ลูก...เป็นแม่
แม่...เป็นลูก
“ แม่จะกอด จะจูบอะไรเรานักหนา… เห็นกอด มาตั้งแต่ตอนเราเรียนอนุบาล จนจบชั้นประถมแล้วยังจะหอมอะไรอยู่
แม่ไม่เหม็น ไม่เบื่อ ไม่รำคาญ เราบ้างรึไง!
แป้งที่ทาตัว ก็แป้งกระป๋องเดิม กลิ่นก็ไม่เคยเปลี่ยน ยังจะหอมอยู่ได้ ยิ่งตอนกลับจากโรงเรียนใหม่ๆอย่าว่าแต่หอมเลย มีเหม็นหืนอีกต่างหาก แม่เขาจะหอมอะไรของเขานักหนา
เป็นคำถามที่หลายคน เกิดขึ้นในใจ แต่ไม่เคยได้ถามใคร จนเราไม่ต้องการคำอธิบายใดๆ คำตอบมันถูกเขียนขึ้นในความรู้สึกนึกคิดและประสบการณ์ของเราเอง
และคำตอบจะชัดใสมากขึ้นอีก ก็ตอนที่เราได้มีโอกาสเป็นแม่คน...พ่อคนแล้วอารมณ์ความรู้สึกต่างหลายอย่าง มันเริ่มสลับที่กัน ระหว่างแม่กับลูก และลูกกับแม่ จนชวนให้เกิดความน่าสงสัย
ตอนเราเป็นเด็ก พ่อแม่ไปไหน แล้วไม่เอาเราไปด้วย เราก็มักจะร้องตาม ขอไปด้วยคนบางคนออกท่ายักษ์ ท่าลิง อาละวาด ลงไปนอน เกลือกกลิ้ง คลุกฝุ่น เผื่อจะเป็นจุดเปลี่ยนใจของพ่อแม่ให้เอาเราไปด้วย โดยไม่สนใจหรืออยากรู้ว่าที่ไม่เอาเราไปด้วย มีเหตุผลอะไร
“หนูจะไปด้วย ” ก็เท่านั้น
ซึ่งส่วนใหญ่ ก็ไม่เป็นผลอะไร อดไปด้วยเหมือนเดิม เพราะทุกอย่างได้ถูกไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าเอาไปด้วยไม่ได้
แต่พอลูกโตเป็นผู้ใหญ่ พ่อแม่เริ่มแก่ตัวลงพาล กลับตาลปัด พ่อแม่กลับเรียกร้อง พร่ำหาลูกๆแทน ลูกๆที่เคยแหกปากร้องไห้ จะเป็นจะตาย ขอตามพ่อแม่ไปด้วย มาคราวนี้ กลับให้พ่อแม่โทรตามให้ลูกไปหาบ้าง ให้ลูกพาไปเที่ยวด้วยบ้าง ให้ลูกมาเยี่ยมแม่ที่บ้านบ้าง...
ต่างกับเราตอนเด็กๆก็คือพ่อแม่ไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนกับเรา แต่ท่านอาจแอบร้องไห้ด้วยความคิดถึงเราเท่านั้น
ตอนเราเด็กๆพ่อแม่จะคอยอบรมสั่งสอนเราให้กลับบ้านแต่หัวค่ำ ไปไหนให้ระวังรถ ระวังรา อย่าไปมีเรื่องกับใคร อย่าไปไหนไกลบ้านอย่ากินเหล้าเมายา อย่าเล่นการพนัน รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ฯลฯ และอีกสารพัดที่แม่ พ่อ จะนึกออก พอเราโตขึ้น...
พ่อแม่เริ่มแก่ตัว หน้าที่อบรม พร่ำสอนสั่ง กลับต้องมาเป็นหน้าที่ของลูก คอยพร่ำเตือน ตอกย้ำ อบรม พ่อแม่แทน
“ เดินที่มืดๆระวังนะแม่ เดี๋ยวหกล้ม ข้ามถนน ข้ามสะพานลอยนะแม่ ให้พ่อจูงล่ะ อย่าดื้อ รีบไปรีบกลับนะแม่ ถึงบ้านแล้วโทรบอกด้วยนะแม่ ”
และอีกสารพัดคำเตือนที่ลูกๆที่โตแล้วคอยพร่ำบอกแม่ ตอนเราเด็กๆ เวลาเราจะเอาเงินที่ขอแม่มาซื้อขนม แม่ก็จะคอยบอกเราเสมอ
“ อย่าเอาไปซื้อของไม่ดีนะ อย่าซื้ออะไรมากินมั่วนะ เลือกไอ้ที่มันมีประโยชน์กินอิ่มๆท้องนะลูก ใครเอาอะไรมาให้กินอย่ากินนะ เอามาให้แม่ดูก่อน "
พอเราโตขึ้น หน้าที่นี้ก็กลับมาเป็นของลูกแทนอย่างไม่น่าเชื่อ
“ อย่าดื่มเหล้าเยอะนะ หมอบอกไว้ อย่าลืมกินข้าวด้วยนะพ่อ ห้ามดื่มเหล้าอย่างเดียวล่ะ "
แม่...อย่ากินมั่วตามหลานนะ เดี๋ยวท้องร่วงอีก...ส้มตำปูเค็มห้ามเด็ดขาด
" แม่...อย่ากินทุเรียน...ขนมกะทิเยอะนะ เดี๋ยวน้ำตาลขึ้นอีก "
" พ่อ...กินผักเยอะๆนะ จะได้ช่วยระบายท้อง...”
ฝ่ายควบคุมความประพฤติ กลับมาเป็นหน้าที่เรา อย่างช่วยไม่ได้และสิ่งที่เราทำตอนเด็ก กับพ่อแม่ที่ทำตอนแก่ก็ยังมาเหมือนกันอีก คือ
“ ดื้อ”...ไม่ได้ทำตามที่บอกไว้ทั้งหมดหรอกแอบนอกกติกาอยู่บ่อยๆเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับชีวิตทีได้แอบทำนอกกฎ
ตอนเราเด็กๆเรายังโง่อยู่ พ่อแม่ก็จะคอยเตือนเรา เกรงเราจะโดนหลอกไปเสียผู้เสียคน พ่อแม่ก็จะพูดเสมอ
“ อย่าพูดกับคนแปลกหน้านะลูกใครเอาอะไรมาให้ ถ้าไม่รู้จักอย่ารับนะลูก ใครเอาอะไรมาให้กิน อย่ากินนะลูก ใครมาเอาอะไรที่บ้าน อย่าไปให้นะ ถ้าแม่ไม่ได้บอก ”
พอเราโตขึ้น เราต้องมาคอยเตือนแม่เสียเอง
“ ใครเอาอะไรมาขายอย่าซื้อไปเรื่อยนะแม่ ยาลูกกลอน ยาบำรุงกำลัง ใครเอามาขาย อย่าซื้อ อย่ากินนะแม่ เอาให้ลูกดูก่อนใครเอาอะไรมาให้เขียนให้เซ็น อย่าเซ็นไปเรื่อยนะแม่ อ่านเสียก่อน ถ้าไม่แน่ใจ รอลูกกลับมาก่อนนะแม่ ใครจะมาเอาของอะไรที่บ้าน ถ้าบอกว่าลูกให้มาเอา...โทรถามลูกก่อนนะฯลฯ "
ใครจะเชื่อ ว่ามาถึงวันหนึ่ง สัญญาณป้องกันภัยดังมาจากปากลูกแทนพ่อแม่ ตอนลูกเด็กๆเรียนชั้นประถม,มัธยม พอลูกกลับจากโรงเรียน แม่มักจะแอบเปิดกระเป๋าลูก เพื่อดูว่ามีสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและอนาคตลูกบ้าง ทั้งอาวุธ...ยาเสพติด...หรือสิ่งอื่นๆที่คิดไม่ถึง ที่เป็นสิ่งไม่ดีหรือไม่
แต่ยามที่แม่แก่ตัวลง ลูกๆหลายคนกลับต้องแอบเปิดกระเป๋าแม่... เพื่อดูว่าแม่มีเงินติดกระเป๋าอยู่บ้างหรือไม่ และก็มีหลายครั้ง ที่ลูกๆหลายคน แอบเอาเงินใส่ไว้ในกระเป๋าแม่ เพื่อให้แม่เอาไว้ใช้ เพราะเคยให้กับแม่โดยตรง แม่ไม่เคยยอมรับเงินจากลูก
ตอนเราเด็กๆพ่อแม่จะหลอกให้เรากลัวในหลายๆเรื่อง เพื่อไม่ให้เรา ไปทำสิ่งไม่ดีหลอกว่าตำรวจจะจับบ้าง...หลอกว่าหมอจะฉีดยาบ้าง สารพัด เพื่อไม่ให้เราทำในสิ่งที่พ่อแม่ห้าม
ถึงวันนี้ ลูกๆต้อง ”โกหกขาว” เมื่อยามพ่อแม่แก่เฒ่ลง บางทีซื้อองุ่นดีๆกิโลละสองร้อย สามร้อยบาท ก็ต้องบอกแค่กิโลละหกสิบ เจ็ดสิบบาท ไม่งั้นบ่นไม่เลิก...เสียดายตังค์อยู่นั่นแหละ หาว่าแพง ซื้อมาทำไม...อยากจะบอกเหลือเกินว่า
“ ซื้อมาให้กินซิจ๊ะแม่ จะซื้อมาเก็บไว้ให้มันเน่าทำไม” ก็ได้แต่คิด ไม่กล้าพูดออกไป ขืนพูดออกไป ก็โดนสวดยาว...ซิ
ข้าราชการบางคน ถูกย้ายไปประจำในที่ที่อันตราย...แห้งแล้ง...ไม่มีความสงบ...ก็ต้องบอกกับแม่ว่า
“ ไม่มีปัญหา อุดมสมบูรณ์ดี ข้าวปลาอาหารเพียบ ปลอดภัยดี ไม่มีอะไร แม่ไม่ต้องห่วง ”
ตอนโทรมาบอกว่าไม่มีอะไร โรงพักกำลังไฟไหม้อยู่ก็มี... แต่ก็ต้องยอม “ โกหกขาว ” ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่
แม่ลูกก็อย่างนี้... ผูกพันกันมาตั้งแต่อยู่ในท้องจะไม่ให้ห่วงหาอาทรกันคงไม่ได้ เพียงแต่ต้องสลับหน้าที่กันบ้าง ในเวลาและโอกาสที่มันเปลี่ยนไป
นี่แหละ...แม่กับลูก...
ขอให้แม่ลูกทุกท่านมีความสุข++ครับ !!
ยังไม่ได้เป็นแม่ครับ อาจารย์ กำลังหาแม่ของลูกอยู่
แอบเข้ามาอ่านครับ ขอบคุณครับ
- ประหยัด -
ซึงใจมากครับ อยากให้หลาย ๆ คนที่มัวแต่ทำงาน ได้อ่านครับ ขอบคุณมากครับ