นิตยสาร Fortune ของสหรัฐได้เปิดเผยการจัดอันดับ 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกที่มีรายได้รวมมากที่สุดประจำปี 2007 ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับวงการธรุกิจบ้านเราในการติดตามแนวโน้ม และวิถีการเติบโตของธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลก
ทั้งนี้ การจัดอันดับของสื่อมะกันรายใหญ่ดังกล่าวในครั้งนี้ มีนัยยะที่น่าสำคัญบางประการที่เราคนไทยน่าจะติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ด้วยเนื้อที่อันจำกัด ผมขอนำเสนอเพียง 10 อันดับแรกของการจัดอันดับครับ ส่วนท่านผู้อ่าน หรือผู้สนใจเพิ่มเติม สามารถค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซด์ของนิตยสารฟอร์จูน หรือจากเว็บไซด์ข่าวชื่อดังต่าง ๆ ได้ เช่น จาก CNN (ซึ่งผมเองก็ใช้อยู่) เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไปดูกันเลย
อันดับที่ 1 Wal-Mart Stores
ธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของโลก สัญชาติอเมริกันปีนี้สามารถทวงแชมป์จากบริษัท Exxon Mobil บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดสัญชาติเดียวกันได้เป็นที่เรียบร้อย ด้วยรายได้รวมปี 2006 กว่า 351,139 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่าปีก่อนถึง 11% และด้วยจำนวนของลูกจ้างกว่า 1.9 พันล้านคนทั่วโลก จึงทำให้วอล์มาร์ทผงาดเป็นที่หนึ่งในการจัดอันดับในครั้งนี้อย่างมิต้องสงสัย นอกจากนี้ วอล์มาร์ทยังเป็นธุรกิจค้าปลีกชื่อดังที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสามารถครองอันดับที่หนึ่งได้ถึง 5 สมัย ตลอด 6 ปีล่าสุดที่ผ่านมา ยอดเยี่ยมจริง ๆ
อันดับที่ 2 Exxon Mobil
โดนทวงแชมป์อันดับที่ 1 ในปีที่แล้วเป็นอันเรียบร้อยจากบริษัทวอล์มาร์ท บริษัทสัญชาติเดียวกัน ซึ่งปีที่ผ่านมา Exxon Mobil มีรายรวมราว 347,254 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่อย่างไรก็ดี Exxon Mobil ก็ยังเป็นบริษัทที่มีกำไรมากที่สุดในโลก คือประมาณ 39.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ก็ยังดีน่าอย่าเสียใจไปเลยนะ เพราะว่าปีที่ผ่านมานายก็มีเคราะห์หลายเรื่องไม่ใช่เหรอ)
อันดับที่ 3 Royal Dutch Shell
ยังรั้งอันดับที่สามเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากการจัดอันดับในปีที่แล้วด้วยรายได้รวมที่ 318,845 พันล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยจุดแข็งของบริษัทด้านก๊าซธรรมชาติ ทั้งนี้ บริษัท Royal Dutch Shell เชนน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของยุโรป สัญชาติเนเธอร์แลนด์ ก็ยังถือว่ามีผลประกอบการที่ดี โดยมีรายได้ในภาพรวมโตกว่า 3.9% และยังเป็นบริษัทที่มีกำไรสูงที่สุดเป็นอันดับที่สองของโลก รองจาก Exxon Mobil อีกด้วย โดยฟันกำไรปีที่แล้วกว่า 25.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ (แหม.. แต่ตลาดในเมืองไทยนายน่าจะรุกคืบมากกว่านี้นะ เพราะที่ผ่านมากลยุทธ์ทางการตลาดดูจะแผ่วไปหน่อย)
อันดับที่ 4 BP
บริษัทน้ำมันรายใหญ่สัญชาติอังกฤษ ปีที่ผ่านมาโกยรายได้รวมไปกว่า 274,316 พันล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น ก็เพราะโชคไม่ดีของบริษัทที่ทำให้โรงกลั่นในรัฐเท็กซัสของสหรัฐระเบิดเมื่อปี 2005 ซ้ำร้ายเข้าไปอีกเมื่อบริษัทฯ ได้ทำน้ำมันรั่วเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2006 ในอลาสก้า ซึ่งนำไปสู่การปิดท่อส่งก๊าซ 2 แห่ง แต่อย่างไรก็ดีกำไรโดยรวมของ BP ตกลงเพียงแค่ 1.5% เท่านั้น ในปีที่แล้ว ถือว่ายังดีนะเนี่ยที่ยังครองอันดับ 4 ไว้ได้ นายแน่มาก..
อันดับที่ 5 General Motors
GM ยักษ์ใหญ่ด้านยานยนต์จากสหรัฐ โกยรายได้รวมในปี 2006 กว่า 207,349 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีนี้ครองแชมป์อันดับที่ 5 เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว ถึงแม้ปีที่แล้วบริษัทจะขายหุ้นในส่วนที่ทำกำไรมากที่สุดออกไป บวกกับการที่ต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวนมหาศาลให้กับการลดคนงานกว่า 10,000 คน (ปีนี้แย่หน่อยนะสำหรับจีเอ็ม ยิ่งไปกว่านั้นในอนาคตอาจจะแย่กว่า เพราะอีกไม่ช้าไม่นาน นายต้องโดนโตโยต้าจากฝั่งเอเชียของเราแซงหน้าแน่ ๆ อย่างน้อยก็เรื่องรถยนต์ไฮบริดล่ะว่ะ.. อิอิ)
อันดับที่ 6 Toyota Motor
ปีนี้บริษัท Toyota Motor จากญี่ปุ่น ได้ขยับขึ้นมาสองอันดับ จากปีที่แล้วอันดับที่ 8 มาเป็นที่ 6 ในปีนี้ ด้วยรายได้รวม 204,746 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ Toyota ถือเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย และยังเป็นบริษัทที่มีกำไรมากที่สุดอีกด้วย โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 16% จากเมื่อปี 2005 ด้วยกำไรในปี 2006 กว่า 14 พันล้านเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมา โดย Toyota มีกำไรเฉลี่ยต่อรถยนต์หนึ่งคัน (เทียบในปี 2006) อยู่ที่ 1,200 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ Toyota ยังแซง Ford มารั้งอันดับ 2 ด้านยอดขายรถยนต์ในปี 2003 และยังเบียด GM ขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งด้านยอดขาย ในไตรมาสแรกของปี 2007 อีกด้วย มาแรงจริง ๆ ครับ Toyota ในทศวรรษนี้ (เป็นบริษัทเอเชียบริษัทเดียวในท็อปเท็นนะเนี่ย เย่ ๆ ๆ ยินดีจัง อย่างน้อยเราก็คนเอเชียเหมือนกัน ไม่ยอมให้พวกฝรั่งมันเจ๋งกว่าหรอก.. ใช่ม่ะ)
อันดับที่ 7 Chevron
ตกมาหนึ่งอันดับจากปีที่แล้วด้วยรายได้รวม 200,567 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ บริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐได้ควบรวมกิจการกับ Unocal เมื่อปีที่แล้ว และในขณะนี้ Chevron ก็ถือเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของประเทศไปแล้วอีกด้วย ต้องขอบคุณการควบรวมกิจการดังกล่าวที่ทำให้ Chevron มีกำไรเติบโตกว่า 21.7% โดยมีกำไรถึง 17.1 พันล้านเหรีญสหรัฐ (ยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับเชพรอนนะเนี่ย ที่อย่างน้อยนายก็ยังไม่ลืมที่จะให้สมุดไดอารี่เราเป็นของขวัญปีใหม่ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา)
อันดับที่ 8 DaimlerChrysler
Mercedes บริษัทร่วมกิจการระหว่างยุโรปกับอเมริกันรายนี้ ปีนี้ทำได้ไม่ดีสักเท่าไร แถมยังตกมาหนึ่งอันดับจากปีที่แล้ว แต่อย่างไรก็ดีรายได้รวมของบริษัทก็ยังเพิ่มขึ้นถึง 9% ในปี 2006 โดยมีรายได้รวมราว 190,191 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ Chrysler นะซิรายได้หดลงกว่า 6% แต่ก็เอาน่าเปิดตัวบริษัท Chrysler ก็ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่กว่า 10 รุ่น เมื่อปีที่แล้ว แถมยังมีแผนที่จะปล่อยอีกมากว่า 8 รุ่น ขอให้นายโชคดีนะ..
อันดับที่ 9 ConocoPhillips
ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทในเล็กในสุดใน Big Five ด้านปิโตรเลียม แต่อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ก็ยังเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดใน North America นะจะบอกให้ ต้องขอบคุณการเข้ายึดกิจการของ Burlington Resources เมื่อปี 2005 ด้วยนะเนี่ย นอกจากนี้ ConocoPhillips ยังเป็นบริษัทกลั่นน้ำมันในใหญ่ที่สุดของสหรัฐอีกต่างหาก ปีนี้จึงทำรายได้รวมถึง 172,451 พันล้านเหรียญสหรัฐ (แต่รายได้ก็ยังตามหลัง BP อยู่ดี ปีหน้าขอให้นายโชคดีนะ)
อันดับที่ 10 Total
อ่านว่า “โทแทล” นะครับ ไม่ใช่ “โทเทิล” เพราะเป็นบริษัทน้ำมันสัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งปีนี้มีรายได้รวม 168,357 พันล้านเหรียญสหรัฐ ขยับขึ้นมาสองอันดับจากปีที่แล้วมาอยู่อันดับที่ 10 ในปีนี้ ด้วยปริมาณปั้มน้ำมันกว่า 17,000 แห่งในยุโรป และแอฟริกา ซึ่งโทแทลขายน้ำมันให้กับสองทวีปนี้มากกว่าบริษัทอื่น ๆ แต่ด้วยปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ลดลงราว 5% ก็ทำให้นาย Christophe de Margerie CEO ของบริษัทฯ ได้ออกมาประกาศโครงการใหม่ 11 โครงการ ที่บริษัทจะดำเนินการจากประเทศไนจีเรีย ถึงซาอุดิอาราเบีย เลยนะเนี่ย (เราดูข่าวนายที่ผ่านมา ได้ยินว่าจะมีความร่วมมือกับก๊าซพรอมที่รัสเซียอีกนี่น่า... แหม ก้าวหน้าไปไกลเกินเพื่อน ๆ ทวีปเดียวกันเลยนะเนี่ย)
** ภาพจาก www.money.cnn.com
บทวิเคราะห์
จาก Top Ten ที่ได้รายงานไป มีข้อสังเกตที่เห็นได้อย่างเด่นชัดก็คือ 6 ใน 10 ของบริษัทที่มีรายได้รวมมากที่สุดในโลกล้วนเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ในที่นี้ขอเรียกโดยรวมว่า “บริษัทพลังงาน” แล้วกันนะครับ เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ทั้งนี้ 6 บริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันถึง 3 บริษัท ส่วนอีก 3 บริษัทก็เป็นบริษัทจากฝั่งยุโรป ณ ตรงนี้ บอกอะไรเราบ้าง...
บริษัทพลังานข้ามชาติต่าง ๆ ที่กุมบังเหียนของเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ โดยรวมก็ยังเป็นพี่เบิ้มอเมริกัน และประเทศในยุโรปอยู่เหมือนเดิม ซึ่งก็สอดรับกับปริมาณความต้องการใช้พลังงานที่มากขึ้นของประเทศพัฒนาแล้วเหล่านั้น ตรงกันข้ามกับเอเชียซึ่งเป็นภูมิภาคที่บริโภคพลังงานรายใหญ่ของโลกไม่แพ้ประเทศสหรัฐ และประเทศในสหภาพยุโรป ยิ่งไปกว่านั้น คาดว่าในอีก 20 ปีข้างหน้า ปริมาณการบริโภคน้ำมันในภูมิภาคเอเชียจะสูงที่สุดในโลก ทว่า ไม่มีบริษัทน้ำมันของเอเชียติดอันดับหนึ่งในสิบเลย (บริษัท ปตท. ของเราก็ไปโน่น ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 207 อย่างไรก็ดี ปตท. ของเรานั้นก็มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากเมื่อปีที่แล้วในอันดับที่ 265)
จากความเป็นจริงดังกล่าว ส่อเค้าได้ว่าชะตากรรมของประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศกำลังพัฒนา และมีแนวโน้มการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นทุกปี แถมยังต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานจากภายนอกเสียเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าในอีก 10-20 ปีต่อจากนี้ ความมั่นคงด้านพลังงานจะเป็นประเด็นที่ท้าทายต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นี่ยังไม่รวมถึงมาตรการต่าง ๆ ที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน หรือโอเปกจะออกมาเพื่อพยุงราคาน้ำมันในตลาดโลกให้เป็นไปอย่างที่ทางกลุ่มต้องการ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ท่าทีของสหรัฐอเมริกาที่พยายามขัดขวางความร่วมมือของประเทศในเอเชียก็มีมากขึ้น โดยสหรัฐพยายามที่จะเข้าไปแทรกแซง หรือมีบทบาทในภูมิภาคเอเชียให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เช่น บทบาทของสหรัฐในการเป็นผู้นำในกรอบความร่วมมือ APEC และความพยายามที่จะมีส่วนร่วมในการเป็นสมาชิกของการรวมกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก ซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถหาข้อยุติด้านกฎเกณฑ์ และเงื่อนไขการเป็นสมาชิกได้ เพราะสหรัฐต้องการที่จะเข้ามามีส่วนร่วม แต่ด้วยที่ตั้งของสหรัฐไม่ค่อยตรงกับคอนเซ็ปเอเชียตะวันออกนัก เนื่องจากความเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในภูมิภาคเชีย แต่ก็ยังไม่ได้มีประเทศใดในเอเชียประเทศมีท่าทีชัดเจนที่จะขัดขวางการเข้ามาของสหรัฐ
วกกลับมาเรื่องของพลังงานกันอีกครั้ง เมื่อมองโดยรวมอาจจะฟันธงไปได้เลยว่า ถ้าจะลงทุนในธุรกิจควรจะไปลงทุนในธุรกิจด้านพลังงาน เพราะถ้าดูจากปัจจัยพื้นฐานเรื่องรายได้ ราคาหุ้น และผลประกอบการแล้ว ก็ถือได้ว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งก็ไม่ผิดนักถ้าจะคิดเช่นนั้น เพราะพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันนั้น ถือเป็นกลจักรที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านพลังงานก็อาจจะเป็นธรุกิจที่ถือได้ว่าปิดประตูขาดทุนเลยก็ว่าได้ (อันนี้ยกเว้นเป็นบางกรณี เช่น ปัญหาด้านธรรมาภิบาลของบริษัทยูคอส บริษัทพลังงานรายใหญ่ของรัสเซีย เนื่องจากการล้มละลายของบริษัทมีสาเหตุมาจากความไม่โปร่งใส และขาดธรรมาภิบาลด้านการบริหารของบริษัทเอง ไม่ได้เป็นเพราะความไม่เจนจัดในสังเวียนของเศรษฐกิจโลก)
นอกจากนี้ ไพ่ใบสำคัญของบริษัทน้ำมันข้ามชาติที่มีเหนือกว่าธุรกิจประเภทอื่น ๆ คือ สายสัมพันธ์อันดีกับรัฐบาลในประเทศต่าง ๆ ที่บริษัทน้ำมันข้ามชาติเหล่านั้นเข้าไปลงทุน เพราะกิจการด้านน้ำมันและก๊าซทั่วโลกนั้น รัฐจะเป็นผู้กุมอำนาจไว้ทั้งหมด นี่ถือเป็นสิ่งที่ได้เปรียบที่สำคัญของธุรกิจด้านพลังงาน ฟังแล้วท่านผู้อ่านอยากทำธรุกิจด้านพลังงานบ้างไหมล่ะ
ดังนั้น ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ด้านเศรษฐกิจโลก จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจับตามอง เอียงหูฟังอย่างใกล้ชิด เพราะว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ แค่เรื่องน้ำมันเรื่องเดียวก็หนาว ๆ ร้อน ๆ กันแล้วใช่ไหมล่ะครับ...
17 กรกฎาคม 2550
ว้าวววววว บริษัทเราได้อันดับ 7 แน่ะ แต่ทำไมพนักงานลูกจ้างอย่างเราถึงยังย่ำอยู่กับที่น้า ไม่เจริญงอกงามตามบริษัทเล้ย
บริษัท MLM หลอ ครับสนุกสนานจากการ กินค่าสมัครคนสมัครต่อ
เป็นธุรกิจ แต่ เกิดจากการเอาเงินคนอื่นมาทำให้ตัวเองรวย
ด้วยการ Auto ชิป ต่อเดือน สินค้ามาคั่นไม่ให้ผิดกฎหมาย
ถ้าไม่ มีสินค้าก็คือการ แชลูกโซ่ ซึ่งผิดกฎหมาย ถามหน่อย ถ้าไม่มีสินค้า
ชวนคนได้เงิน อย่างเดียว สินค้าไม่ใช้ คืออะใร ก็ กินหัวคิดแหละ
เนื่องจากทางเราเป็นโรงงานจัดทำสินค้าและบริการด้านเสื้อผ้า
ไม่ว่าจะเป็น ชุดยูนิฟอร์ม เสื้อโปโล เสื้อยืดคอกลม เสื้อแจ็คเก็จ ชุดวอร์ม / กีฬา เสื้อช๊อป เน็คไทร์ รวมไปถึง หมวก กระเป๋าผ้า กระเป๋าเป้ กระเป๋าเอกสาร รวมไปถึงยังรับออกแบบลวดลายตามความต้องการของลูกค้า
ไม่ว่าจะเป็นงานปัก หรืองานสกรีน ทางเราขอรับประกันคุณภาพและบริการ เพราะทางเราได้ผ่านการบริการมาแล้วไม่น้อยกว่า 30 ปี จึงมีความเชียวชาญในการจัดทำสินค้าและบริการ
ทั้งนี้ทางร้านยังได้รับความไว้วางใจจากสถานที่ราชการ หน่วยงาน โรงเรียน บริษัทห้างร้านต่าง ๆ ให้เป็นตัวแทนผู้ผลิตสินค้าและบริการให้อย่างมั่นใจ ในคุณภาพและระยะเวลาการจัดส่งสินค้า
หากทางท่านกำลังมองหาสินค้าและบริการข้างต้นนี้ กรุณาให้โอกาสและความไว้ใจในการบริการของทางเรา
ขอขอบคุณ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย
ขอแสดงความนับถือ
นางสาวปิยะภรณ์ เลื่องสีนิล
( ฝ่ายธุรการ )
www.Do shirt.net
Tel…02-5162117,081-3509018
Fax…02-5169813
E-mail: [email protected]