ไหมจากถนนสายแฟชั่นสู่ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ
ไหมจากถนนสายแฟชั่นสู่ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ
เรียบเรียงโดย...วิโรจน์ แก้วเรือง
นานมาแล้วที่ไหมถูกนำมาใช้เป็นอาภรณ์ ปัจจุบันกำลังถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ ความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ โปรตีนจากไหมถูกนำมาใช้เป็นเครื่องสำอางผลิตภัณฑ์ทางด้านยาและอาหารอันเป็นคุณค่าของไหมให้มากขึ้น
ในบรรดาสิ่งทอ ไหมมีค่ามากกว่าสิ่งทออื่นๆปัจจุบันในประเทศญี่ปุ่น เส้นใยจากธรรมชาติ ดึงดูดความสนใจมากกว่าเส้นใยสังเคราะห์ที่ครองตลาดมาเป็นเวลาหลายปี ในขณะที่ฝ้าย ขนสัตว์ และลินนิน ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แต่ไหมก็ยังครองหัวใจของชาวญี่ปุ่นได้ระดับหนึ่ง โดยเฉพาะสุภาพสตรี
เหตุผลหนึ่ง คือ สตรีชาวญี่ปุ่นมีการนุ่งชุดกิโมโนไหมเป็นประเพณีมาเป็นเวลาช้านาน ไหมจะถูกสวมใส่ในงานพิธีที่ต้องการความหรูหราและสง่างาม จำเป็นต้องออกแบบให้ปราณีต เช่นเดียวกับนาฬิกา และกระเป๋าถือ จากการสำรวจของบริษัทเอกชน พบว่า เสื้อสตรีที่ทำด้วยไหมที่มีราคาถึง 59,000 เยน หรือประมาณ 14,160 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 100 เยน =24 บาท) สามารถขายได้ดีกว่าเสื้อแบบเดียวกันที่ทำด้วยลินนิน ที่มีราคาเพียง 20,000 เยน หรือประมาณ 4,800 บาท เสียอีก
ผ้าไหม เดิมจะใช้สวมใส่ใส่เฉพาะในงานที่ต้องการแสดงถึงสถานะในสังคมแต่ปัจจุบันจะนิยมสวมใส่เป็นอาภรณ์ประจำวันไปเสียแล้ว
จากการสำรวจพบว่า ชาวญี่ปุ่น 10 % จะสวมใส่ผ้าไหมเพื่อแสดงถึงสถานะแต่มากกว่า 80 % สวมใส่ผ้าไหมเพราะความรู้สึกที่ดีของไหมต่อผิวหนัง ในจำนวนนี้ กว่า 50 % กล่าว การสวมผ้าไหมแล้วรู้สึกสบาย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ประชากรจำนวนมากของญี่ปุ่นจึงนิยมใช้สิ่งทอจากเส้นใยไหม เช่น ผ้าพันคอ เสื้อ ชุดชั้นใน และชุดนอน อันเนื่องมาจากเส้นใยไหม ยังมีความเหนียว แข็งแรง ให้ความรู้สึกที่ปลอดโปร่งสบาย อีกด้วย จึงครองใจชาวอาทิตย์อุทัยตลอดมาผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการใช้เทคนิคโนโลยีชีวภาพ
นอกจากความเป็นเลิศในเรื่องของเส้นใยแล้ว ไหมยังเป็นวัสดุที่มีคุณค่าและศักยภาพสูงเมื่อมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้เนื่องจากเส้นใยไหมส่วนใหญ่เป็นโปรตีนที่มีความใกล้เคียงกับโปรตีนที่พบในร่างกายมนุษย์ ซึ่งยากยิ่งที่สารสังเคราะห์อื่นๆจะทำให้มีความใกล้เคียงกับโปรตีนของมนุษย์ได้
การผลิตรังไหมสามารถทำได้ง่าย ร้อยละ 90 ของเส้นใยเป็นโปรตีน ประกอบด้วยไฟโบรอินและเซริซิน แต่ไฟโบรอินเท่านั้นที่ใช้ทำเส้นใย ดังนั้นงานวิจัยจึงมุ่งเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากไฟโบรอิน
ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อ 60 ปีก่อน บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการเครื่องสำอางประเทศญี่ปุ่น ได้นำไฟโบรอินมาหลอมในรูปของสารละลายก่อนที่จะทำเป็นผงครีม ไฟโบรอินถูกนำมาใช้เป็นเครื่องสำอางค์แต่งหน้ากับผู้แสดงละครคาบูกิ ที่จำเป็นต้องพอกเครื่องสำอางจำนวนมากบนใบหน้า ทำให้ผู้แสดงรู้สึกสบายผิวมากขึ้น เมื่อใช้เครื่องสำอางที่ทำจากเส้นไหมเพราะช่วยลดความร้อนของผิวหน้ารักษาความชุ่มชื่นของผิวหนังได้ดี และป้องกันอันตรายจากแสงอุลตร้าไวโอเลต เมื่อต้องแสดงกลางแจ้ง นอกจากนั้นยังเข้ากับผิวหน้าได้ดีกว่าเครื่องสำอางชนิดอื่น
ทำนองเดียวกับ การแต่งผมจะมีการใช้ Silk polymer และ Silk peptides ที่จะใช้ทางการแพทย์และการผลิตอาหารจากสารละลายไฟโบรอิน ไหมได้นำมาใช้เป็นด้ายเย็บแผลมานานแล้ว เพราะนอกจากเหนียวทนต่อการเข้าทำลายของเชื้อโรคแล้ว ยังเข้ากับเนื้อเยื่อของมนุษย์ได้ดี
นอกจากนั้นไฟโบรอิน ยังใช้ทำคอนแท็กเลนส์ ผิวหนังเทียม อวัยวะเทียม แม้ว่า อุปกรณ์เหล่านี้จะทำได้ด้วยพลาสติก แต่ก็มักจะถูกต่อต้านจากร่างกายสูง
งานวิจัยเมื่อเร็วๆนี้ พบว่า กรดอมิโนที่พบในไฟโบรอิน มีผลดีต่อร่างกาย เช่น Glycine จะช่วยให้ปริมาณ คอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลง ในขณะที่ Alanine จะช่วยการทำงานของตับ เช่น ทำให้อาการเมาค้างกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ขณะที่ Serine จะทำให้การทำงานของสมองให้ผู้สูงอายุดีขึ้น
ไฟโบรอิน ยังใช้เป็น immobilyze enzyme นำมาใช้เป็นผงซักฟอกที่มีคุณภาพสูงเพราะสามารถเคลื่อนย้ายสิ่งสกปรกด้วยการกระตุ้นปฏิกิริยาทางเคมี เป็นที่ทราบกันดีว่า เอ็นไซม์จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ และความเป็นกรด แต่เมื่อเติมไฟโบรอินลงไป จะทำให้เอ็นไซม์มีคุณภาพสูงและคงคุณสมบัติอยู่ได้นาน
เชื่อว่าไฟโบรอิน จะมีศักยภาพพอในการพัฒนาเป็น Biosensors ที่ใช้ในการตรวจหามะเร็งและเชื้อไวรัสในเซลล์ ด้วยเหตุผลดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์หวังว่าจะใช้ไฟโบรอินกับโรคเอดส์ มะเร็ง หรือ Phenylketonuria
__________________________________
ที่มา : Anonymous, .From Biotechology to Fashion Silk Enhances Life Inside and Out,
Traescope,June, pp. 9-10
ความเห็น (2)
ขอบคุณคะ
เป็นประโยชน์สำหรับการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจริงๆ
ตอบ คุณ nook
ขออภัยที่ตอบช้า และขอขอบคุณเช่นกันครับ มีอะไรใหม่จะส่งมาให้อ่านอีกครับ