คนเรานั้นถ้ามัวแต่ทำดีเพื่อตนเองเพียงอย่างเดียว ชีวิตก็จะยึดติดอยู่กับ “ตัวกู ของกู” มากเกินไป ทำให้ขาดความสมดุลในชีวิต ซ้ำยังทำให้เราขาดแคลนความสบายใจไปด้วย อย่างน่าเสียดายยิ่งนัก !
ถ้าเราเป็นอย่างนี้แล้ว ทำไมไม่หันมาทำความดีให้คนอื่นดูบ้าง ? ทำไมไม่ถามตนเองว่าจะเริ่มทำดีให้คนอื่นวันละเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อใด ?
การทำดีให้ผู้อื่นนั้นง่ายนิดเดียวครับ เพียงแต่ให้ใน “ปัจจัยต่าง ๆ” เฉพาะส่วนที่เรามีเหลืออันพึงจะนำมาแบ่งปันได้อย่างสบาย ๆ นั่นเอง เช่น แบ่งปันสิ่งของ แบ่งปันความรู้ แบ่งปันคามคิด และแบ่งปันกำลังใจ
การแบ่งปันสิ่งของ ได้แก่การแบ่งปันสิ่งที่เรามีเหลือต่าง ๆ อย่างละเพียงเล็กน้อยของสิ่งที่เรามีอยู่ หรือมีถืออยู่ ณ ขณะนั้น ให้แก่คนที่มีความจำเป็นต้องใช้ในสิ่งนั้น และกำลังขาดแคลนในสิ่งนั้น ณ จังหวะนั้นพอดี
การแบ่งปันดัวยการให้บริการเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงแค่ความเอื้ออาทรในการให้ที่นั่งแก่เด็กและคนสูงอายุบนรถสาธารณะ การช่วยเปิดประตูให้คนที่ถือของหนักเข้าออก ให้ความเป็นมิตรและยิ้มแย้มแจ่มใสในที่ทำงานและคนในบ้าน เข้าทักทายผู้อื่นก่อน เข้าทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ ฯลฯการแบ่งปันความรู้ ได้แก่การแบ่งปันความรู้ที่เราพอมีเหลือ ให้แก่คนที่กำลังขาดแคลนความรู้ในส่วนที่เรามีเหลือเฟืออยู่นั้น เพื่อจะได้นำมาประกอบความรู้ขึ้นมากับความรู้เดิมที่มีตนมีอยู่แล้วเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางความรู้ขึ้นมาใหม่ โดยเฉพาะกับนักจัดการความรู้ด้วยกัน ก็จะเกิดความซึ้งใจว่าจะนำความรู้ในส่วนที่ตนขาดแคลนอยู่นั้น มาเติมเต็มให้เป็นความรู้ที่มีมูลค่าเพิ่มได้เป็นอย่างดี เปรียบเสมือนถ้าเราให้ปลาแก่คนที่หิว 1 ตัวให้แก่คนที่กำลังหิวปลาอยู่ ผู้รับก็จะได้กินปลา 1 ตัวตามที่เราให้มานั้น แต่ถ้าเราให้ความรู้ในการหาปลา เลี้ยงปลา หรือจับปลาแก่ผู้นั้นแล้ว ผู้มีความรู้ดังกล่าวก็จะมีปลากินไปเรื่อย ๆ ครับ ท่านก็ไม่ต้องมาคอยให้ปลาแก่เขาซ้ำ ๆ อีกต่อไปครับ
การแบ่งปันทางความคิด ให้แก่ผู้ที่ยังขาดแคลนหลักการคิดบางประการ เพื่อทำให้ผู้นั้นเกิดความสว่างทางความคิด เพื่อเป็นเข็มทิศในการนำพาชีวิตต่อไปข้างหน้าในระหว่างเดินทางชีวิตนั้น ถือได้ว่ามีคุณค่ายิ่งนักสำหรับเต็มผู้ที่กำลังขาดแคลนทางความคิดอันจำเป็นบางประการ
การแบ่งปันกำลังใจ การให้กำลังใจแก่ผู้อื่นในการทำความดีต่อไปข้างหน้านั้น ยิ่งได้ผลดียิ่งนักสำหรับผู้รับที่ยังมีความขาดแคลนทางกำลังใจในบางส่วนสำหรับการจุดแรงไฟทางใจ ให้เกิดแรงขับเคลื่อนไปสู่ความสำเร็จในการทำความดีในสิ่งที่พึงประสงค์ ถือได้ว่าเป็นอีกกิจการหนึ่งของการให้ที่ทรงพลังยิ่งนัก
ข้อสำคัญของการให้นั้น คือ การให้โดยไม่พึงหวังผลตอบแทน และเป็นการให้ด้วยความเมตตาของผู้ให้โดยแท้
สำหรับความดีที่ทำให้กับผู้อื่นนั้น ขอเพียงให้คำนึงถึงความจำเป็น และความขาดแคลนของผู้รับ ณ ขณะนั้นเป็นสำคัญครับ
ของอย่างนี้ต้องทำจริง ๆ ถึงจะรู้จริง ๆ ครับ ไม่ทำก็ไม่รู้ครับ ! ยิ่งทำตนยิ่งมีมากครับ !
การทำความดีคือบุญ
ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน (แบ่งปันให้ในสิ่งที่จำเป็นทั้งสิ่งของ ความรู้ และกำลังใจ)
ศีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล (การรักษากาย วาจา ให้เรียบร้อย)
ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา (การศึกษาใจตนเอง)
ขอแสดงความยินดีแด่ คุณทนัน ภิวงศ์งาม