สังคมอยู่เย็นเป็นสุข


ความสุขมวลรวมประชาชาติ ( Gross Domestic Happiness )
                  ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของระบบการเมืองและนโยบายหลักของประเทศไทย ผมได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของวิทยากรนำการเปลี่ยนแปลง เพื่อนำยุทธศาสตร์"สังคมอยู่เย็นเป็นสุข" ( Green Happiness Soceity )ไปสู่ระดับการปฏิบัติในชุมชน

                       แนวความคิดพื้นฐานของสังคมอยู่เย็นเป็นสุขนี้ มาจากปัญหาในทางสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก ที่ยึดโยงระบบเศรษฐกิจของตนติดอยู่กับทุนนิยมเสรี และวัดค่าความเจริญทางด้านวัตถุเพียงด้านเดียวที่ใช้ตัวชี้วัดทางการผลิต อย่าง GDP ( Gross Domestic Product ) หรือ GNP ( Gross National Product ) ระดับนโยบายพัฒนาประเทศจึงมีจุดหมายมุ่งไปที่การพัฒนาความเจริญทางด้านเศรษฐกิจเพียงด้านเดียว มองข้ามการพัฒนาจิตใจและสังคม ของประชากร

                วันนี้ประเทศไทยมีโอกาสกลับทางความคิดมามองดูตัวเองมากขึ้น พิจารณาสิ่งรอบตัวมากขึ้น และปรับแนวความคิดใหม่ ให้ความสำคัญของความสุขมวลรวมประชาชาติ ( Gross Domestic Happiness ) มอง และมุ่งหมายไปที่การพัฒนาจิตใจและสังคม  ของประชากรมากขึ้นกว่าเดิม ยุทธศาสตร์สังคมอยู่เย็นเป็นสุขจึงเกิดขึ้นเพื่อเป็นจุดเชื่อมหนึ่งของความขัดแย้งทางเศรษฐกิจและการเมือง และนับเป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศไทยสังคมไทยได้หันมองกลับไปที่ความเป็นมาของสังคมและผู้คนมากขึ้น

                 ทีมงานของพวกเราพยายามปรับแนวความคิดที่หลากหลาย ให้ตรงกันมากที่สุดในการเป็นจุดหนึ่งของการนำการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ระดับชาตินี้ไปสู่การปฏิบัติในชนบทของประเทศ   ......เราพยายามอย่างที่สุดที่จะได้ความคิดรวบยอดและการบูรณาการแผนการพัฒนาของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ

                โปรดช่วยแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับพวกเราด้วยครับ  ความมุ่งหวัง   คำจัดกัดความ  หรือความหมายของสังคมอยู่เย็นเป็นสุขในความคิดเห็นของท่านเป็นแบบไหน   ยุทธศาสตร์นี้จะเป็นประโยชน์แก่สังคมไทยได้หรือไม่  เราจะช่วยกันหรือ ไม่  หรือมียุทธศาสตร์อื่นใด  อีก   ขอเชิญแสดงความคิดเห็นครับ....

หมายเลขบันทึก: 114046เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2007 11:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 10:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • ตามมาอ่าน
  • ชอบมาก
  • อยากถามว่าไปบ้านพ่อครูบาถูกไหมครับ
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ อ.ขจิต

          เสียดายจริง ๆ ครับ ผมไม่ได้ไปร่วมงาน  ทั้ง ๆ ที่ อ.ขจิตชวนผมไว้ก่อนตั้งนานแล้ว  

          ผมจะกลับบ้านที่นครนายกครับ มีต้นไม้ส่วนหนึ่งที่ผมอยากนำไปปลูกที่สวนของผม  ขอโทษที่ไม่ได้ไปตามนัดกับ อาจารย์และเพื่อน ๆ พี่ ๆ ครับ

          ผมอยู่ที่นครนายกถึงวันที่ 30  หากผ่านไป ก็ยินดีต้อนรับนะครับ

         ขอบคุณมากครับ ต้องมีโอกาสได้พบ อาจารย์สักครั้งล่ะน่า

  • ขอบคุณมากครับ
  • ที่แจ้งให้ทราบ

สวัสดีครับ

  • เห็นบันทึกนี้แล้ว แต่ยังไม่ได้จังหวะแวะเข้ามาทักทาย เพราะช่วงนั้นกำลังใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ด้วยข้อจำกัดของเวลาที่จะต้องบริหารให้คุ้มค่าที่สุดในต่างแดนครับ
  • น่าสนใจมากเลยครับ ที่เห็นโอกาสท่ามกลางวิกฤติ อ่านบันทึกนี้แล้วเห็นความตั้งอกตั้งใจของทีมงานที่พยายามขับเคลื่อนยุทธศาสตร์...เพื่อบริหารความสุข
  • ยุทธศาสตร์นี้มีประโยชน์แน่นอนครับ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
  • นอกจากเราจะให้คำจำกัดความของคำว่า สังคมอยู่เย็นเป็นสุขในมุมมองของผู้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แล้ว ผมเห็นว่าการสำรวจ สอบถามจากมุมมองของประชาชนจากชุมชนต่างๆมาประกอบกันก็จะทำให้เราเห็น overlap ของความสุขที่คนส่วนใหญ่เห็นตรงกัน
  • ขอบคุณมากครับ

 

 

สวัสดีครับคุณข้ามสีทันดรP

                  ขอบคุณมากนะครับที่เข้ามาช่วย  ผมเห็นด้วยครับ และกำลังหาวิธีลงไปคุยกับชุมชน เอาความคิดเห็นในมุมของสังคมแบบชนบทว่าเขามอง และมุ่งหวังให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุขในแบบไหน

              จะพยายามครับ  

               เห็นว่าอยู่ในต่างแดน น่าสนใจครับเดี๋ยวคงได้เข้าไปแลกเปลี่ยนกับคุณข้ามสีทันดร  ดีใจด้วยครับที่มีโอกาสได้เดินทางและเก็บประสบการณ์ความรู้

คุณสุมิตรคะ  

คนเรา ถ้าอยู่แบบไม่มีเครื่องมือตั้งรับ ก็จะตกในกระแสโลกาภิวัฒน์แน่นอนและเมื่อนั้นคำว่าพอเพียงก็จะไม่มีค่ะ  

 พื้นฐานคนไทยนั้นดั่งเดิมอยู่กันอย่างพอเพียงอยู่แล้ว  โดยเฉพาะในต่างจังหวัด จะมีก็เฉพาะเมืองใหญ่ๆ ที่หลงไปกับทุนนิยมมากไปหน่อย หากได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กันมากๆ   น่าจะต้านกระแสโลกาภิวัฒน์ได้ค่ะ

อ่านที่ดิฉันแสดงความคิดเห็น จะมีเพิ่มเรื่องเครื่องมือไหมคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท