ต้นกล้า
นางสาว ขนิษฐา ต้นกล้า สุนาวี

ด้วยรักและ..ห่วงใย..ในสุขภาพ....


นำมาฝาก

 เวลา 21.00-23.00 น.
>>>> >>ร่างกายจะสะสมพลังงานรวม
>>>> >>...พลังงานของร่างกายจะสร้างช่วงนี้เท่านั้น..จึงควรพักผ่อนเข้านอน 3ทุ่ม..
เวลา 23.00-01.00 น.
>>>> >>พลังงานที่สร้างขึ้นจะเคลื่อนเข้าสู่ถุงน้ำดี..ล้างถุงน้ำดีทำให้ถุง
>>>> >>น้ำดีแข็งแรง ย่อยไขมันที่จะเปลี่ยนรูปไปเป็นฮอร์โมน กล้ามเนื้อ
>>>> >>กระดูก   เส้นเอ็น ไขสมอง น้ำหล่อเลี้ยงในร่างกายทั้งหมด
>>>> >>การย่อยไขมันของร่างกายจะเกิดขึ้นในช่วงนี้เท่านั้น..
>>>> >>หากไม่พักผ่อนช่วงนี้
>>>> >>ไขมันดังกล่าวจะตกตะกอนอยู่ตามร่างกาย เช่นถุงไขมันใต้ตา มีพุง
>>>> >>สมองเลอะเลือนง่าย ปวดไหล่ ปวดท้องง่ายบริเวณลำไส้ใหญ่ ท้องเสีย
>>>> >>หรือท้องผูกง่าย
เวลา 01.00 - 03.00 น. พลังงานจะเคลื่อนเข้าสู่ตับ
>>>> >>ตับจะเริ่มทำงานโดยใช้พลังงานที่สะสมไว้
>>>> >>ตับจะสะสมอาหารสำรองให้ร่างกายกำจัดของเสีย
>>>> >>ผลิตน้ำดีและส่งไปเก็บที่ถุงน้ำดี
>>>> >>ถ้าช่วงนี้ไม่หลับนอนร่างกายจะสูญเสียพลังงานที่สะสมไว้ ตับจะอ่อนแอลง
>>>> >>การสะสมพลังงานสำรองลดลง การผลิตน้ำดีก็ลดลง
>>>> >>ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับอ่อน
>>>> >>เป็นผลให้การผลิตอินซูลินลดลงด้วย โรคที่จะเกิดขึ้นคือ
>>>> >>โรคเกี่ยวกับความดันโลหิตแปรปรวน โรคเก๊าท์ โรครูมาตอยด์
>>>> >>ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
>>>> >>เบาหวาน หัวใจ กระดูกเสื่อม
03.00 - 05.00 น. พลังงานจะเคลื่อนเข้าสู่ปอด
>>>> >>ถ้าปอดแข็งแรงผู้นั้นจะหลับสนิท ถ้าเป็นโรคปอดหรือสูบบุหรี่
>>>> >>จะไม่รู้สึกสบายตัวและจะถูกปลุกให้ตื่นช่วงนี้ จะไอและหายใจขัด..
05.00 - 07.00 น.พลังงานจะเคลื่อนเข้าสู่ลำไส้ใหญ่
>>>> >>...เป็นช่วงที่เราต้องถ่ายอุจจาระ
>>>> >>ร่างกายจะต้องเอาของเสียทิ้งให้หมดก่อน 07.00 น.
>>>> >>ถ้าไม่ถ่ายร่างกายจะเริ่มดูดซึมของเสียเข้าสู่ระบบเลือด
>>>> >>นี่เป็นสาเหตุให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้า เกิดไขมันเสีย ๆ
>>>> >>...ควรออกกำลังกายช่วงนี้
>>>> >>เพื่อให้ลำไส้ใหญ่ขยับตัวและเพิ่มศักยภาพในการขับเคลื่อนของเสีย
07.00 - 09.00 น.
>>>> >>กระเพาะอาหารจะทำงานได้สูงสุดในช่วงนี้เท่านั้น
>>>> >>กระเพาะอาหารจะต้องการอาหารและจะหลั่งน้ำย่อยมากที่สุด.
>>>>ผู้ที่ไม่รับประทานอาหารเช้าจะมีโอกาสเป็นโรคกระเพาะอาหาร และจะเกิดโรคหัวใจด้วยเพราะไม่ได้สารอาหารสำหรับทุกอวัยวะเพื่อกลับไปสร้างพลังงานรวม..
09.00 - 11.00 น...ม้ามจะเริ่มเก็บพลังงานสำรอง
>>>> >>เก็บสารอาหารจากการย่อยของกระเพาะอาหาร...การที่เราไม่ได้รับประทานอาหารเช้า
>>>> >>ร่างกายจะดึงพลังงานสำรองออกมาใช้ พลังงานรวมจะหายไป ร่างกายจะอ่อนแอไม่มีแรง...
11.00 - 13.00 น....พลังงานจะเคลื่อนที่ไปที่หัวใจ
>>>> >>ถ้าร่างกายไม่ได้สารอาหาร
>>>> >>หัวใจจะทำงานลำบาก
>>>> >>หัวใจวายได้ง่ายในช่วงนี้..
13.00 - 15.00 น.....พลังงานจะเคลื่อนสู่ลำไส้เล็ก
>>>>ลำไส้เล็กจะทำงานโดยเปลี่ยนรูปอาหารที่ได้จากตอนเช้า
>>>> >>ทั้งคาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่
>>>> >>เป็นพลังงานทั้งหมด...ถ้าไม่ได้รับอาหารเช้า
>>>> >>อาหารที่จะย่อยในลำไส้เล็กก็ไม่มี
>>>> >>ลำไส้เล็กก็จะย่อยตัวเองและเริ่มอ่อนแอ....
15.00 - 17.00 น....พลังงานจะเคลื่อนมาที่กระเพาะปัสสาวะ
>>>> >>..ของเสียที่เกิดขึ้นจากการแปรรูปอาหารที่ลำไส้เล็กจะเกิดขึ้น
>>>> >>กระเพาะปัสสาวะจะทำงานมากที่สุด...
17.00 - 19.00 น....พลังงานจะเคลื่อนมาที่ไต
>>>> >>ช่วงนี้ไตทำงานหนัก ไม่ควรออกกำลังกาย
>>>> >>การออกกำลังกายช่วงเย็นจะทำให้ไตวายง่าย เวียนหัว ตาพร่า ปวดศีรษะ..
19.00 - 21.00 น....พลังงานจะเคลื่อนมาที่กล้ามเนื้อหัวใจ
>>>> >> กล้ามเนื้อหัวใจจะทำงานชะล้างตัวเองทำงานช้าลง ช่วงนี้ต้องพักผ่อน ถ้าไม่พัก เลือดจะข้น
>>>> >>กล้ามเนื้อหัวใจจะทำงานหนัก ทำให้หัวใจโต..

ทั้งหมดนี้เป็นการหมุนเวียนของพลังงานในร่างกาย..
เป็นทฤษฎีการดูแลสุขภาพของจีนที่มีอายุมากว่า 5000 ปี
หมายเลขบันทึก: 118151เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2007 20:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท