ได้กลับไปเป็นนักศึกษาอีกครั้งหนึ่งครับ หลังจากที่ตั้งความหวังไว้อย่างยาวนานหลายปี และแล้วเมื่อได้ไปนั่งเรียนใหม่ในปีนี้ เริ่มแรกก็รู้สึกว่า สนิมมันเกาะเยอะครับ เหตุผลเพราะในช่วงที่ไม่ได้เป็นนักศึกษา เราศึกษาค้นคว้าเฉพาะในส่วนที่เราสนใจเป็นหลัก หรือไม่ก็เพิ่มเติมในความรู้ที่เกี่ยวข้องกับงาน แต่พอไปนั่งเรียน เราต้องศึกษาค้นคว้าในเรื่องที่อาจารย์กำหนดให้แทน
(ภาพนี้ ซ้ายมือสุดคือเพื่อนร่วมชั้น อีกท่านหนึ่งคืออาจารย์ผู้สอน)
นิสัยแรกที่ติดไปหลังจากมาเป็นอาจารย์แล้วเอากลับไปเข้าห้องเรียนใหม่ คือ การอธิบายแบบละเอียดแล้วใส่ไอเดีย แนวคิดต่างๆ ให้กับนักศึกษา แต่พอไปนั่งเรียน การนำเสนอตั้งสั้นกระชับ แต่ได้ไอเดียไปพร้อมกันเลย อันนี้ใช้เวลาปรับตัวไม่นานครับ
(ท่านนี้ ก็เป็นอาจารย์ผู้สอนครับ วิชานี้สอนกันสองท่าน)
ตอนนี้ด้วยสภาพของการเป็นนักศึกษาบวกกับอาชีพอาจารย์ กลายเป็นว่า ตอนนี้ผมสอนเกือบๆ สามสิบคาบครับ คือ ที่สอนอยู่ตอนนี้ก็ สิบหกคาบ (ปกติบวกภาคสมทบ) รวมกับวิชาที่เรียนอีกสิบหน่วยกิต เพราะเรียนป.เอก การเตรียมตัวและการเรียนเหมือนการไปสอนเลยครับ ต้องเตรียมเนื้อหา ไปแลกเปลี่ยนกับอาจารย์ เตรียมสื่อไปสำหรับการนำเสนอ และที่เพิ่มขึ้นจากการสอนก็คือ การวิเคราะห์สังเคราะห์ที่ต้องมากกว่าการสอนเท่านั้นเอง
(ท่านนี้ก็เพื่อนร่วมชั้นครับ)
ภาพในห้องเรียน ก็จะเป็น โน้ตบุคคนละเครื่อง นำเสนอกันคนละครั้ง (ทั้งอาจารย์ทั้งนักศึกษา) แลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยวิธีการซักถาม เสนอแนะ
ไม่รู้คนอื่นๆ ที่เรียนป.เอก มีสภาพเหมือนผมไหมครับ เมื่อเดือนก่อน มีประเด็นหนึ่งสนทนาภาษาอังกฤษเรื่อง ความฝัน อาจารย์ท่านถามว่า คุณฝันบ่อยมัย ผมตอบว่า แต่ก่อนไม่เคยฝันเลย มาเริ่มฝันตั้งแต่เริ่มเรียนป.เอกนี้แหละครับ บ่อยมากครับ และส่วนใหญ่ฝันร้ายทุกครั้งเลย แฮะ แฮะ แฮะ
ดังฝนชโลมจิตเลยครับ
ขออนุญาตเพิ่มเติมครับ วิชาที่นั่งเรียนกันอยู่นี้ หนึ่งหน่วยกิตครับ แต่เอาเข้าจริงๆ เรียนสัปดาห์ละสามถึงสี่ชั่วโมง
ผมคิดเล่นๆ ว่า อาจารย์ไม่ได้สอนเกินครับ แต่วิชานี้ใช้เกณฑ์หนึ่งหน่วยกิตต่อนักศึกษาหนึ่งคน ดังนั้นเมื่อมีนักศึกษาสามคน เลยต้องเรียนกันสามชั่วโมง
เมื่อเวลาผ่านไปความอดทนก็จะกลายเป็นความสำเร็จครับอาจารย์ (ถ้าอัลลอฮฺทรงประสงค์)
มากครับ
ยังไม่อยากใช้คำว่า "ว่าที่ doctor" ครับ กลัวต้องใช้หลายปี ฮิฮิฮิ
ส่วนต่อเอกอังกฤษ อันนี้ผมไม่มีข้อมูลเลยครับว่ายากหรือเปล่า เพราะที่มหาวิทยาลัย มีที่ยื่นสมัครเรียนต่อเอกทางภาษาอังกฤษ เพียงคนเดียวเอง และก็ยังไม่ได้ไปด้วย
แต่เท่าที่ทราบ มาเลย์จะให้อยู่ในดุลย์พินิจของอาจารย์ที่ปรึกษาเป็นสำคัญครับ ดังนั้น หากก่อนไป ทำเค้าโครงไปชัดเจน ไปถึงก็หาอาจารย์ที่ปรึกษาเลย โอกาสที่จะไปโลดก็เยอะครับ
ที่เห็นอาจารย์หลายท่านไปเรียนสรุปได้ว่า อยู่ที่ตัวผู้เรียนว่า พยายาม ทุ่มเทในการศึกษาค้นคว้าเพียงใด และไปในทิศทางเดียวกับอาจารย์หรือเปล่า
ผมเองจริงๆ ตั้งใจไปมาเลย์ครับ เพราะชอบวิธีสอน และได้สร้างสัมพันธ์ใหม่ ประสบการณ์ใหม่ๆ เพียงแต่ไม่รู้เป็นไงเหมือนกันมาเรียนที่ มอ.อีกทีหนึ่ง