ได้อ่านหนังสือ ของคุณหมอสม สุจีราแล้วก็เกิดแรงดลใจแบบทันตแพทย์+พุทธศาสนา+วิทยาศาสตร์ เลยอยากของเขียนเรื่องพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์ในมุมมองของตัวเองดูสักตั้งครับ
อันที่จริงจะว่าเป็นมุมมองของผมเองทั้งหมดก็ไม่ถูกครับ ได้รับวิธีคิดในการมองมาจากหนังสือรวบบทความของ อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ เรื่องไฮเทคคาถาปาฏิหารย์ พิมพ์โดยมติชน
เริ่มเรื่องที่จุดร่วมของทั้งพุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์ก่อนครับ
พุทธศาสนาและวิทยาศาสตร์มีจุดที่คล้ายกันคือ ทั้งสองพูดถึงเรื่อง "ความจริง" ในธรรมชาติ
เป็นความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้
ณ กาลครั้งหนึ่งเมื่อความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยังไม่ก้าวหน้า "องค์กร" ศาสนามี "อำนาจ"ในการอธิบายความจริง แถมยังเป็นองค์กรที่ฟูมฟักและเป็นแรงผลักดันหรือแรงกดดันให้แนวคิดแบบวิทยาศาสตร์เติบโตด้วยซ้ำ
อาจกล่าวได้ว่า ณ จุดๆหนึ่งในอดีต ศาสนากับวิทยาศาสตร์อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน
พอวิทยาศาสตร์ผลิตสิ่งที่เรียกว่า "เทคโนโลยี" ออกมา วิทยาศาสตร์ก็เลยมีอำนาจในการอธิบายความจริงหรือปรากฎการณ์เป็นของตัวเอง แถมอำนาจนั้นสามารถดลบันดาลให้ผลได้ทันตาเห็น
วิทยาศาสตร์จึงแยกตัวออกมาเป็นเอกเทศจากศาสนาได้อย่างสมบูรณ์
และยึดเอาอำนาจในการอธิบายความจริงทั้งหมดมาไว้อีกต่างหาก
อย่างไรก็ดี แม้ว่าทั้งวิทยาศาสตร์ และศาสนาต่างเสนอวิธีในการเข้าถึงความจริงในธรรมชาติ
แต่วิธีในการเข้าถึงความจริงในธรรมชาติของพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์นั้นแตกต่างกัน
ในวิทยาศาสตร์ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง "จริง" เพราะไม่มีหลักฐานรอบๆ มันแสดงความขัดแย้งกับข้อพิสูจน์ แต่เมื่อใดเริ่มมีหลักฐานที่ขัดแย้งกับข้อพิสูจน์ที่มีเหตุผลพอ "ความจริง" ก็เปลี่ยน
วิทยาศาสตร์จึงพัฒนาจาก "การท้าทายให้โต้แย้งความจริง" และมีความจริงใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ
ความจริงในทางวิทยาศาสตร์ จึงเป็นความจริงเชิงสัมพัทธ์ที่สามารถใช้กระบวนการทางเหตุผลในการเข้าถึง เป็นความจริงที่คงอยู่จนกระทั่งมีข้อพิสูจน์ใหม่มาโต้แย้ง และพัฒนาไปสู่ความจริงชุดใหม่
ความจริงในพุทธศาสนานั้นเป็นจริงเสมอ เป็นความจริงสัมบูรณ์ และท้าทายให้พิสูจน์
ประโยคข้างบนนี้กล่าวบนฐานที่นิยาม พุทธศาสนาว่าเป็นศาสนาที่พูดถึงแต่เรื่องความทุกข์และความดับทุกข์เท่านั้น
ในแง่การพิสูจน์ได้ เราจึงสามารถพิสูจน์เรื่องทุกข์และการดับทุกข์ได้จริงอย่างสัมบูรณ์ในคำสอนของพระพุทธศาสนา
พุทธศาสนาเสนอการเข้าถึงความจริงชุดนี้ด้วยกระบวนการทางปัญญา "เห็นแจ้ง" ว่าทุกข์เป็นอย่างไร และความดับทุกข์เป็นอย่างไร
แก่นเรื่องความจริงของพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์จึงต่างกันด้วยประการฉะนี้ครับ
เพราะมัน "พิสูจน์" และมีวิถีทางกันคนละเรื่อง
แต่อย่างไรก็ตาม มีรายละเอียดที่แต่ละฝ่ายพยายามอธิบายปรากฎการณ์ธรรมชาติอื่นๆ ครับ
พุทธศาสนา ก็มีหลักเรื่องกรรม ที่ใช้อธิบายความจริงชุดหนึ่ง
วิทยาศาสตร์อธิบายเรื่อง กรรมพันธุ์ เรื่องยีน ดีเอ็นเอ ที่ใช้อธิบายปรากฎการณ์ "ความจริง" ชุดหนึ่ง
หรือแม้แต่จะใช้ทฤษฎีควอนตัมมาอธิบายสนับสนุนปรากฎการณ์ที่อธิบายได้ด้วยหลักอนัตตา
ก็ล้วนแต่เป็นความพยายามอธิบายปรากฎการณ์ของแต่ละฝ่ายครับ
เผอิญมันเข้ากันได้ ก็ดีใจว่าศาสนาพุทธของเราเป็นวิทยาศาสตร์
ซึ่งก็ดีในแง่ที่จะทำให้คนสนใจวิทยาศาสตร์มาสนใจศาสนา
แต่ผมคิดว่า ศาสนาก็คือศาสนา วิทยาศาสตร์ก็คือวิทยาศาสตร์ ทั้งสองอยู่บนฐานที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด การเทียบดีเอ็นเอ กับหลักกรรม จึงเป็นการเอาส่วนที่เป็นส่วนประกอบ ของสองสิ่งที่มีแก่นต่างกันมาเทียบกัน
แกล้งเขียนแบบชวนทะเลาะนะครับ
จริงๆ แล้วดีใจครับที่มีหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนาออกมาเยอะแยะในหลายมุมมองผู้เขียนหลายๆ คนให้เราได้อ่าน กระตุ้นให้เราได้คิดกันครับ
ไม่มีความเห็น