม) เมื่อไปถึงยังไม่มีการประชุมกัน เพราะ คณะกรรมการเครือข่ายฯได้ใช้เวลาไปกับการตรวจบัญชีของกลุ่มบ้านต้าฯกับกลุ่มแม่พริก อยู่นานพอสมควร ผู้วิจัยก็ช่วยอะไรไม่ได้มากก็เลยเดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศไปเรื่อยๆ (เสียดายจังค่ะที่พยายามเอารูปลงมาใน Blog แล้วแต่เอาลงไม่ได้ ยังไงขอก็ยกยอดไปครั้งต่อๆไปนะคะ) พอตอนเที่ยงพวกเราก็พักรับประทานอาหารกลางวันที่ทางกลุ่มเตรียมไว้ต้อนรับ มีทั้งข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ลาบ แถมยังมีส้มเป็นผลไม้ปิดรายการด้วย ทุกคนทานด้วยความเอร็ดอร่อย (อร่อยจริงๆค่ะ ฟันธง!)
พอเข้าช่วงบ่าย คณะกรรมการเครือข่ายฯก็ตรวจบัญชีต่ออีกสักพักหนึ่งค่ะจึงจะเสร็จ หลังจากนั้นคุณสามารถก็เรียกรวมพลเพื่อประชุมหารืออย่างเป็นทางการ คุณสามารถเปิดประเด็นโดยการรายงานให้ที่ประชุมทราบว่าคณะกรรมการเครือข่ายฯ ได้เริ่มลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลการเงินของแต่ละกลุ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมา วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการเก็บข้อมูล โดยเมื่อประชุมเสร็จจะเดินทางไปที่กลุ่มบ้านหลุกเป็นที่สุดท้าย นอกจากนี้แล้วในขณะนี้ทาง เครือข่ายฯยังมีสมาชิกใหม่อีก 1 กลุ่ม คือ กลุ่มบ้านศรีบุญเรือง แต่มีสมาชิกไม่ถึง 100 คน
คุณสามารถกล่าวต่อไปว่าสำหรับการประชุมวันนี้นั้นสืบเนื่องมาจากว่าในวันที่ 11 มกราคม 2549 กระทรวงการคลังจะมาจัดเวทีประชาคม เราต้องมีการจัดเตรียมข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อให้กระทรวงนำไปเป็นต้นแบบฯ ในการเตรียมการในเรื่องนี้นั้นเราได้นำเข้าที่ประชุมเครือข่ายฯประจำเดือนธันวาคมเป็นครั้งแรก ต่อจากนั้นก็นำทีมเลขาฯ + รองประธานฯ ไปลงเก็บข้อมูลของแต่ละกลุ่ม
สำหรับลำดับรายการในวันที่ 11 นั้น คุณสามารถจะเป็นผู้กล่าววัตถุประสงค์ของการจัดงาน ส่วนข้อมูลต่างๆนั้นรองประธานฯ+เลขาฯ จะเป็นผู้รายงานข้อมูล เช่น อ.สมพิศ ดูแลกองทุนเพื่อการศึกษาและกองทุนชราภาพ จะต้องกล่าวรายงานว่ามีจำนวนเงินเท่าใด ลุงคมสัน ต้องทำหน้าที่รายงานกองทุนกลางว่ามีเงินอยู่เท่าใด กองทุนกลางมีหน้าที่อะไร คุณอุทัยดูแลกองทุนสวัสดิการคนทำงาน ก็ต้องรายงานในส่วนนี้ ขณะที่อ.ชุติกานต์ ต้องรายงานกองทุนร่วมและกองทุนทดแทน ส่วนเวลาในการจัดเวทีนั้นเริ่มตั้งแต่ 09.00-12.00น. มีผู้เข้าร่วมประมาณ 70 คน ประกอบด้วย ตัวแทนจากจังหวัดและส่วนราชการ อปท. ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนสกว. นักวิจัย และตัวแทนของแต่ละกลุ่มๆละ 2 คน
ในส่วนของประเด็นในเวทีนั้น คุณสามารถบอกว่าเป็นการฟังความคิดเห็นของจังหวัด ส่วนราชการ อปท. ว่าเมื่อชาวบ้านทำกองทุนสวัสดิการขึ้นมาแล้ว ทางพอช.ก็เข้ามาหนุนเสริม แล้วทางราชการ อปท.จะทำอย่างไร มีความคิดเห็นอย่างไร
นอกจากนี้แล้วเวทีในวันที่ 11 ยังเป็นการเตรียมแผนสำหรับจังหวัดลำปางในการเป็นพื้นที่ ต้นแบบ 1 ใน 800 พื้นที่ทั่วประเทศในการที่ทาง สปสช.จะเข้ามาช่วยหนุนเสริมงบประมาณหัวละ 170 บาท ดังนั้น จึงต้องมีการหารือว่าจะเตรียมความพร้อมกันอย่างไร
เมื่อพูดถึงตรงนี้คุณปิยชัย ซึ่งเป็นประธานกลุ่มบ้านต้นธงชัย ได้ถามขึ้นมาว่า ควรมีการพูดคุยกันก่อนว่าเงินตำบลละแสนที่ (จะ) ได้มานั้นจะเอามาทำอะไร
สำหรับคำถามนี้คุณสามารถตอบว่ามีเงื่อนไขเดียว คือ ต้องเอาเงินนี้มาสมทบกองทุนสวัสดิการ
หลังจากนั้นอ.ธวัช ซึ่งเป็นประธานฯกลุ่มแม่พริกได้เสนอว่าควรมีการแจกข้อมูลให้ทุกคนได้รับทราบ ซึ่งทุกคนเห็นด้วย นอกจากนี้แล้วคุณปิยชัย ยังได้เสริมว่า ในเรื่องของการจ่ายสวัสดิการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการตาย ควรจะมีการแจ้งยอดให้ทราบว่าในแต่ละเดือนมียอดเท่าใด เพราะ ถือว่าเป็นจุดขายของเรา ซึ่งทุกคนในที่ประชุมก็เห็นด้วยอีกเช่นกัน ดังนั้น คุณสามารถจึงมอบหมายให้อ.ชุติกานต์ ซึ่งเป็นรองประธานฯดูแลกองทุนจัดการในเรื่องนี้ ซึ่งอ.ชุติกานต์บอกว่าจะพยายามทำให้ได้ นอกจากนี้แล้วคุณสามารถได้กล่าวทิ้งท้ายก่อนขึ้นประเด็นต่อไปว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม เป็นต้นไป ทุกกลุ่มจะต้องเคลียร์เงินให้เรียบร้อย ถ้ากลุ่มไหนไม่เคลียร์ทางเครือข่ายฯจะไม่รับผิดชอบ
ประเด็นต่อไปก็คือ หลังจากวันนี้ (วันที่7) เหลือเวลาอีกประมาณ 3 วันพวกเราต้องมาหารือว่าจะทำอย่างไรเพื่อที่จะรวบรวมข้อมูลในแต่ละกองทุนให้เสร็จ ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่าให้มาช่วยกันทำข้อมูลในวันที่ 9-10 มกราคม 2549 ที่บ้านคุณสามารถ ในประเด็นนี้คุณสามารถได้หันมาพูดฝากกับผู้วิจัยว่าอยากให้ผู้วิจัยมาช่วยในเรื่องเอกสารเหล่านี้ ซึ่งผู้วิจัยรับปากว่าจะช่วย แต่เนื่องจากมีภารกิจการสอนจึงไม่สามารถช่วยได้ทั้งวัน ดังนั้น จึงขอให้เครือข่ายฯ จัดทำข้อมูลของตนเองไว้ 1 ชุด รวมทั้งข้อมูลในแต่ละตำบลด้วย ส่วนผู้วิจัยมีข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของ เครือข่ายฯ และการจ่ายสวัสดิการอยู่แล้วจะนำส่วนนี้มาสมทบ หลังจากนั้นจะเป็นผู้ทำหน้าที่เรียบเรียง จัดลำดับ และทำเป็นเล่มให้เอง (การที่รับอาสาอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากฝึกให้เครือข่ายฯทำงานนะคะ แต่ผู้วิจัยได้วิเคราะห์ออกมาแล้วว่าจุดอ่อนของเครือข่ายฯ รวมทั้งองค์กรภาคประชาชนทั้งหลายจุดหนึ่งก็คือ ความอ่อนในเรื่องการจัดทำเอกสาร แต่เนื่องจากการประชุมในครั้งนี้เป็นการประชุมที่เป็นทางการ เชิญหน่วยงานมามากมาย เอกสารก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญ หากทำไม่เรียบร้อย หรือไม่ชัดเจน อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่หน่วยงานเหล่านั้นจะมีต่อเครือข่ายฯได้ ดังนั้น ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์จึงต้องรับอาสาทำหน้าที่นี้ไปก่อนจนกว่าเราจะฝึกทีมของเครือข่ายฯขึ้นมาได้)
นอกจากนี้แล้วยังมีการแบ่งหน้าที่ย่อยๆกันอีก ได้แก่ ฝ่ายลงทะเบียน มอบหมายให้พี่สุภัตรา อ.สมพิศ และพี่สวรส โดยให้ประสานงานกับนักวิจัยในการจัดทำเอกสารลงทะเบียน ส่วนเรื่องอาหาร อ.ชวนพิศ เป็นผู้เสนอว่าจะรับผิดชอบเอง โดยคุณสามารถให้งบประมาณหัวละ 80 บาท (รวมค่าอาหารและค่าอาหารว่าง)
ตั้งใจจะเล่าให้จบแต่ว่าถึงเวลานัดทานข้าวกับอาจารย์ตุ้ม คุณภีมแล้ว ขอยกยอดเล่าต่อในวันต่อๆไปนะคะ