ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (8)
ผมกำลังเล่าเหตุการณ์ในการประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.48 โดยผมลงทุนถอด (และเรียบเรียงเล็กน้อย) เสียงคำพูดของแต่ละคนเลยนะครับ ในตอนที่แล้วได้ถอดคำเสนอแผนการดำเนินการระยะสั้นในปี พ.ศ.2549 โดยรองเลขาธิการ สพฐ. นางอารีรัตน์ วัฒนสิน
ต่อไปนี้เป็นคำกล่าวของประธานในที่ประชุม นายจาตุรนต์ ฉายแสง
"ทำอย่างไรอย่าให้ละเอียดเกินไป เวลานี้เรื่องการเรียนการสอนเราไม่ได้ต้องการให้เหมือนกันหมด คือต้องการความแตกต่างหลากหลาย แต่ที่เป็นอยู่เป็นความแตกต่างหลากหลายแบบผิด ๆ ถูก ๆ หมายความว่าบางที่ทำได้ บางที่ทำผิดไปเลย บางที่เข้าใจผิดไปเลย หลากหลายแบบนี้เราไม่ต้องการ เราต้องการให้เป็นแบบถูกถูกถูก แต่แตกต่างกันได้ เช่นหลักสูตรท้องถิ่นก็ย่อมแตกต่างกันแน่นอนอยู่แล้ว ความคิดสร้างสรรค์ในการสอนวิทยาศาสตร์ สอนคณิตศาสตร์ก็ย่อมแตกต่างกัน แต่ไม่ใช่บอกว่าสอนตามที่เด็กสนใจ เอาเด็กเป็นศูนย์กลาง ห้ามครูสอน ครูสอนคือผิด เพราะต้องเอาตามเด็กสนใจ ยังมีความคิดอย่างนี้อยู่มาก บูรณาการคือพาเด็กไปที่โบสถ์วัด พื้นกว้างคูณยาวเป็นคณิตศาสตร์ ดูภาพฝาผนังเป็นศิลปะ คือบูรณาการแบบเบื้องต้นมาก แต่การเรียนแบบบูรณาการแบบซับซ้อนกว่านี้ไม่มีใครอธิบายได้ว่าเรียนแบบบูรณาการคืออะไร การคิดวิเคราะห์หลายประเทศเขามีเป็นหลักสูตรไปแล้ว ของเราแสดงให้ดูได้ชัด ๆ อย่างเดียวคือคณิตศาสตร์ ปัญหาใหญ่คือครูไม่เข้าใจ เพราะครูก็ไม่เคยเรียนมาแบบวิเคราะห์ ครูก็เรียนมาแบบจำเหมือนกัน ทำอย่างไรให้คู่มือนี้ทำให้รู้ว่าใครต้องทำอะไร จับเฉพาะเรื่องสำคัญ ๆ ที่ผิดเพี้ยนไปมาก ๆ ให้มันถูกเสีย แล้วส่งเสริมให้เกิดความหลากหลาย ระดมสติปัญญา แต่ต้องมีคู่มือจากส่วนกลาง ทำให้เขาเข้าใจ
ช่วงแรกเราไม่มีแบบเรียน ให้ครูเขียนเอง ให้ตีความกฎหมายแบบสับสน ปล่อยมานาน ให้เข้าใจแตกต่างกันมาก เกิดความแตกต่างหลากหลายแบบผิด ๆ ถูก ๆ และที่ผิด ๆ มีอยู่เยอะในโรงเรียนเป็นหมื่น เพราะความอัตคัดขัดสนของเขา ทั้งขาดสื่อ ขาดเครื่องมือ และยังมีคำล้อเลียนที่บอกว่าครูชอบลอกกัน ที่ทำให้ครูศึกษาต่อกันและกันน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ได้เรียนรู้จากเรื่องราวผลสำเร็จดี ๆ จากกัน ทำอย่างไรจะให้ครูได้รับรู้ความก้าวหน้าและเรื่องราวความสำเร็จของที่อื่น ๆ ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
ต้องการให้เกิดความพอดีระหว่างความเข้าใจหลักการตรงกัน กับการปฏิบัติที่แตกต่างหลากหลาย ขออย่าให้คู่มือละเอียดเกินจนไปพันธนาการความคิด ขอให้ไปปลดปล่อยความคิด"
ผมได้เสนอความเห็นดังนี้ "ผมสนใจประเด็นหลัง ๆ ของท่านประธาน ที่ว่าครูเข้าใจไม่ตรงกัน ผู้บริหารเข้าใจไม่ตรงกัน ต่อหลักเกณฑ์ที่ทางกระทรวงกำหนด ผมคิดว่ามันจะต้องเป็นเช่นนั้น เพราะการกำหนดนั้นกำหนดโดยภาพใหญ่ ๆ โดยหลักการ เวลาปฏิบัติเขาจะต้องใส่ความเชื่อ วิธีคิด ฯลฯ ของเขาลงไป ดังนั้นวิธีทำให้ไม่เกิดความสับสนอย่างที่ท่านประธานต้องการต้องลงไปดูที่ผลงาน ตัวผลสุดท้ายว่าอยู่ที่ไหน แล้วให้ครูหรือผู้บริหารบอกว่าที่ได้ผลดีเช่นนั้นเพราะเขาตีความอย่างไร เชื่ออย่างไร ทำอย่างไร แล้วเราจึงจะได้ความเข้าใจที่แท้จริง คือในการสร้างความสำเร็จเขาต้องใส่ความเชื่อ การตีความ ความเข้าใจบริบทของท้องถิ่น ฯลฯ ลงไป"
ประธาน : ทำอย่างไรให้ได้เร็ว ผมไม่คิดว่าทำ 2,000 โรงจะทัน
วิจารณ์ : ทำได้ครับ ใช้วิธี KM ให้ท่านที่ปรึกษาเจือจันทร์ทำ ผมขอแจกหนังสือเรื่อง KM
ประธาน : อยากให้ทำได้เร็ว
วิจารณ์ : ทำได้โดยวิธีการ Knowledge Sharing เอาความรู้จากความดีหรือความสำเร็จมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ทำเป็นภาคก็จะทำได้เร็ว ดร. เจือจันทร์จะเข้าใจ
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (1)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (2)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (3)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (4)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (5)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (6)
ข้อเสนอแนะต่อคณะกรรมการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (7)
วิจารณ์ พานิช
31 ธ.ค.48