500 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีรายได้มากที่สุดในโลก โดยการจัดอันดับของนิตยสาร FORTUNE ของสหรัฐ


จาก Top Ten ที่ได้รายงานไป มีข้อสังเกตที่เห็นได้อย่างเด่นชัดก็คือ 6 ใน 10 ของบริษัทที่มีรายได้รวมมากที่สุดในโลกล้วนเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ... นอกจากนี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชียซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนา และมีแนวโน้มการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นทุกปี แถมยังต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานจากภายนอกเสียเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าในอีก 10-20 ปีต่อจากนี้ ความมั่นคงด้านพลังงานจะเป็นประเด็นที่ท้าทายต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่ยังไม่รวมถึงมาตรการต่าง ๆ ที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปกจะออกมาเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาดโลกให้เป็นไปอย่างที่ทางกลุ่มต้องการ

นิตยสาร Fortune ของสหรัฐได้เปิดเผยการจัดอันดับ 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกที่มีรายได้รวมมากที่สุดประจำปี 2007 ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับวงการธรุกิจบ้านเราในการติดตามแนวโน้ม และวิถีการเติบโตของธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลก

 

ทั้งนี้ การจัดอันดับของสื่อมะกันรายใหญ่ดังกล่าวในครั้งนี้ มีนัยยะที่น่าสำคัญบางประการที่เราคนไทยน่าจะติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ด้วยเนื้อที่อันจำกัด ผมขอนำเสนอเพียง 10 อันดับแรกของการจัดอันดับครับ ส่วนท่านผู้อ่าน หรือผู้สนใจเพิ่มเติม สามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซด์ของนิตยสารฟอร์จูน หรือจากเว็บไซด์ข่าวชื่อดังต่าง ๆ ได้ เช่น จาก CNN (ซึ่งผมเองก็ใช้อยู่) เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปดูกันเลย

 

อันดับที่ 1 Wal-Mart Stores

 

ธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลก สัญชาติอเมริกันปีนี้สามารถทวงแชมป์จากบริษัท Exxon Mobil บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดสัญชาติเดียวกันได้เป็นที่เรียบร้อย ด้วยรายได้รวมปี 2006 กว่า 351,139 พันล้านเหรียญสหรัฐ  ซึ่งมากกว่าปีก่อนถึง 11%  และด้วยจำนวนของลูกจ้างกว่า 1.9 พันล้านคนทั่วโลก จึงทำให้วอล์มาร์ทผงาดเป็นที่หนึ่งในการจัดอันดับในครั้งนี้อย่างมิต้องสงสัย นอกจากนี้ วอล์มาร์ทยังเป็นธุรกิจค้าปลีกชื่อดังที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสามารถครองอันดับที่หนึ่งได้ถึง 5 สมัย ตลอด 6 ปีล่าสุดที่ผ่านมา ยอดเยี่ยมจริง ๆ

 

อันดับที่ 2 Exxon Mobil

โดนทวงแชมป์อันดับที่ 1 ในปีที่แล้วเป็นอันเรียบร้อยจากบริษัทวอล์มาร์ท บริษัทสัญชาติเดียวกัน ซึ่งปีที่ผ่านมา Exxon Mobil มีรายรวมราว 347,254 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่อย่างไรก็ดี Exxon Mobil ก็ยังเป็นบริษัทที่มีกำไรมากที่สุดในโลก คือประมาณ 39.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ก็ยังดีน่าอย่าเสียใจไปเลยนะ เพราะว่าปีที่ผ่านมานายก็มีเคราะห์หลายเรื่องไม่ใช่เหรอ)

 

อันดับที่ 3 Royal Dutch Shell

ยังรั้งอันดับที่สามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากการจัดอันดับในปีที่แล้วด้วยรายได้รวมที่ 318,845 พันล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยจุดแข็งของบริษัทด้านก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ บริษัท Royal Dutch Shell เชนน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของยุโรป สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ก็ยังถือว่ามีผลประกอบการที่ดี โดยมีรายได้ในภาพรวมโตกว่า 3.9% และยังเป็นบริษัทที่มีกำไรสูงที่สุดเป็นอันดับที่สองของโลก รองจาก Exxon Mobil อีกด้วย โดยฟันกำไรปีที่แล้วกว่า 25.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ (แหม.. แต่ตลาดในเมืองไทยนายน่าจะรุกคืบมากกว่านี้นะ เพราะที่ผ่านมากลยุทธ์ทางการตลาดดูจะแผ่วไปหน่อย)

 

อันดับที่ 4 BP

บริษัทน้ำมันรายใหญ่สัญชาติอังกฤษ ปีที่ผ่านมาโกยรายได้รวมไปกว่า 274,316 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ก็เพราะโชคไม่ดีของบริษัทที่ทำให้โรงกลั่นในรัฐเท็กซัสของสหรัฐระเบิดเมื่อปี 2005 ซ้ำร้ายเข้าไปอีกเมื่อบริษัทฯ ได้ทำน้ำมันรั่วเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2006 ในอลาสก้า ซึ่งนำไปสู่การปิดท่อส่งก๊าซ 2 แห่ง แต่อย่างไรก็ดีกำไรโดยรวมของ BP ตกลงเพียงแค่ 1.5% เท่านั้น ในปีที่แล้ว ถือว่ายังดีนะเนี่ยที่ยังครองอันดับ 4 ไว้ได้ นายแน่มาก..

 

อันดับที่ 5 General Motors

GM ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์จากสหรัฐ โกยรายได้รวมในปี 2006 กว่า 207,349 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีนี้ครองแชมป์อันดับที่ 5 เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว ถึงแม้ปีที่แล้วบริษัทจะขายหุ้นในส่วนที่ทำกำไรมากที่สุดออกไป บวกกับการที่ต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวนมหาศาลให้กับการลดคนงานกว่า 10,000 คน (ปีนี้แย่หน่อยนะสำหรับจีเอ็ม ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตอาจจะแย่กว่า เพราะอีกไม่ช้าไม่นาน นายต้องโดนโตโยต้าจากฝั่งเอเชียของเราแซงหน้าแน่ ๆ อย่างน้อยก็เรื่องรถยนต์ไฮบริดล่ะว่ะ.. อิอิ)

 อันดับที่ 6 Toyota Motor

ปีนี้บริษัท Toyota Motor จากญี่ปุ่น ได้ขยับขึ้นมาสองอันดับ จากปีที่แล้วอันดับที่ 8 มาเป็นที่ 6 ในปีนี้ ด้วยรายได้รวม 204,746 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ Toyota ถือเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และยังเป็นบริษัทที่มีกำไรมากที่สุดอีกด้วย โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 16% จากเมื่อปี 2005 ด้วยกำไรในปี 2006 กว่า 14 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมา โดย Toyota มีกำไรเฉลี่ยต่อรถยนต์หนึ่งคัน (เทียบในปี 2006) อยู่ที่ 1,200 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ Toyota ยังแซง Ford มารั้งอันดับ 2 ด้านยอดขายรถยนต์ในปี 2003 และยังเบียด GM ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งด้านยอดขาย ในไตรมาสแรกของปี 2007 อีกด้วย มาแรงจริง ๆ ครับ Toyota ในทศวรรษนี้ (เป็นบริษัทเอเชียบริษัทเดียวในท็อปเท็นนะเนี่ย เย่ ๆ ๆ ยินดีจัง อย่างน้อยเราก็คนเอเชียเหมือนกัน ไม่ยอมให้พวกฝรั่งมันเจ๋งกว่าหรอก.. ใช่ม่ะ)

อันดับที่ 7 Chevron

 

ตกมาหนึ่งอันดับจากปีที่แล้วด้วยรายได้รวม 200,567 พันล้านเหรียญสหรัฐ  ทั้งนี้ บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐได้ควบรวมกิจการกับ Unocal เมื่อปีที่แล้ว และในขณะนี้ Chevron ก็ถือเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของประเทศไปแล้วอีกด้วย ต้องขอบคุณการควบรวมกิจการดังกล่าวที่ทำให้ Chevron มีกำไรเติบโตกว่า 21.7% โดยมีกำไรถึง 17.1 พันล้านเหรีญสหรัฐ (ยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับเชพรอนนะเนี่ย ที่อย่างน้อยนายก็ยังไม่ลืมที่จะให้สมุดไดอารี่เราเป็นของขวัญปีใหม่ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา)

อันดับที่ 8 DaimlerChrysler

Mercedes บริษัทร่วมกิจการระหว่างยุโรปกับอเมริกันรายนี้ ปีนี้ทำได้ไม่ดีสักเท่าไร แถมยังตกมาหนึ่งอันดับจากปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ดีรายได้รวมของบริษัทก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 9% ในปี 2006 โดยมีรายได้รวมราว 190,191 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ Chrysler นะซิรายได้หดลงกว่า 6% แต่ก็เอาน่าเปิดตัวบริษัท Chrysler ก็ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่กว่า 10 รุ่น เมื่อปีที่แล้ว แถมยังมีแผนที่จะปล่อยอีกมากว่า 8 รุ่น ขอให้นายโชคดีนะ..

อันดับที่ 9 ConocoPhillips

 

ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทในเล็กในสุดใน Big Five ด้านปิโตรเลียม แต่อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ก็ยังเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดใน North America นะจะบอกให้ ต้องขอบคุณการเข้ายึดกิจการของ Burlington Resources เมื่อปี 2005 ด้วยนะเนี่ย นอกจากนี้ ConocoPhillips ยังเป็นบริษัทกลั่นน้ำมันในใหญ่ที่สุดของสหรัฐอีกต่างหาก ปีนี้จึงทำรายได้รวมถึง 172,451 พันล้านเหรียญสหรัฐ (แต่รายได้ก็ยังตามหลัง BP อยู่ดี ปีหน้าขอให้นายโชคดีนะ)

อันดับที่ 10 Total

อ่านว่า โทแทล นะครับ ไม่ใช่ โทเทิล เพราะเป็นบริษัทน้ำมันสัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งปีนี้มีรายได้รวม 168,357 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขยับขึ้นมาสองอันดับจากปีที่แล้วมาอยู่อันดับที่ 10 ในปีนี้ ด้วยปริมาณปั้มน้ำมันกว่า 17,000 แห่งในยุโรป และแอฟริกา ซึ่งโทแทลขายน้ำมันให้กับสองทวีปนี้มากกว่าบริษัทอื่น ๆ แต่ด้วยปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ลดลงราว 5% ก็ทำให้นาย Christophe de Margerie CEO ของบริษัทฯ ได้ออกมาประกาศโครงการใหม่ 11 โครงการ ที่บริษัทจะดำเนินการจากประเทศไนจีเรีย ถึงซาอุดิอาราเบีย เลยนะเนี่ย  (เราดูข่าวนายที่ผ่านมา ได้ยินว่าจะมีความร่วมมือกับก๊าซพรอมที่รัสเซียอีกนี่น่า... แหม ก้าวหน้าไปไกลเกินเพื่อน ๆ ทวีปเดียวกันเลยนะเนี่ย)

** ภาพจาก www.money.cnn.com   

 

บทวิเคราะห์

จาก Top Ten ที่ได้รายงานไป มีข้อสังเกตที่เห็นได้อย่างเด่นชัดก็คือ 6 ใน 10 ของบริษัทที่มีรายได้รวมมากที่สุดในโลกล้วนเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในที่นี้ขอเรียกโดยรวมว่า บริษัทพลังงาน แล้วกันนะครับ เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ทั้งนี้ 6 บริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันถึง 3 บริษัท ส่วนอีก 3 บริษัทก็เป็นบริษัทจากฝั่งยุโรป ณ ตรงนี้ บอกอะไรเราบ้าง...

 

บริษัทพลังานข้ามชาติต่าง ๆ ที่กุมบังเหียนของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ โดยรวมก็ยังเป็นพี่เบิ้มอเมริกัน และประเทศในยุโรปอยู่เหมือนเดิม ซึ่งก็สอดรับกับปริมาณความต้องการใช้พลังงานที่มากขึ้นของประเทศพัฒนาแล้วเหล่านั้น ตรงกันข้ามกับเอเชียซึ่งเป็นภูมิภาคที่บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลกไม่แพ้ประเทศสหรัฐ และประเทศในสหภาพยุโรป ยิ่งไปกว่านั้น คาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ปริมาณการบริโภคน้ำมันในภูมิภาคเอเชียจะสูงที่สุดในโลก ทว่า ไม่มีบริษัทน้ำมันของเอเชียติดอันดับหนึ่งในสิบเลย (บริษัท ปตท. ของเราก็ไปโน่น ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 207 อย่างไรก็ดี ปตท. ของเรานั้นก็มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากเมื่อปีที่แล้วในอันดับที่ 265)

 จากความเป็นจริงดังกล่าว ส่อเค้าได้ว่าชะตากรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนา และมีแนวโน้มการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นทุกปี แถมยังต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานจากภายนอกเสียเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าในอีก 10-20 ปีต่อจากนี้ ความมั่นคงด้านพลังงานจะเป็นประเด็นที่ท้าทายต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่ยังไม่รวมถึงมาตรการต่าง ๆ ที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปกจะออกมาเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาดโลกให้เป็นไปอย่างที่ทางกลุ่มต้องการ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ท่าทีของสหรัฐอเมริกาที่พยายามขัดขวางความร่วมมือของประเทศในเอเชียก็มีมากขึ้น โดยสหรัฐพยายามที่จะเข้าไปแทรกแซง หรือมีบทบาทในภูมิภาคเอเชียให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เช่น บทบาทของสหรัฐในการเป็นผู้นำในกรอบความร่วมมือ APEC และความพยายามที่จะมีส่วนร่วมในการเป็นสมาชิกของการรวมกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก ซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถหาข้อยุติด้านกฎเกณฑ์ และเงื่อนไขการเป็นสมาชิกได้ เพราะสหรัฐต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วม แต่ด้วยที่ตั้งของสหรัฐไม่ค่อยตรงกับคอนเซ็ปเอเชียตะวันออกนัก เนื่องจากความเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในภูมิภาคเชีย แต่ก็ยังไม่ได้มีประเทศใดในเอเชียประเทศมีท่าทีชัดเจนที่จะขัดขวางการเข้ามาของสหรัฐ 

วกกลับมาเรื่องของพลังงานกันอีกครั้ง เมื่อมองโดยรวมอาจจะฟันธงไปได้เลยว่า ถ้าจะลงทุนในธุรกิจควรจะไปลงทุนในธุรกิจด้านพลังงาน เพราะถ้าดูจากปัจจัยพื้นฐานเรื่องรายได้ ราคาหุ้น และผลประกอบการแล้ว ก็ถือได้ว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก็ไม่ผิดนักถ้าจะคิดเช่นนั้น เพราะพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันนั้น ถือเป็นกลจักรที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านพลังงานก็อาจจะเป็นธรุกิจที่ถือได้ว่าปิดประตูขาดทุนเลยก็ว่าได้ (อันนี้ยกเว้นเป็นบางกรณี เช่น ปัญหาด้านธรรมาภิบาลของบริษัทยูคอส บริษัทพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย เนื่องจากการล้มละลายของบริษัทมีสาเหตุมาจากความไม่โปร่งใส และขาดธรรมาภิบาลด้านการบริหารของบริษัทเอง ไม่ได้เป็นเพราะความไม่เจนจัดในสังเวียนของเศรษฐกิจโลก)  

นอกจากนี้ ไพ่ใบสำคัญของบริษัทน้ำมันข้ามชาติที่มีเหนือกว่าธุรกิจประเภทอื่น ๆ คือ สายสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลในประเทศต่าง ๆ ที่บริษัทน้ำมันข้ามชาติเหล่านั้นเข้าไปลงทุน เพราะกิจการด้านน้ำมันและก๊าซทั่วโลกนั้น รัฐจะเป็นผู้กุมอำนาจไว้ทั้งหมด นี่ถือเป็นสิ่งที่ได้เปรียบที่สำคัญของธุรกิจด้านพลังงาน ฟังแล้วท่านผู้อ่านอยากทำธรุกิจด้านพลังงานบ้างไหมล่ะ 

ดังนั้น ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ด้านเศรษฐกิจโลก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจับตามอง เอียงหูฟังอย่างใกล้ชิด เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ แค่เรื่องน้ำมันเรื่องเดียวก็หนาว ๆ ร้อน ๆ กันแล้วใช่ไหมล่ะครับ...

17 กรกฎาคม 2550

หมายเลขบันทึก: 112246เขียนเมื่อ 17 กรกฎาคม 2007 14:35 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:34 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ว้าวววววว บริษัทเราได้อันดับ 7 แน่ะ แต่ทำไมพนักงานลูกจ้างอย่างเราถึงยังย่ำอยู่กับที่น้า ไม่เจริญงอกงามตามบริษัทเล้ย

ชลันดา วรรคไธสง อ้อม
ถ้าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากรวย

เมื่ออ่านบทความนี้แล้ว อาจทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนให้ดีขึ้นได้มาก
ธุรกิจนี้ อยู่ในช่วง"โมเมนตัม" ช่วงนี้จะ "ทำง่ายได้เร็วที่สุด"
http://www.i-amagel.com/?id=kanutsanan



AGEL ธุรกิจที่ คุณโรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้แต่งหนังสือ Rich Dad, Poor Dad เอ่ยปากแนะนำบริษัท Agel ว่าเป็นบริษัทที่น่าร่วมทำธุรกิจด้วย !!! และขณะนี้เป็น Main Speaker ให้กับ เอเจล เรียบร้อยแล้ว



พิสูจน์ด้วยตัวเองกับ วีดีโอที่คุณโรเบิร์ตแนะนำธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของ AGEL ได้ คลิ๊กที่ Link



http://www.i-amagel.com/?id=kanutsanan



ประวัติศาสตร์ปรากฏชัด ทุก 10 ปีจะมี MLM ยักษ์ใหญ่เกิดขึ้น

ปี 1957 AMWAY ผลิตภัณฑ์ภายในบ้าน
ปี 1967 MARY KAY ผลิตภัณฑ์ Cosmetic
ปี 1977 HERBALIFE ผลิตภัณฑ์ด้านลดน้ำหนัก
ปี 1987 NUSKIN ผลิตภัณฑ์ด้านสกินแคร์
ปี 1997 Morinda ผลิตภัณฑ์น้ำโนนิ
ปี 2007 คุณคิดว่าใครจะเป็นยักษ์ใหญ่รายถัดไป ?




ราคา : 120
สนใจติดต่อ : คณัสนันท์ พงษ์พันนา
โทร/tel. : 0854533398
e-mail : [email protected]

บริษัท MLM หลอ ครับสนุกสนานจากการ กินค่าสมัครคนสมัครต่อ

เป็นธุรกิจ แต่ เกิดจากการเอาเงินคนอื่นมาทำให้ตัวเองรวย

ด้วยการ Auto ชิป ต่อเดือน สินค้ามาคั่นไม่ให้ผิดกฎหมาย

ถ้าไม่ มีสินค้าก็คือการ แชลูกโซ่ ซึ่งผิดกฎหมาย ถามหน่อย ถ้าไม่มีสินค้า

ชวนคนได้เงิน อย่างเดียว สินค้าไม่ใช้ คืออะใร ก็ กินหัวคิดแหละ

ปิยะภรณ์ เลื่องสีนิล

เนื่องจากทางเราเป็นโรงงานจัดทำสินค้าและบริการด้านเสื้อผ้า

ไม่ว่าจะเป็น ชุดยูนิฟอร์ม เสื้อโปโล เสื้อยืดคอกลม เสื้อแจ็คเก็จ ชุดวอร์ม / กีฬา เสื้อช๊อป เน็คไทร์ รวมไปถึง หมวก กระเป๋าผ้า กระเป๋าเป้ กระเป๋าเอกสาร รวมไปถึงยังรับออกแบบลวดลายตามความต้องการของลูกค้า

ไม่ว่าจะเป็นงานปัก หรืองานสกรีน ทางเราขอรับประกันคุณภาพและบริการ เพราะทางเราได้ผ่านการบริการมาแล้วไม่น้อยกว่า 30 ปี จึงมีความเชียวชาญในการจัดทำสินค้าและบริการ

ทั้งนี้ทางร้านยังได้รับความไว้วางใจจากสถานที่ราชการ หน่วยงาน โรงเรียน บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ให้เป็นตัวแทนผู้ผลิตสินค้าและบริการให้อย่างมั่นใจ ในคุณภาพและระยะเวลาการจัดส่งสินค้า

หากทางท่านกำลังมองหาสินค้าและบริการข้างต้นนี้ กรุณาให้โอกาสและความไว้ใจในการบริการของทางเรา

ขอขอบคุณ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

ขอแสดงความนับถือ

นางสาวปิยะภรณ์ เลื่องสีนิล

( ฝ่ายธุรการ )

www.Do shirt.net

Tel…02-5162117,081-3509018

Fax…02-5169813

E-mail: [email protected]

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท