BM.chaiwut
พระมหาชัยวุธ โภชนุกูล ฉายา ฐานุตฺตโม

สวดถอน


สวดถอน

เมื่ออาทิตย์ก่อน ผู้เขียนอยู่วัดคอหงส์ หาดใหญ่ ได้ยินเสียงประกาศกิจนิมนต์ว่าไปสวดถอนที่..... ทำให้ผู้เขียนคิดย้อนหลังไปว่า ยังไม่หมดอีกหรือ ? เมื่อสอบถามเพื่อนๆ จึงได้ความรู้เรื่องนี้ เพราะผู้เขียนบวชมายี่สิบกว่าปียังไม่เคยมีประสบการณ์กิจนิมนต์งานสวดถอนเลย....

คำว่า สวดถอน ตามนัยเดิม เป็นสังฆกรรมเกี่ยวกับการกำหนดสมานสังวาสสีมา และ ติจีวราวิปปวาสสีมา... ซึ่งผู้อ่านอาจไม่เข้าใจ แต่ถ้าบอกว่าเป็นพิธีกรรมเกี่ยวกับการสร้างโบสถ์ คิดว่าหลายคนคงพอจะจินตนาการได้ แม้ว่าจะไม่เข้าใจ....

ตามพระวินัย เมื่อจะกำหนดสถานที่สร้างโบสถ์ ก็ต้องสวดถอนติจีวราวิปปวาสสีมาและสมานสังวาสสีมาพื้นที่นั้นเสียก่อน.. แล้วจึงจะสวดสมมุติเป็นสมานสังวาสสีมาและติจีวราวิปปวาสสีมาอีกครั้ง.... เพื่อไม่ให้สถานที่นั้นเกิดความคาบเกี่ยวกันของสีมา... 

พิธีกรรมสวดถอนตามพระวินัยทำนองนี้ ผู้เขียนเคยเข้าร่วมหลายครั้ง... ซึ่งรายละเอียดมีอีกเยอะ ผู้สนใจอาจค้นหาอ่านได้ในอินเทอร์เน็ต...

.............

จากตามพระวินัยข้างต้น มีการประยุกต์นำมาใช้ในพิธีปัดรังควานตามความเชื่อของคนบางกลุ่ม ซึ่งเรียกว่า การสวดถอน เหมือนกัน เพียงแต่มิใช่การสวดถอนในการสร้างโบสถ์ตามพระวินัยเท่านั้น....

บางคนต้องการสร้างบ้านใหม่ จำเป็นต้องตัดไม้ใหญ่ข้างบ้าน แต่มีความเกรงกลัวต่อรุกขเทวดาหรือนางไม้ที่ประจำอยู่กับต้นไม้นี้ จึงไปปรึกษาหลวงพ่อหรือหลวงตาที่ตนนับถือ...  ท่านจึงแนะนำว่า ต้องสวดถอนเสียก่อนจะตัดต้นไม้.... นี้คือ การสวดถอน ที่ต้องการจะนำมาเล่า

วิธีการก็คือ ใช้ตาปู ๘ ดอก ตอกไปที่พื้นดินรอบๆ ต้นไม้ที่จะตัด... แล้วก็เอาด้ายสายสิญจน์เวียนรอบต้นไม้... โดยใช้สายสิญจน์ผูกโยงไว้กับตาปูแต่ละดอก... หลังจากนั้นพระคุณเจ้า ๔ รูป ก็จะยืนล้อมต้นไม้ข้างสายสิญจน์ประจำที่... ต่อจากนั้น พระคุณเจ้ารูปหนึ่งก็สวดถอนติจีวราวิปปวาสสีมา และสวดถอนสมานสังวาสสีมาจนจบ... เมื่อจบรอบหนึ่งก็ถอนตาปูออกดอกหนึ่ง... จนครบหมดทั้ง ๘ ดอก จึงเป็นอันว่าเสร็จพิธี....

พิธีกรรมการสวดถอนทำนองนี้ เป็นความเชื่อของคนบางกลุ่มว่าสามารถแก้อุปัทวะ หรือเสนียดจัญไร ที่จะพึงบังเกิดจากรุกขเทวดาหรือนางไม้นั้นได้... ประมาณนี้

.....

การสวดถอนปัดรังควานทำนองนี้ มิใช่ใช้เฉพาะต้นไม้ใหญ่เท่านั้น... ถ้าบางบ้านรู้สึกว่าไม่สบายใจ มีเภทภัย หรือคนในบ้านเจ็บป่วยอยู่เรื่อยๆ... ก็จะค้นหาดูว่ามีอะไรบ้างในบ้านหรือข้างบ้านที่อาจให้โทษได้ ก็มักจะทำพิธีสวดถอน เช่น... ตอไม้เก่า บ่อน้ำเก่า ศาลพระภูมิเจ้าที่เก่า ฯลฯ

ปัจจุบันนี้ การสวดถอนทำนองนี้ ค่อนข้างเลือนหายไปจากท้องถิ่นต่างๆ เกือบหมดแล้ว แต่ที่หาดใหญ่ยังมีอยู่อีก... ทำให้ผู้เขียนรู้สึกแปลกใจว่า ยังมีอยู่อีกหรือ ?

หลังจากเพื่อนผู้เขียนเล่าให้ฟังแล้ว ก็ได้ให้ความเห็นว่า พิธีกรรมตามความเชื่อเหล่านี้ มักจะขึ้นอยู่กับหลวงพ่อหรือหลวงตาที่เราไปปรึกษา... ถ้าหลวงพ่อหลวงตาเห็นดีเห็นงามก็มักจะแนะนำให้กระทำ... แต่ถ้าหลวงพ่อหลวงตาไม่เห็นด้วยก็มักจะคัดค้าน ทำนองว่างมงาย ไร้สาระ ก็อาจทำให้ญาติโยมที่ไปปรึกษาล้มเลิกความคิดที่จะทำ... ประมาณนี้

จึงนำมาเล่าเล่นๆ โดยประการฉะนี้

หมายเลขบันทึก: 111540เขียนเมื่อ 14 กรกฎาคม 2007 19:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 01:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

นมัสการพระคุณเจ้า

เป็นเรื่องที่น่าสนใจค่ะ คิดว่าน่าจะเรื่องเดียวกับที่ทางภาคเหนือทำพิธีสวดถอนบ้านใหม่ค่ะ หรือเวลาต่อเติมบ้าน ก็จะเชื่อว่า ทราย ดิน ฯลฯ ที่เอามาอาจจะติดเจ้าที่มาด้วย แต่ทางเหนือจะใช้กะบะทำจากใบตอง เรียกว่า สะตวง ในนั้นจะมีหมากพลูดอกไม้ ของกินเป็นพิธี มีน้ำขมิ้นส้มป่อย จะมีการวางไว้สี่ทิศ ที่เสาเรือนสี่มุม และตรงกลางบ้านอีกหนึ่งที่ พระท่านก็จะมาห้ารูป สี่รูปจะสวดที่สี่มุม องค์ประธานจะสวดสะตวงกลางบ้าน หลังจากนั้นจะต้องนำสะตวงออกไปไว้นอกบ้านทั้งหมดรวมทั้งน้ำที่พระท่านหยาดด้วยค่ะ พิธีนี้จะทำก่อนเข้านอนอาศัย และหลายครอบครัวก็ถือโอกาสฟังธรรม 1 ผูก(กัณฑ์)  ถวายปัจจัยพระก็เสร็จพิธี สามารถเข้าพักอาศัยได้เลย จะทำตอนเย็นก็ได้ค่ะ

คิดว่าคงทำเช่นนี้เหมือนกัน ใช่ไหมคะ

ขอนมัสการค่ะ

P
ทำนองเดียวกัน เพียงแต่ระเบียบพิธีแตกต่างกันไปบ้าง....
เจ้าพิธีต่างกัน พิธีก็ต่างกันแล้ว แม้จะท้องถิ่นเดียวกัน... และเมื่อต่างถิ่นออกไป พิธีก็ยิ่งแตกต่างออกไป...
พิธีกรรมทำนองนี้ ถ้าทำเพื่อความสบายใจ เพื่อแสดงความเคารพต่อศักดิ์สิทธิ์ หรือเพื่อแสดงความกตัญญู ก็เป็นการเสริมสร้างคุณธรรมจริยธรรมได้เช่นเดียวกัน...
แต่ถ้าทำไปโดยความหลง หรือหลอกลวง ก็น่าวิตก....
เจริญพร

น้อมคารวะท่านอาจารย์  ข้าน้อยว่าการสวดถอนให้โยมนี้อยู่ที่พระนะที่ควรจะบอกว่าดี  ไม่ดี  ควร  ไม่ควร  ถ้าทำแล้วโยมสบายใจก็อาจทำได้  เพราะถ้าไม่ทำให้โยมอาจจะไม่สบายใจก็ได้  แต่มันต้องไม่นอกลู่ทางพุทธจนเกินไปด้วยนะ  พระนี้แหละควรจะอธิบายว่าสิ่งไหนผิดถูกอย่างไร  สาระแก่นแท้พุทธอยู่ตรงไหน  ต้องนำหลักพระพุทธองค์มาใช้  หันแนวทางให้เข้าพุทธให้ได้  ดูตอนสอนท่านสิงคาลมาณพสิ  ดัดแปลงเข้าหาพุทธมาจนถึงทุกวันนี้    นี้ส่วนมากพิธีกรรมบางอย่างไม่ตรงแนวแล้วพระท่านก็ยังไม่บอกอีก  จะเป็นเพราะ  รู้  หรือ  รู้หามิได้  ก็จนใจเหนาะ   ก็ลองดูเดี๋ยวนี้สิ  ตอนเลยเที่ยงแล้วยังรับสังทานกันอยูอีก (บางพวกนะไม่เหมาหมด)  พระก็รับประเคนไปทั้งที่ของที่รับในถังเช่นมาม่า  ปรากระปํอง  ก็เป็นยาวกาลิก  รับก็ต้องอาบัติ  แต่พระก็ขืนทำ  โยมนะเขาไม่รู้หรอกถ้าพระไม่เตือนอธิบายให้เข้าใจ  ก็ทำตามกันสู่ลูกหลานต่อไปเรื่อยๆ  ผิดถูกยังไงก็ไม่รู้  ข้าน้อยนะไม่เก่งหรอกแต่บางสิ่งถ้าแก้ได้ก็จะอธิบายให้มัจจบุคคลด้วยกันฟังตามกำลังสติปัญญาที่มีอยู่น้อยนิด  ...เอ้อว่ายาวเชียวก็แค่ความคิดเห็นของปุถุชนคนหนึ่งนะท่านอาจารย์ 

 

ไม่มีรูป

อนวหยบุรุษ

 

  • นักการเมือง เราก็ต้องการคนที่มีความสามารถ มีความซื่อสัตย์...
  • ครูอาจารย์ เราก็ต้องการคนที่สอนดีๆ ไม่ห่วงวิชา...
  • ตำรวจ เราก็ต้องการคนตงฉิน ไม่กินตามน้ำทวนน้ำ...
  • หมอพยาบาล เราก็....
  • พ่อค้าแม่ขาย เราก็...
  • ฯลฯ เราก็...

แต่... กลุ่มคนที่เรายกตัวอย่างมา มิใช่ว่าจะได้ดังใจ ฉันใด... พระสงฆ์ ก็เช่นเดียวกัน มิใช่ว่าจะได้ดังใจ...

เจริญพร 

คารวะอาจารย์หนึ่งจอก...ที่ท่านอาจารย์ว่าก็ถูก...ปน   กลุ่มคนที่มองเห็นสิ่งแอบแฝงเช่นเรานี้แหละท่านอาจารย์จะทำอย่างไรให้กลุ่มคนเช่นที่ยกตัวอย่างมาเลือนหายไป..โดยเฉพาะที่เขาสมมติกันว่าพระสงฆ์..รู้สึกว่าพระสงฆ์สมัยนี้.(บางส่วนขอรับ) ไม่ค่อยทำความรู้จักกับพระวินัยเท่าไรนักเริ่มจากเล็กๆน้อยๆนี้แหละจนเคยชิน..ข้าน้อยพูดตามที่ปรากฏในปัจจุบันนี้อาจารย์ก็คงรู้ดีนะขอรับเพราะนานมา10ปีได้แล้วเราเคยธรรมสากัจฉากันความเห็นก็ตรงกัน.....พระสมัยนี้อยู่สบายกว่าผู้ครองเรือนเยอะ..เข้าหลักที่ว่าเทคโนโลยีต้องถามพระถ้าธรรมะต้องถามคุณโยม....แต่อย่างว่าแหละอยู่ที่ตัวบุคคลใครเข้าใจพุทธขนาดไหนสิ่งของรอบกายไม่ใช่เครื่องวัดค่าของคน..แต่จิตใจต่างหากละว่ามีธรรมขนาดไหน...พระเมื่อก่อนพอพบกันถามกันว่าท่านปฏิบัติถึงไหนละถามกันเรื่องธรรมวินัย...แต่เดี๋ยวนี้ถามกันว่าท่านได้เลื่อนไหมปีนี้เอ่อเดี๋ยวก้ได้ชั้นเอกนะ...ไม่นานก็เจ้าคุณแล้ว..อะไรประมาณนี้...ข้าน้อยไม่ใช่จะตำหนิเขาแต่พูดตามที่ปรากฏให้เห็น..........หรือท่านอาจารย์ว่าไงขอรับ

ไม่มีรูป

อนวหยบุรุษ

 

  • ยังนึกไม่ออกว่าใคร ?

เรื่องที่ บ่น มานะ... ใครๆ ก็ บ่น ได้

 ลองเสนอแนวคิดมาซิ ว่าจะแก้ไขอย่างไร ถ้าแก้ง่ายๆ คงจะแก้ได้แล้ว คงจะไม่มา บ่น ที่นี้

ประเทศไทยตอนนี้นะ ใครๆ ก็พูดว่า สมานฉันท์ แต่รู้สึกว่าแนวโน้มกำลังสวนทางกับการสมานฉันท์ ! ... จริงหรือไม่ ?

 

มองดูการเมืองไทยซิ ! การซื้อเสียง รู้สึกว่ายิ่งรนรงค์ต่อต้าน ก็ยิ่ง.... 

ใครๆ ก็คิดได้บ่นได้ แต่ เข้าท่า หรือไม่ ?

ถ้า ไม่เข้าท่า ก็ไม่ต้องจอด ! ใช่มั้ย ?

เจริญพร 

นมัสการครับพระอาจารย์

พระอาจารย์ครับผมต้องการเรื่องราวเกี่ยวกับการสวดถอนให้ได้มากๆครับพอดีว่ากระผมต้องการทำไปส่งพระอาจารย์ที่โรงเรียนน่ะครับ

ขอรบกวนด้วยนะครับพระอาจารย์

นมัสการครับ

ไม่มีรูป masao

 

ไปดู พระไตรปิฏกเล่ม ๔ หรือ คลิกอ่านที่นี้ ... ดูที่เรื่อง อุโปสถขันธกะ เรื่องสวดถอนต่างๆ กระจายอยู่ที่นั้น...

รายละเอียดอื่นๆ ก็ไปดู อรรถกถาวินัย ชื่อคัมภีร์ว่า สมันตปสาทิกา ดูที่เรื่อง อุโปสถขันธกะ ... ฉบับแปลมีหลายเล่ม จำไม่ได้ว่าอยู่เล่มใดแล้ว...

เจริญพร

นมัสการพระคุณท่าน

เคยได้ยินคำว่าสวดถอนเหมือนกันแต่ไม่เข้าใจความหมายค่ะ

เพิ่งจะทราบ..ขอบพระคุณค่ะ

นมัสการพระอาจารย์

การสวดถอนพระตามวัดทั่วไปสามารถสวดได้ไหมครับ และพิธีกรรมจำเป็นไหมว่าต้องสวด 6ชั่วโมง เพราะพระท่าน บอกต้องสวดถอน 6 ชั่วโมง ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุณครับ

ไม่มีรูป nitipat

 

พระที่สวดได้ก็ต้องเป็นพระที่เคยเรียนหรือเคยสวดโดยตรง... แต่สำหรับพระเถระทั่วไป แม้บางรูปจะสวดไม่ได้ แต่ถ้าจำเป็น ท่านก็อาจเรียนมาสวดได้ในเวลาไม่นานนัก...

ถ้าสวดถอนตามวินัยบัญญัติ ไม่เคยเห็นเรื่องการกำหนดเวลา...

ถ้าเป็นพิธีกรรมตามความเชื่อ ก็ต้องไปถามผู้ที่เชื่อเรื่องนี้โดยตรง เพราะความเห็นมีหลากหลาย ธรรมเนียมการปฏิบัติก็แตกต่างกันไป...

เจริญพร

พระปลัดชาญวิทย์ (อาจารย์โชกุน)

"การสวดถอน"  นั้นมีประวัติมานานนับเป็นพันปี  ตั้งแต่ครั้นสมัยพุทธกาล แต่การสวดถอนนั้นมีหลายแบบ หรือหลายหน้าที่ เช่น การสวดถอนสีมา , การสวดถอนอุโบสถ , การสวดถอนรุกขชาติ (ต้นไม้) , การสวดถอนอุบาทว์ (คุณไสย์ ,ภูตผีปีศาจ) เป็นต้น   แต่ทว่าในกาลนี้ข้าพเจ้าขอแบ่งปันความรู้ที่ได้เคยศึกษา และเคยใช้ปฏิบัติมาจากการสั่งสอน ชี้แนะจากครูบาอาจารย์ และครูพักลักจำตามสำนักวิชาต่าง ๆ ซึ่งจะบอกเป็นคาถาสวดถอน (ใช้ได้สารพัดการถอนทุกวิธี)  เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจในศาสตร์โบราณ และบุคคลทั่วไป  และคาถาบทนี้ใช้ได้ทั้งพระเถร เณรชี จนถึงชาวบ้านตาดำ ๆ  โดยจะขอเริ่มพีธีปฏิบัติ ดังนี้...  การสวดมนต์คาถา หรือการทำพิธีต่าง ๆ ทุกครั้งไป ควรที่จะตั้งจิตอธิษฐานระลึกถึงคุณสาม อันมี ๑.คุณพระรัตนตรัย ๒.คุณบิดรมารดา ๓.คุณครูอุปัชฌาย์อาจารย์   และตั้งนะโมฯ ๓ จบ   และรัตนตรัย (พุทธัง สะระณัง คัจฉามิฯ) ๓ จบ  /  - คาถาถอนโบสถ์  ถอนเสมา  ถอนศาล  ถอนของทั้งหลายทั้งปวง

  สะมุหะไนยยะ  สะมุหะคะติ  สะมุหะคะตา พัทธเสมายัง  เอวังเอหิ  นะเคลื่อน  โมถอน พุทคลอน ธาถอน ยะหลุด  ลอยเลื่อน  เคลื่อนด้วย  นะโมพุทธายะ  ยะธาพุทโมนะ  พุทธังปัจจักขามิ  ธัมมังปัจจักขามิ  สังฆังปัจจักขามิ  เอกาเสติ  ปะสิทธิเม  เอหิ คุจฉะมุมหิ  เปหิเปหิ  นะมะพะทะ  นะโมพุทธายะ  ฯ

       หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์แก่ท่านสาธุชน และบุคคลที่สนใจ  กันบ้างนะครับ  วันนี้ก็ขอยุติไว้เพียงเท่านี้ก่อน /  เจริญพร  / พระปลัดโชกุน  วัดนาโสม  จ.ลพบุรี... 

อยากทราบคำสวดถอนน้ำบ่อ เก่าครับ ขอบพระคุณจิงๆหากมีผู้รู้ครูบาอาจารย์ช่วยตอบครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท