วันนี้เข้างานเวลา 8.20 น.ค่ะ พอมาถึงวันนี้ก็มานั่งคุยกับพี่ป๋วยเรื่องของการออกแบบกราฟิก ก็พูดไปพูดมาพี่เค้าก็บอกว่าเดี๋ยววันนี้พี่ป๋วยจะบอกให้รู้เล็กๆน้อยๆ(เป็นความรู้)
พอสัก 9.05 น.ก็ขึ้นไปที่ห้องตัดต่อ พี่ป๋วยก็ขึ้นตามมา วันนี้เราก็มาคุยกันเรื่องของงานออกแบบกราฟิก ว่าออกแบบกราฟิกแบบไหนถึงจะเรียกว่าเป็นงานที่ดี และแบบไหนเป็นงานออกแบบที่ไม่ดี
พี่ป๋วยบอกว่า เกณฑ์การตัดสินไม่ได้มีไว้สำหรับให้คะแนนงานในการประกวดหรือสรุปว่างานนั้นดีไม่ดีเท่านั้น แต่เกณฑ์การตัดสินนั้น คือส่วนที่จะฝังลึกในระบบความคิดของนักออกแบบ ให้รับรู้อยู่เสมอว่างานแบบไหนดี แบบไหนไม่ดี ซึ่งการฝังลึกนี่แหละที่เปรียบเสมือนแสงสว่างส่องให้นักออกแบบเดินได้ถูกทางในหนทางของนักออกแบบ
มาเริ่มเรื่องของบรรทัดฐานในงานออกแบบกันเลยละกัน ก็มีหลักอยู่ 3 ข้อ ได้แก่
1. การตอบสนองประโยชน์ใช้สอย
เป็นข้อที่สำคัญมากในการออกแบบทั้งหมด ในงานออกแบบกราฟิกนั้นประโยชน์ใช้สอยมีอิทธิพลต่องานออกแบบ เช่น งานออกแบบหนังสือต้องให้อ่านง่าย ตัวหนังสือชัดเจน ไม่วางเกะกะกันไปซะหมด หรือว่าจะเป็นงานออกแบบเว็บไซด์ ถึงจะสวยยังไง แต่ถ้าโหลดช้า ทำให้ผู้ใช้งานต้องรอนาน ก็จะไม่ถือว่าเป็นงานออกแบบเว็บไซด์ที่ดี หรืองานออกแบบซีดีรอม ถ้าปุ่มที่มีไว้สำหรับกดไปยังส่วนต่างๆของเนื้อหานั้น วางเรียงกันแบบกระจัดกระจาย ทุกครั้งที่ผู้ใช้งานจะต้องใช้ก็ต้องกวาดตามองหาอยู่ตลอด อย่างนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นงานออกแบบที่ไม่ต้องสนองต่อประโยชน์การใช้สอย เป็นงานออกแบบที่ไม่ดี
ดังนั้นนักออกแบบจึงต้องคำนึงถึงประโยชน์การใช้งานเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอันดับแรกในงานออกแบบ
2. ความสวยงาม
ในงานที่ประโยชน์ใช้สอยดีพอๆกัน ความสวยจะเป็นเกณฑ์ตัดสินคุณค่าของงาน โดยเฉพาะงานออกแบบกราฟิก ซึ่งถือว่าเป็นงานออกแบบที่มีประโยชน์ใช้สอยน้อยกว่างานออกแบบด้านอื่นๆอย่างงานออกแบบผลิตภัณฑ์ งานออกแบบสถาปัตยกรรมต่างๆ ความสวยงามจึงเป็นเรื่องสำคัญและมีอิทธิพลในงานออกแบบกราฟริกอย่างมาก
3. การสื่อความหมาย
งานศิลปะนั้นจะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมันสื่อความหมายออกมาได้ งานกราฟิกก็คืองานศิลปะเช่นกัน การสื่อความหมายจึงเป็นสิ่งที่นักออกแบบขาดไม่ได้ในการออกแบบ ต่อให้งานที่ได้สวยงามยังไงแต่ไม่สามารถตอบโจทย์ของงานออกแบบ หรือสื่อสิ่งที่ผู้ออกแบบคิดเอาไว้ได้งานกราฟิกนั้นก็จะมีคุณค่าลดน้อยลงไป
ดังนั้น เมื่อเราต้องการออกแบบกราฟิก จะต้องคำนึงถึงเกณฑ์ 3 ข้อนี้ไว้ ให้จำขึ้นใจเลยก็ว่าได้
1. ต้องเวิร์ก
2. ต้องสวย
3. ต้องสื่อ
ส่วนในการประกวดแบบ ซึ่งต้องอาศัยตัวเลขมาตัดสินนั้น ก็อาจจะต้องมาแบ่งให้น้ำหนักในแต่ละข้อกัน ซึ่งใครจะให้เกณฑ์คะแนนหรือน้ำหนักในข้อไหนเป็นสัดส่วนเท่าไหร่นั้น ก็ต้องแล้วแต่งาน แล้วแต่คนแหละค่ะ ส่วนตัวพี่ป๋วยเองให้คะแนนงานออกแบบกราฟิกดังนี้ คือ
ประโยชน์ใช้สอย 30%
ความสวยงาม 40%
สื่อความหมาย 30%
เพราะพี่ป๋วยเค้าจะชอบความสวยงามเป็นพิเศษ ซึ่งพี่โตบอกว่ามันเป็นจุดเด่นในงานการฟิก ส่วนพี่จักรกับพี่อิสบอกว่าจะเน้นที่การใช้งานหรือมีประโยชน์ใช้สอยเป็นหลักให้ 50% แล้วแต่ และพี่โตบอกว่า ถ้างานออกแบบของเรามี 3 ข้อนี้ก็มั่นใจได้เลยว่างานออกแบบของเราจะเป็นงานออกแบบที่ดี และมีคนชอบงานของเราแน่นอน
คราวนี้มาพูดถึงขบวนการทำงานออกแบบกราฟิก
เรื่องนี้สำคัญค่ะ....ขบวนการออกแบบนั้นครอบคลุมตั้งแต่มีโจทย์ มีปัญหาเข้ามาได้รับรู้ ให้เราได้แก้ไข จนไปสิ้นสุดตอนไปส่งงาน ส่วนระหว่างทางนั้นมันจะมีอะไรบ้าง เรามาดูกัน
1. วิเคราะห์โจทย์ที่มีมาให้แก้ไข
2. สร้างแนวคิดหลักในการออกแบบให้ได้
3. ศึกษางานหรือกรณีตัวอย่างที่มีอยู่แล้ว
4. ออกแบบร่าง
5. ออกแบบจริง
1. วิเคราะห์โจทย์ที่มีมาให้แก้ไข
จุดเริ่มของงานออกแบบ ก็คือ ปัญหา.......มีปัญหา มีโจทย์ จึงมีการออกแบบแก้ไข โจทย์ที่ว่านั้นมีความยากง่ายต่างกันแล้วแต่ชนิดของงาน แต่โจทย์ไม่มีทางออกแบบออกมาได้ ถ้าปราศจากการแก้ไขที่ถูกต้อง การวิเคาระห์หลักๆสำหรับงานกราฟิกมักจะเป็นดังนี้
What เราจะทำงานอะไร? กำหนดเป้าหมายของงานที่จะทำซึ่งเป็นเรื่องเบื้องต้นในการออกแบบที่เราจะต้องรู้ก่อนว่า จะกำหนดให้งานของเราบอกอะไร เช่น เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ บอกทฤษฎีหรือหลักการเพื่อความบันเทิง เป็นต้น
Where งานของเราจะนำไปใช้ที่ไหน? เช่น งานออกแบบงานผนังร้านหนังสือที่สยามสแควร์ที่เต็มไปด้วยร้านค้าแหล่งวัยรุ่น คงต้องมีสีสันฉุดฉาดสะดุดตามากกว่า ร้านแถวสีลม เพราะเป็นเขตในที่คนทำงานอยู่กันเยอะ ซึ่งจะมีอายุมากขึ้นกว่าหน่อย
Who ใครคือคนที่มาใช้งาน? หรือกลุ่มผู้ใช้งานเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการวิเคราะห์โจทย์เพื่อการออกแบบ เพราะผู้ใช้งานเป้าหมายอาจเป็นตัวกำหนดแนวความคิดและรูปลักษณ์ของงานออกแบบได้ เช่น งานออกแบบโปสเตอร์สำหรับผู้ใหญ่ เราต้องออกแบบโดยใช้สีจำนวนไม่มาก ไม่ฉูดฉาด และต้องใช้ตัวอักษรที่มีขนาดใหญ่ รวมถึงจัดวางอย่างเรียบง่ายมากกว่าผู้ใช้ในวัยอื่นๆไม่มีความเห็น