เปิดโลกกิจกรรม (1) : เปิดตำนานสายธารกิจกรรมนิสิต


กิจกรรมดังกล่าวเป็นเวทีแห่งการแสดง “ตัวตน” ของนักกิจกรรมอย่างชัดเจน
14   กรกฎาคม  2550  -

ผมตื่นนอนเช้าตรู่เพื่อเตรียมตัวไปร่วมพิธีเปิดกิจกรรมอันสำคัญของเหล่าขุนพลนักฝันที่ย่ำเดินอยู่บนถนนสายแห่งการแสวงหาที่ไม่รู้จบ   และถนนสายนี้ก็เป็นถนนที่มีคำตอบอันหลากหลายที่พวกเขาไม่อาจพบเจอได้ในห้องเรียนอันแคบเล็ก  ซึ่งนั่นก็คือโครงการ เปิดโลกกิจกรรม 

   

เปิดโลกกิจกรรม  ถือเป็นกิจกรรมอันสำคัญของชาวกิจกรรมนิสิต  เพราะนี่คือเวทีแห่งการเปิดตัวของเหล่าบรรดาชมรม  หรือองค์กรกิจกรรมทั่วทั้งมหาวิทยาลัย  ทั้งในระดับองค์การนิสิตและสโมสรนิสิตคณะ  ต่างจูงมือประสานใจพาเหรดกันมาออกซุ้มแสดงผลงานและเกียรติประวัติของตนเองอย่างพร้อมหน้า  รวมถึงการเปิดโต๊ะรับสมัครสมาชิกใหม่เข้าสู่การเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางบนถนนสายกิจกรรม   และไม่วายหลงลืมขนสินค้านานาชนิดมาจำหน่ายระดมทุนเข้าชมรม  หรือแม้แต่การแจกจ่ายของที่ระลึกก็มีให้เลือกเป็นเจ้าของอย่างล้นหลาย -

    

เป็นที่น่าเสียดายว่า   ตลอดระยะเวลาอันยาวนานนั้นไม่มีใคร่ใส่ใจบันทึกห้วงประวัติศาสตร์อันสำคัญของกิจกรรมเหล่านี้ไว้อย่างเป็นรูปธรรม   ขณะที่ผมก็ยังคงทำหน้าที่เป็น ผู้เฒ่า  เล่าตำนานในเรื่องนี้อยู่อย่างไม่รู้จบ  แต่ก็ยังไม่พบใครที่จะจดจำและนำไปต่อยอดอย่างชัดเจนเสียที

  

ผมเองเคยสร้างวาทกรรมเกี่ยวกับการเปิดโลกกิจกรรมในทำนองว่า เปิดโลกกิจกรรม .. เปิดตำนานสายธารกิจกรรมนิสิต   ซึ่งหมายถึงว่ากิจกรรมนี้คือบ่อเกิดขององค์กรทางกิจกรรม ..   โดยชมรมต่าง ๆ  จะถือกำเนิดเปิดตัวกันครั้งแรกในเวทีนี้  จากนั้นก็จะนำไปสู่การขับเคลื่อนกิจกรรมตามแนวทางของตนเอง

     

ผมเคยได้พานพบจุลสารเล่มบาง ๆ  เล็ก ๆ  เล่มหนึ่งอันเป็นจุลสารที่จัดทำขึ้นในคราวจัดเปิดโลกกิจกรรม ครั้งที่ 2  ซึ่งตรงกับวันที่  13  กรกฎาคม  2531   และนั่นก็บ่งชี้ชัดเจนว่าโครงการดังกล่าว  ถือกำเนิดเป็นสายธารแห่งกิจกรรมครั้งแรกเมื่อปีการศึกษา  2530      

จากวันเวลาข้างต้น   ผมเองก็แทบไม่น่าเชื่อว่าเปิดโลกกิจกรรมได้เดินทางมายาวนานร่วม 2 ทศวรรษถึงเพียงนั้น !        

ปี 2531,  โครงการเปิดโลกกิจกรรมก่อร่างสร้างฝันขึ้นจากกลุ่มประสานงาน  14  ชมรม  ซึ่งหมายถึงหัวเรือใหญ่ที่ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนให้กิจกรรมดังกล่าวมีตัวตนอย่างน่ายกย่อง  หากแต่ปัจจุบันนี้หลายชมรมได้เร้นหาย  หรือแม้แต่ยุบสลายไปจากถนนสายนี้แล้ว  เช่น  ชมรมนาฏศิลป์และดนตรีไทย,  ชมรมสังคมศาสตร์,  ชมรมศึกษาศาสตร์,  ชมรมเกษตรสัมพันธ์,  ชมรมเชียร์,  ชมรมคณิตศาสตร์ สถิติ,  ชมรมวิชาการ  และชมรมศิลปะนครินทร์ ... 

  

อย่างไรก็ตาม  ผมเป็นคนหนึ่งที่กล้ายืนยันว่าตนเองเที่ยวท่องและสัญจรอยู่ในเวทีการเปิดโลกกิจกรรมอยู่เกือบทุกยุคสมัย  พบเจอความเปลี่ยนแปลงและการต่อยอดอย่างไม่รู้จบ   กิจกรรมดังกล่าวเป็นเวทีแห่งการแสดง ตัวตน  ของนักกิจกรรมอย่างชัดเจน   ไม่มีการว่าจ้างศิลปินหรือบุคคลภายนอกมากรีดกรายอยู่บนเวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้    แต่ละชมรมจะสลับกันขึ้นเวทีไปแสดง หรือโชว์กิจกรรมต่าง ๆ  อย่างต่อเนื่อง   และถึงแม้จะไม่มีการแสดงใด ๆ  อย่างน้อยก็ขึ้นไปกล่าวทักทายมิ่งมิตร  หรือไม่ก็ร้องเพลงสักเพลงก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ ทำด้วยใจ   เติมเต็มให้กันและกัน

   

นอกจากนี้   ผมเองยังเคยได้นั่งฟังการเสวนาจากวิทยากรรุ่นพี่ที่จัดเจนในวิถีกิจกรรมอย่างเข้มข้น  เรื่องของเรา  ถูกบอกเล่าด้วยเราเอง  ดูจะเป็นคำนิยามที่ชัดเจนและอบอุ่นเป็นที่สุดที่ผมพบเจอในวันเปิดโลกกิจกรรม  หรือแม้แต่ภาพถ่ายแต่ละภาพที่โชว์หราในซุ้มก็ล้วนแล้วแต่ทำหน้าที่บอกเล่าเรื่องราวของสายธารกิจกรรมขององค์กรนั้น ๆ  อย่างมีเสน่ห์  และชวนค่าต่อการร่วมเป็นส่วนหนึ่งในวิถีนั้นอย่างยิ่ง    

 

ปี 2540   เป็นปีที่ผมทำงานคลุกคลีกับน้องนิสิตเป็นอย่างมาก  ปีนั้นเราได้ร่วมกำหนดให้แต่ละชมรมได้ทำการออกร้านจำหน่ายสินค้าอย่างเป็นรูปธรรม  หลังจากที่ส่วนใหญ่มักแค่แสดงผลงานในรูปของซุ้มนิทรรศการเท่านั้น  รวมถึงการเปิดโอกาสให้มีการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง  ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างบรรยากาศให้คึกคักได้ไม่น้อย

      

วันนี้,  เปิดโลกกิจกรรมเดินทางมายาวนานร่วม 2 ทศวรรษ  ผมสัมผัสได้กับร่องรอยการเดินทางอันแสนนาน...   มีหลายคนประสบความสำเร็จค้นพบความฝันอันมีชีวิต   หลายคนหล่นหายและเลิกราไปจากถนนสายนี้  กระนั้นผมก็ไม่เคยพบเจอเลยแม้แต่สักครั้งเดียวว่า  ถนนสายนี้จะเงียบร้างซึ่งคนหนุ่มสาว  ขึ้นอยู่กับว่าจะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง  !    

และต่อจากนี้ไป  คือส่วนหนึ่งของถ้อยคำจากคนกิจกรรมใน ชมรมวรรณศิลป์  ที่ผมมีโอกาสได้พบเจอในปี 2531 ...    

เราไม่อยากให้เพื่อนใหม่เข้ามาในสถาบันแห่งนี้เพียงเพื่อว่า รับกระดาษแผ่นเดียว   แล้วก็เดินจากไปทั้ง ๆ ที่ในสถาบันแห่งนี้  มีอะไรมากมายที่ท่านจะนำไปใช้ได้ในชีวิตจริงของท่าน  เมื่อท่านจากสถาบันแห่งนี้ไป   เราควรจะมีทั้งประสบการณ์และกระดาษแผ่นนั้น  คงจะดีมากทีเดียวนะครับ...    

ฟังดูไม่ซับซ้อน ..  ซื่อ ใส... และตรงไปตรงมาอย่างน่ารักและน่าคบ !     

 

นั่นคือ  ถ้อยคำที่มีชีวิตในวันเปิดโลกกิจกรรมเมื่อ  19  ปีที่แล้ว

 
หมายเลขบันทึก: 112043เขียนเมื่อ 16 กรกฎาคม 2007 19:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
    ฉันจึง มาหา ความหมาย
    ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย
    สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันใบเดียว
  • มีเรื่องจะเล่าให้ฟังครับพี่
  • ผมได้มีโอกาสพบกับบุคคลที่ผลงานของท่านมีอิทธิพลกับผมมาก ๆ  คนที่ผมไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เจอครับ
  • ผมได้เจอกับ  อ.วิทยากร เชียงกูล  ครับ
  • ตื่นเต้น ดีใจมาก ๆครับ 
  • แล้วจะเขียนเล่าให้ฟังนะครับพี่
  • อดใจรอแป๊ปเดียวครับ....5555

 

สวัสดีครับ น้องสายลม

P
  • ตอนนี้อยู่ตรงไหนของเมืองไทยนะ
  • เมื่อวานพี่ไปสัมมนาที่ ม.ขอนแก่น
  • พี่เองก็เสนอให้เชิญ อ.วิทยากร  เชียงกูล มาบรรยายในหัวข้อ "ฉันจึงมาหาความหมายในยุคพอเพียง"  ...
  • เห็นหลายคนงง ...
  • เป็นไปได้งัย... ดูเหมือนใคร ๆ  ไม่รู้จักบทกวีวรรคทองเหล่านั้น
  • งง.... พี่งงมาก ..  (ส่วนใหญ่เป็นอาจารย์หนุ่ม ๆ สาว ๆ ..ทั้งนั้นเลย)
  • 555... เราไม่ว่ากัน
  • ครับ...จะรอฟัง...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท