อะไรเรื่อยเจื้อย... ^ ^


                                      

                                            อะไรเรื่อยเจื้อย... : )

 

          สมุดบันทึกสีลูกกวาดเล่มเล็กของดิฉันนอนยิ้มอยู่ในตู้  เมื่อวันที่ดิฉันรื้อหาคุ้ยเอกสารสำคัญ  ดิฉันอดใจไม่ไหวก็เลยหยิบมาเปิดอ่าน  อ่านแล้วก็เพลินไป  เพราะได้เห็นว่าอะไรๆที่เคยนึกขึ้นได้ในแต่ละวัน ไม่สูญหายไปเพราะดิฉันจดบันทึก   แต่อะไรอีกหลายอย่างก็สูญหาย  เพราะจำไม่ได้ว่าไปเขียนแปะไว้ที่ไหน

 

                              จดลื้ม จดลืม อยู่นั่นแล้ว

                              จดแล้ว ลืมอ่านแล้ว รู้หรือไม่

                              เขียนตัวใหญ่  เบอะบาน  สำราญใจ

                              เดินผ่าน หาอ่านไม่  ไอ้ขี้ลืม

          นึกขึ้นมาได้ว่าเพื่อนสนิทที่รู้นิสัยดิฉันดี  เคยแซวว่าถ้าไม่มีกระดาษกับปากกา  ดิฉันก็คงไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ที่ไหนเวลาอยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า   ดิฉันเถียงว่าถึงไม่มีกระดาษกับปากกา  ดิฉันก็จะบันทึกไว้ด้วยใจ   เพื่อนบอกว่าหาเชื่อไม่  เพราะดิฉันขี้ลืมเป็นสรณะ 
          อ่านกลอนเปล่าที่เขียนสมัยสาวๆบทนี้เข้าเลยชักสงสัยว่าจะจริง

          เด็กรุ่นดิฉันจำนวนมาก ได้รับอิทธิพลจากกลอนเปล่าจากนิตยสารไปยาลใหญ่  ซึ่งเป็นอารมณ์ขันแบบเด็กอุดมศึกษา  อันมีเด็ก’ถาปัตย์จุฬาฯ เป็นตัวแบบในสมัยนั้น  รายการ เพชฆาตความเครียด ทางช่องเก้า เป็นรายการที่เด็กหอไม่ยอมพลาด รุ่งเช้าก็จะไป “อำ” กันต่อด้วยมุกเดียวกันนั้นที่มหาวิทยาลัย 

          เวลาที่อาจารย์ให้แต่งกลอน  ดิฉันออกจะอึดอัดอยู่บ้างเพราะแต่งไม่เก่ง   เพื่อนเขาเขียนกันไปเป็นหลายหน้า  ดิฉันยังย่องแย่งเขียนอยู่ได้ไม่ถึงสองบท  นี่เป็นผลจากการอ่านโดยแท้   เพราะดิฉันชอบอ่านวรรณกรรมแปลมากกว่าวรรณคดี   และเลือกอ่านเรื่องง่ายๆมากกว่าเรื่องยากๆ

          ครั้งหนึ่งอาจารย์ให้แต่งกลอนว่าด้วยความเป็นตัวของตัวเองมาหนึ่งบท  ดิฉันเขียนเสร็จแทบจะในทันทีที่อาจารย์สั่ง  แต่ไม่กล้าให้อาจารย์เห็น ….  เพราะไม่แน่ใจว่าอาจารย์จะรับหนอนไหมที่มีหัวใจอิสระตัวนี้ได้หรือไม่

                               อย่ายุ่งกับฉันนักได้ไหม

                               ฉันอยากไปไหนๆของฉันบ้าง

                               แล้วก็ไม่อยากตอบคำถามของใคร

                               ปล่อยฉันไปเหอะ....  เดี๋ยวฉันมา

                                                                              กระดืบศักดิ์

                                                                             (หนอนไหมรัง 7 )

          และอีกครั้ง  ที่ต้องเขียนเกี่ยวกับเรื่องลึกลับ   ดิฉันลากปรื๊ดๆๆเสร็จ  โดยมีเพื่อนตะลึงมองตาค้าง    เพราะอาจารย์สั่งปุ๊บ ดิฉันก็เขียนเสร็จปั๊บ   คล้ายๆกับมันอยู่ในหัวแล้ว  รอแต่ปริ๊นต์เอ๊ยเขียนออกมาเท่านั้น   เพื่อนดึงไปส่งเวียนกันอ่านแล้วก็หัวเราะกันคิกคัก  

                              ทุกสิ่งที่ฉันซ่อนไว้ภายใน

                              เธอก็รู้... ช่างเธอปะไร

                              ฉันก็จะยังซ่อนต่อไป

                              ให้มันลับๆล่อๆตื่นเต้นอย่าบอกใคร

                                                                        คุณนายมีหนวด

          เพื่อนบอกว่าฮาดี  ขอเหอะ  แล้วก็ดึงไปหน้าตาเฉยโดยไม่สนใจตาเขียวๆ และปากขมุบขมิบให้พรของดิฉัน  ถ้าอาจารย์เห็น...ดิฉันคงไม่รอดชีวิต

          เมื่อถึงวันใกล้เรียนจบ  เพื่อนๆเขียนอะไรต่อมิอะไรเป็นที่ระลึก  ดิฉันกะว่าจะเขียนเล่นๆแล้วค่อยไปลอกใหม่  เดินกลับมาอีกทีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้  ยังวาดการ์ตูนค้างไว้ตั้งครึ่ง  โชคดีที่ยังพอจำได้ 

                              เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้าย

                             ในมหาวิทยาลัยของฉัน

                             โอ้ชุดนิสิต...  ที่ฉันรักสุดชีวิต

                             ฉันจึงแต่งทุกวัน....  ไม่เว้นวันเสาร์-อาทิตย์

                              และวันหยุดราชการ

                              ตั้งแต่เวลา 08.00 16.30 น.

                              นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป


          ตกเย็นดิฉันเดินออกไปปากซอย  กะจะไปดูหนัง  ตอนเดินดุ่ยๆผ่านชมรม  เห็นโปสเตอร์อันเบ้อเริ่มเขียนกลอนเปล่านี้แปะไว้  แต่จับมือเพื่อนดมไม่ได้   ก็เลยเลยตามเลย  

          หอพักดิฉันอยู่ใกล้กับโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัย  ตอนเย็นๆก็จะมีเด็กสาธิตมานั่งเรียนพิเศษกับพี่นิสิตที่หน้าหอ    ดิฉันนั่งแทะข้าวโพดปิ้งอยู่ใกล้ๆ  ได้ยินเด็กเขาคุยกัน  ดิฉันก็ก้มหน้าซ่อนยิ้ม  แล้วก็เขียนตาม  กระดาษต้นฉบับยังมีรอยข้าวโพดปิ้งเห็นๆ    ความรักของเด็กๆคอซองนี่ก็มีอะไรขำๆดี

 

                               เลิกทำเป็นพี่สาวฉันเสียทีได้ไหม

                               เธอไม่ใช่พี่ฉัน....

                               ถ้าเธอไม่ยอมเป็นแฟนกัน

                               ก็อย่ามาทำเป็นพี่ฉันอีกต่อไป

                                                                                 ด.ช.โอ้

                                                                                 ชั้น ป.3 / 7

  

           อีกวันหนึ่ง  เพื่อนมาปรับทุกข์ ในเรื่องที่ดิฉันไม่สามารถแก้ปัญหาให้ได้  รู้แต่ว่าขณะที่ฟังก็ออกจะกลุ้มใจ  เพราะดิฉันไม่ใคร่เข้าใจเรื่องที่ซับซ้อนเช่นนี้   เพื่อนบอกว่าให้ช่วยเขียนอะไรหวานๆปลอบใจเธอหน่อย    ดิฉันจึงเขียนสรุปแบบบ๊องส์ๆยังไงพิกล  เพื่อนเห็นเข้าก็กอดดิฉันสองทีบอกว่าถูกใจซะไม่มี    เพื่อนกลับไปแล้วดิฉันก็ยังนั่งงงๆอยู่พักหนึ่ง    แต่คิดว่าที่เขียนไปคงตรงกับใจเพื่อน....  เธอถึงได้ดีใจไชโยขนาดนั้น

                               เสียด๊าย...  เสียดาย

                               ถ้าเธอเป็นผู้ชาย

                               เราคงได้แต่งงานกัน

                                                                 I’m a woman

          เรื่องนี้คงเขียนไปได้เรื่อยๆ  เพราะดิฉันเขียนกลอนเปล่า   แบบไม่มีอะไรเลย.... ว่างเปล่าจริงๆ  แบบนี้ไว้อีกเป็นร้อย  และไม่สามารถนำส่งอาจารย์ได้แม้แต่บทเดียว  บางบทแสนจะไร้สาระ  และอีกบางบทสุดที่จะนำมาเผยแพร่ในที่สาธารณะได้    เพราะมันเกินวัยคนเขียนไปหลายกิโลเมตร


          ดิฉันบอกนักศึกษาที่ดิฉันสอนในวิชาการเขียนเสมอว่า นอกรายวิชา ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการประเมินผล    หากอยากจะเขียนอย่างมีความสุขแล้วละก็  ไม่ต้องไปแข่งกับใคร  แต่จง  “หาตัวเองให้เจอ......  แล้วก็จงมีความสุขในแบบที่ตัวเองเป็น”   

          เพราะดิฉันได้เรียนรู้ว่า เราจะเขียนได้อย่างมีความสุขที่สุด   ก็ต่อเมื่อเราได้เขียนอย่างเป็นตัวของตัวเอง 
   
          แต่เราจะเขียนได้ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อเราลงมือเขียน  และเขียนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง  จนกว่าจะรู้สึกว่าเราเขียนดีแล้ว  และนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่  ตราบใดที่เรายังมีความสุขที่จะเขียน และไม่ได้เขียนเอาเหรียญหรือเขียนเอาคะแนน    ก็จงเขียนไปเถิด

          ให้โอกาสตัวเองได้เขียนเรื่อยเจื้อยไปตามใจตัวเสียบ้าง..... 
                       
                                ความสุขมันอยู่ตรงนั้นแหละ   : )

                   ......................................................................................

หมายเหตุ

                  นักศึกษาที่เรียนการเขียนกับดิฉัน ถามว่าอาจารย์เคยเขียนไม่ออก  ไม่รู้จะเขียนอะไรบ้างไหม   ดิฉันบอกเด็กๆว่าบ่อยไป  และเมื่อเขียน  ก็ไม่ได้แปลว่าข้อเขียนนั้นจะดีเป็นเลิศทุกครั้ง
                  แต่หากเราฝึกเขียนไปเรื่อยๆ  คิดอะไรได้ก็เขียนไปก่อน  แล้วค่อยมาเรียบเรียง   เราก็จะได้ข้อเขียนแบบเรื่อยๆสะสมไว้  พอถึงวันที่คิดออก  จะได้นำข้อมูลที่มี  มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว  ซึ่งก็คงไม่ได้เป็นข้อเขียนดีเลิศ  
                  แต่อย่างน้อย  ก็จะได้ฝึกทักษะการเรียบเรียง  ซึ่งหมายถึงการรู้ว่าจะอะไรมาต่อกับอะไร   จะเอาอะไรไว้ก่อน  จะเอาอะไรไว้ทีหลังเป็นต้น
                 ทักษะนี้.... ควรฝึกไปเรื่อยๆ  และฝึกทุกวัน  
                 นักศึกษาถามต่อว่าอาจารย์เคยเขียนอะไรแบบเขียนไปเรื่อยๆไหม   ดิฉันไม่รู้จะตอบเด็กๆอย่างไร   ก็เลยเขียน "อะไรเรื่อยเจื้อย"  ให้เขาอ่านเล่นๆ   จะได้เห็นว่าครูก็เขียนได้เท่านี้แหละ   เขียนไปตามธรรมดา   แต่ขออย่าท้อเสียก่อน   ขอให้หมั่นเพียรเขียนไป

                 .....ดูๆแล้วดิฉันก็ออกเขียนจะเรื่อยเจื้อยไปจริงๆ     เด็กๆอ่านบทความนี้แล้วจะว่าอย่างไรบ้างก็ไม่รู้   ......  : )

และ ปล.
                
อยากบอกเด็กๆว่า วรรณกรรมเรื่อยเจื้อย  เหล่านี้ ก็สะท้อนภาพอะไรบางอย่างได้ ถ้าเราได้ศึกษาในปริมาณที่มากพอ  
                 และ บันทึกประจำวัน ของเราเป็นวรรณกรรมที่น่าศึกษาที่สุด ... หากเราอยากรู้จักตัวเอง  ก็ลองเขียนบันทึกประจำวันดูสักทีดีไหม   

                 รับรองว่าครบสามเดือนเห็นผลจริงๆ    : )

คำสำคัญ (Tags): #บทความตามใจ
หมายเลขบันทึก: 115477เขียนเมื่อ 29 กรกฎาคม 2007 11:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

       เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งยวด กับคำที่อาจารย์บอกว่า เขียนไปเรื่อยเจื้อยแล้วค่อยนำมาเรียบเรียง เพราะเมื่อเรานึกขึ้นได้เราก็รีบเขียน  เมื่อมีโอกาสค่อยมาเรียบเรียงใหม่ (เขียนไว้ก่อนเผื่อลืมหน่ะ) 

         อีกอย่างการเขียนบันทึก jj ก็เคยเขียนน่ะในอดีต  คิคิ  พอนำมาอ่านภายหลังรู้สึกดีน่ะ 

         เพื่อน ๆ ลองทำดูซิจ๊ะ

สวัสดีค่ะคุณ jj

พอดีว่าดิฉันให้การบ้านเด็กๆไปเขียนอะไรต่อมิอะไรมาหลายหน  และหลายคนทำท่ารันทด บอกดิฉันเสียงอ่อยๆว่าไม่รู้จะเขียนอะไร 

ดิฉันรันทดกว่าเพราะเข้าใจดีว่าถ้าไม่มีข้อมูล ...เราจะเขียนไม่ออกเลย   และถ้าไม่มีอารมณ์...จะยิ่งเขียนไม่ออกใหญ่    ยิ่งถูกบังคับยิ่งเซ็งน่าดู  ยิ่งเทียบตัวเองกับคนที่เขียนได้  แต่เราเขียนไม่ออก  ยิ่งเบื่อชะมัด

ดิฉันเลยลองเขียนเรื่อยเจื้อยให้เด็กๆดู   ...เขาจะได้สบายใจว่าเราไม่ต้องเขียนเก่งเป็นเลิศ  แต่เขียนไปเรื่อยๆของเรา   ตามที่เรารู้สึก ....เขียนเองอ่านเองสนุกเอง...  ถ้าไม่สนุกเราก็แก้ใหม่  เพราะเราเขียนเอาไว้อ่านเองเพลินๆไป  

ดิฉันอยากบอกเด็กๆแบบที่คุณ jj พูดจัง  ไม่รู้เขาฟังแล้วจะสนุกไปด้วยไหม  แต่วันนี้ดิฉันคงโพสต์บทความตามใจไปเรื่อยๆก่อน ....คือโพสต์เองสนุกเองอะค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณ jj  (ตอนแรกดิฉันตกกะใจว่าทำไมลูกศิษย์เข้ามาเร็วอย่างนี้) และขอบคุณที่แวะมานะคะ       : )

หลานเด็กน้อยสารภี

แวะมาทักทาย,สวัสดีเจ้าของบ้านค่ะ

(^-^)

ไม่แน่ใจว่าน้อง ๆ ที่เรียนการเขียนในยุคหลังเนี่ย

ยังต้องเขียนบันทึกประจำวันลงสมุดลูวาแหววกันอีกรึป่าว..

บันทึกแล้ว..

ฝัม่ผุ

สวัสดีค่ะ

รู้สึกเหมือนตัวเองค่ะ  เขียนไปเรื่อยเจื้อยแล้วค่อยนำมาเรียบเรียง

อ่านสนุกดีค่ะ ได้สาระออกค่ะ

        อ้าว....Nong Mam แวะมาบันทึกนี้ก่อนบันทึกโน้นเหรอจ๊ะ

        ครูยังให้เด็กๆบันทึกในสมุดลายลูกกวาด : )  มาจนกระทั่ง....  จนกระทั่งถึงวันหนึ่งที่ครูเองก็ไม่รู้ว่าจะสื่อสารกับเรื่องที่เด็กๆเขียนอย่างไร  แล้วเทอมนี้ครูก็ไม่ได้ให้เด็กๆบันทึก  โดยที่ครูบอกไม่ค่อยถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร......

         คงเป็นเพราะครูพยายามจะสอน"วิชา"ให้ตรงกับศาสตร์มากขึ้นมั้งจ๊ะ น้องแหม่ม    
         ตัวการ์ตูนที่โต๊ะครูหายไปนานแล้ว  ของเล่นข้างฝาก็หายไปด้วย  หัวใจสายรุ้งและสมุดบันทึกสีลูกกวาดของครู.....  ก็กำลังจะหายไปเหมือนกัน.....

        ดูเหมือนว่าอะไรบางอย่างที่ครูเคยมี...ก็กำลังจะหายไปด้วย........     

         คิดถึงวันที่เคยสอนเด็กๆอย่างเป็นตัวเองแล้วครูมีความสุขชะมัดเลย.....    หรือว่าฝันของครูกำลังจะผุไปจริงๆ.....

         จนกระทั่งวันนี้  วันที่ครูรื้อตู้  รื้อเอา"ของเล่น"ขึ้นมานั่งดู  แล้วถามตัวเองว่ามันหายไปไหน   มันหายไปไหนนะ........

          ครูไม่รู้จริงๆนะจ๊ะว่ามันหายไปไหน  แต่ครูเห็นแล้วว่ามันไม่ได้หายไปทั้งหมด  มันยังอยู่สุขสบายดี  เพียงแค่ครูไม่ได้หันมอง  .....แถมยังเอาเอกสารและตำราไปวางทับมันอีกตั้งเบ้อเริ่ม     จนฝันสายรุ้งของครูแบนแต๊ดแต๋เลย.....

            ของคุณน้องแหม่มสุดหัวใจเลยนะคะ  ที่เอาสมุดบันทึกลายลูกกวาดมาฝากครูอีกครั้ง 
             และคงต้องขอบคุณน้องๆของน้องแหม่มด้วย  ที่บอกครูตรงๆว่าเขียนไม่ออก  ทำให้ครูต้องมาเขียนอะไรเรื่อยเจื้อย  จนหาฝันของครูเจอ

             ฝัน ที่ ครู จะ ไม่ ยอม ปล่อย ให้ ผุ อีก ต่อ ไป  

                                        รักน้องแหม่มชะมัดเลย

                                                     Amp : ) 

สวัสดีค่ะ คุณศศินันท์

         สวัสดีด้วยความระลึกถึงค่ะ  ดิฉันกำลังเตรียมจะเข้าไปตอบในบันทึกไม้ยมกของคุณวีร์อยู่ทีเดียว  อ่านที่ตอบคุณวีร์แล้วชอบจังค่ะ  คุณศศินันท์อธิบายได้เข้าใจง่ายดีจัง 

        บันทึกนี้ดิฉันเขียนแล้วก็ออกจะอายๆนะคะ  เพราะกลอนเปล่านั้นเขียนไว้นานแล้ว  และออกจะไม่ใคร่มีสาระ  (ถ้ามองว่าวรรณกรรมคือข้อเขียนที่ต้องมีสาระลึกซึ้งเสมอ)  

        ดิฉันอยากให้เด็กๆอ่านด้วยความสบายใจว่าการเขียนไปตามใจคิดนั้น  มิใช่เรื่องระทมทุกข์  แต่เป็นการเขียนอย่างสบายใจ  และเป็นการเขียนออกมาตรงๆจากใจ  แม้เรื่องนั้นจะเกี่ยวข้องกับความทุกข์

        และหากเริ่มต้นเขียนไปได้สักครั้งแล้ว  ครั้งหลังๆก็จะง่ายขึ้นมาก  จะยากอยู่ก็แต่ตอนเริ่มต้น  และจะยากที่สุดหากคิดว่าต้องเริ่มและจบไปตามลำดับขั้นสำเร็จรูป  แบบความนำ  เนื้อเรื่อง  สรุป  ซึ่งน้อยคนนักที่จะเขียนร้อยเรียงไปตามลำดับได้เช่นนั้นในทันที

         ดิฉันก็ได้แต่หวังว่าเด็กๆจะค้นพบวิธีที่เหมาะกับตัวเองนะคะ   และขอบพระคุณมากค่ะที่บอกว่าได้สาระ  ดิฉันรู้สึกใจมาเป็นกอง  เพราะหวั่นๆอยู่ว่าดูจะออกไปทางไร้สาระ 

         .....เลยสบายใจขึ้นเยอะ   แล้วก็เลยตอบเสียยาวเฟื้อยเช่นเคยอะค่ะ......  : )

wow! you're so cute

* ต้องร้องแบบตื่นเต้น และทึ่ง อึ้ง มากเลยนะคะ กับมุมมอง อันน่ารักของคุณแอมป์

* ...  โอ มันยอดเยี่ยมเสียนี่กระไร ...  อ่านแล้ว จินตนาการไปไกลทุกครา ... 

 “หาตัวเองให้เจอ......  แล้วก็จงมีความสุขในแบบที่ตัวเองเป็น”   

* นี่ล่ะคะ ใช่เลย ..  ปูมักจะบอกน้องๆ และลูกศิษย์อย่างนี้เสมอค่ะ

* ชอบเขียนบันทึกเช่นกันค่ะ  เขียนมาตั้งแต่ ม. 1 จวบจนบัดนี้ ในกรุมีประมาณน่าจะมากกว่า 50 เล่มแล้วนะคะ  .... 

* อะ อ๋า คุณแอมป์ กรุณาอย่านับอายุ ตามจำนวนไดอารี่ เชียวนะคะ ม่ายช่าย ค่ะ ม่ายช่าย ... 

* มีความสุข เพลิดเพลินกับทุกโมงยาม ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องปู

ขอบคุณมากค่ะ น้องปู  : )  พี่แอมป์ได้ขออนุญาตเรียกน้องปู  ในบันทึก "..คิด ม่าย ออก..." ไปแล้วค่ะ  เพราะเห็นภาพหนูน้อยผมทรง "สถิตย์เสถียร"  แล้วมั่นใจว่าปูต้องเด็กกว่าพี่แอมป์ชัวร์  อิอิ  ไปเลือกภาพหนูน้อยที่ไหนมาเนี่ย น่ารักน่าอุ้มชะมัดเลย

โอ...ขอบอกว่าดีใจมากๆๆอีกทีนะคะ  ที่พี่แอมป์เคยบอกว่ามีเพื่อนสนิทที่มีวิธีสื่อสารคล้ายปูมาก  เราชอบเขียนไดอารี่เหมือนกันด้วย  : )  เพื่อนคนนี้แหละค่ะ  ที่บอกพี่แอมป์อย่างนี้ พี่แอมป์บอกเขาว่าเราสองคนคิดเหมือนกันเลย....    

 “หาตัวเองให้เจอ......  แล้วก็จงมีความสุขในแบบที่ตัวเองเป็น”  

เราเลยเลือกเดินกันคนละทาง  แต่ก็ยังคิดถึงกันเสมอ  ถึงวันอันควรจดจำก็โทร.หากันทีนึง  เพื่อมิตรภาพอันยั่งยืนโดยไม่ต้องนับอายุ   อิอิ (อีกที)

I would say ...wow! you're so sensitive.... na kha.
: )  

สวัสดีค่ะอาจารย์สุขุมาลที่น่ารัก

        เมื่อน้องบีได้อ่านเรื่องทั้งหมดที่อาจารย์ได้มอบหมายไปทั้งหมด  3  เรื่องแล้ว น้องบีช๊อบชอบเรื่อง อะไรเรื่อยเจื้อยมากที่สุดค่ะ  เพราะเมื่ออ่านแล้วน้องบีรู้สึกว่าอาจารย์สื่อถึงความเป็นตัวของตัวเองและมีความมั่นใจในตัวเองสูงม๊ากมาก  อ่านแล้วก็แอบขำนิดๆ  นอกจากจะมีสาระและให้แง่คิดแล้ว  ยังมีมุกตลกเล็กๆสอดไส้เอาไว้อีกด้วย  อ่านแล้วทำให้เพลินจนอยากติดตามบทความตามใจของอาจารย์ต่อไป  และมีข้อความอยู่ข้อความหนึ่งถูกใจน้องบีมากคือ  "หาตัวเองให้เจอ.....แล้วจงมีความสุขในแบบที่ตังเองเป็น" อันนี้น้องบีเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งโป๊ะเช๊ะมากค่ะ

สวัสดีค่ะน้องบี

วันนี้ครูขำตัวเองชะมัดเลย  เพราะครูคิดว่าครูบอกให้เด็กๆไปเปิดอ่าน 3  บันทึกที่ว่าในเลิร์นเนอร์ส์  ที่เด็กๆเบิกบล็อกไว้น่ะค่ะ   แถมวันนี้ครูก็เปิดให้เด็กๆดูแล้วอีกต่างหาก  แต่เพื่อนๆก็ยังแวะมาหาครูที่นี่ด้วย 
เป็นอิทธิฤทธิ์ของคุณ Google มั้งคะเนี่ย 
: )

ครูจะบอกว่าตอนเขียน ครูก็หวั่นๆว่าคนอ่านจะบ่นว่า "เขียนอะไรก็ม่ายรุ  อ่านไม่รู้เรื่อง"  แต่ไหนๆก็ไหนๆ  ครูก็เลยเขียนเรื่อยเจื้อยไปอย่างที่เห็น  คือบางทีเราก็อยากเป็นอย่างที่เราเป็น  ในโอกาสที่เอื้อให้เป็น 

บนแผ่นกระดาษ กับปากกาที่ลากปรื๊ดๆๆๆได้อย่างใจ...  ครู(ก็อยาก)เป็นตัวของตัวเองอย่างมีความสุขเสมอ....  มันโป๊ะเชะดี  : )  (อย่าเอ็ดไปนะคะ เดี๋ยวครูโดน"อาจารย์"ดุ)

และครูขอให้น้องบีอ่านความเห็นที่ครูตอบเพื่อนข้างบนนี้  แล้วก็ไปตามลิ้งก์ข้างล่างนี้อีกทีนะคะ  ครูอยากอ่านความเห็นน้องบีอีก  ครูจะไปรออยู่ที่โน่นนะคะ 
http://learners.in.th/profile/starkiss

สวัสดีครับ ผมก็มาเจื้อยแจ้วครับ มาเอาไปต่อยอดครับ  ขอบคุณครับ

Pสวัสดีอีกทีค่ะเล่าฮู

วันก่อนใครน้าแซวว่าแพนด้าพูดได้  วันนี้คนแซวต้องหงายหลังเลยละ   เพราะแพนด้าพูดได้ "เจื้อยแจ้ว" อีกต่างหาก อิอิ

ว่าแต่ "เรื่อยเจื้อย" นี่มันคล้ายๆ "เรื่อยเปื่อย"นะคะเล่าฮู  แอมแปร์เขียนแล้วก็ออกจะอายๆ   แต่ถ้าเล่าฮูเห็นว่าพอคบได้  ก็ยินดีเป็นที่ยิ่งอะค่ะ 
: )

สวัสดีค่ะพี่แอมป์

บันทึกนี้ของพี่แอมป์ทำให้เบิร์ดยิ้มด้วยความสุขใจ เพราะเบิร์ดกำลังมีปัญหาว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี ดี๊ ดี..

“หาตัวเองให้เจอ......  แล้วก็จงมีความสุขในแบบที่ตัวเองเป็น”   

เราจะเขียนได้อย่างมีความสุขที่สุด   ก็ต่อเมื่อเราได้เขียนอย่างเป็นตัวของตัวเอง 
   
แต่เราจะเขียนได้ดีที่สุด ก็ต่อเมื่อเราลงมือเขียน  และเขียนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง  จนกว่าจะรู้สึกว่าเราเขียนดีแล้ว  และนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่  ตราบใดที่เรายังมีความสุขที่จะเขียน และไม่ได้เขียนเอาเหรียญหรือเขียนเอาคะแนน    ก็จงเขียนไปเถิด

          ให้โอกาสตัวเองได้เขียนเรื่อยเจื้อยไปตามใจตัวเสียบ้าง..... 
                       
            ความสุขมันอยู่ตรงนั้นแหละ   : )

......................................................................

สว่างวาบเลยค่ะพี่แอมป์  ให้โอกาสตัวเองได้เขียนอะไรเรื่อยเจื้อย ตามใจตัวเองซะบ้าง..." ความสุขมันก็อยู่ตรงนั้นแหละ "...

อิ อิ อิ บันทึกต่อไปเบิร์ดจะลองเล่าเรื่อยเปื่อย ไม่งอก ไม่เส้น ไม่เกี่ยวกับอะไร ดูสักทีค่ะพี่แอมป์  อิ อิ อิ เก๊าะความสุขอยู่ที่หาตัวเองให้เจอแล้วมีความสุขในแบบที่ตัวเองเป็นนี่นา ย้าฮู้...ดีใจจริงๆค่ะ

ขอบพระคุณมากๆค่ะสำหรับทางสว่างที่พี่แอมป์ " ชี้ให้เห็น " นะคะ ..ขอบพระคุณมากค่ะ

 

สวัสดีจ๊ะเบิร์ด

         ดีใจจังจ้าที่เบิร์ดแวะมา   กำลังคิดถึงเบิร์ดอย่างมากอยู่เลยจ๊ะ    เพราะสนุกจริงๆที่เบิร์ดชวนคุยเรื่อง "โกงไม่เป็นไรฯ" อย่างออกรส  (พิมพ์แล้วนึกขึ้นได้ว่าไปเรื่อยเจื้อยในบันทึกเบิร์ดเลยดีกว่า   ความสุขมันอยู่ตรงที่ได้เข้าไปบ่นในบันทึกเพื่อนเนี่ยแหละ    อิอิ)

        เบิร์ดก็ทำให้พี่แอมป์ก็สว่างแว่บขึ้นมาเหมือนกัน  ทุกครั้งที่ "เขียนในแบบที่ตัวเองเป็น"    ด้วยวิธีเขียนที่เราเลือกเอง    การเขียนก็ไม่ต่างอะไรกับการบินของเบิร์ดเอ๊ยของนก  ที่โบกโบยบินอย่างเสรีบนฟ้ากว้าง  ด้วยท่าบินของเราเอง   

       โดยไม่ต้องบินไปกลัวไปว่าใครจะบินท่าเท่กว่าเรา    ใครจะบินแซงเรา   ฯลฯ เราบินเพราะเราอยากบิน....  เราเก๊าะบินลั้นลันลาของเราอย่างมีความสุข  : ) 

        และเต็มใจที่จะแบ่งปันความสุขกับนกทุกตัวบนฟ้า  ที่สนุกสนานกับการบินโดยเสรี  ......(อยากให้เด็กๆรู้สึกอย่างนี้จังเลย)

        ขณะเดียวกันก็ไม่ได้แปลว่าเรา   (เราแปลว่าทุกคน)  จะ "สื่อสาร"ไปเรื่อยเจื้อยโดยไม่ตระหนักรู้  วุฒิภาวะในการสื่อสาร(ทั้งการพูดและการเขียน ) จะค่อยๆก่อร่างสร้างรูปขึ้นมา  จากการฝึกสื่อสารอย่างต่อเนื่อง  โดยเฉพาะการสื่อสารด้วยการเขียนในพื้นที่สาธารณะเช่นนี้ 

         เบิร์ดเข้ามาคุยด้วยทีไร   พี่ก็คิดอะไรไปได้ลิ่วๆๆๆทุกทีเหมือนกัน  นี่ลบไปเยอะแล้วนะจ๊ะ
          เพราะขืนปล่อยให้ไปเรื่อยเจื้อย     เดี๋ยวก็จะได้ "เปื่อย...ไม่งอก"  มาอีกชามจริงๆ    อิอิอิอิ

นึกไม่ถึงว่าจะพบอาจารย์แอมป์ที่นี่ครับ  อ่านบทความนี้แล้วนึกถึงมุมกระดานที่อาจารย์ชอบเขียนอะไรคมๆ  เพื่อนยังคุยกับรุ่นพี่ว่าอาจารย์สอนแปลกกว่าอาจารย์ท่านอื่นเพราะอาจารย์ไม่เคยเปิดหนังสือสอน ตอนเรียนพวกผมไม่เข้าใจจริงๆนะครับแต่วันที่ทำงานแล้วเจอปัญหายังบอกกันว่านึกถึงอาจารย์เป็นคนแรกเพราะอาจารย์ชอบตั้งโจทย์แปลกๆให้พวกเราแก้  อาจารย์ฝึกพื้นฐานการทำงานเป็นทีมได้ดีที่สุดครับเพราะอาจารย์เป็นคนละเอียดรอบคอบพวกผมเรียนรู้จากอาจารย์เยอะถึงแม้ตอนเรียนอาจไม่ชอบเพราะเราอยากเรียนสบายๆ  รุ่นพี่บอกว่าตอนเรียนปวดหัวก็จริงแต่ตอนทำงานเราเข้าใจแล้วว่าอาจารย์สอนอะไร   ผมว่าอาจารย์สอนนิเทศศาสตร์เหมาะที่สุดอาจารย์ไม่น่าย้ายคณะเลย  ผมเสียดายที่ได้เรียนกับอาจารย์วิชาเดียว   ชอบตอนอาจารย์พูดว่าโอลัลลามีชีวิตชีวาดีครับ  มากทม.อย่าลืมแวะมาให้พวกผมเลี้ยงข้าวนะครับ     จากลูกศิษย์คนที่เคยถามอาจารย์ว่าทำไมอาจารย์ชอบเดินคนเดียว ตอนนั้นอาจารย์ยังไม่ได้ตอบผม(มีทวงครับอาจารย์)

สวัสดีค่ะคุณ"ลูกศิษย์ครับ"

ครูดีใจซะอีกทีได้ป่าวคะ  ขอบคุณมากๆเลยค่ะที่แวะมาที่นี่ แถมยังสละเวลาโทรฯตามจนเจออีกด้วย  ครูต้องขอโทษที่ไม่ได้โทรฯกลับมิสคอลล์สายแรกๆเพราะกำลังวุ่นวายอยู่กับงาน  ขอบคุณมากๆสำหรับกำลังใจนะคะ  ครูจำได้ว่าตอนสอนพวกคุณครูสนุกมากเพราะนักศึกษาช่างซัก(จนครูจนมุม) : )   : )  หวังว่าคงจะได้พบกันอีกครั้งนะคะ

ขอให้โชคดีในการทำงานนะคะ  ท่านประธาน  : ) 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท