เรื่องเล่าจากดงหลวง 125 จากดงหลวงถึงดงฮา (Dong Ha) 3


เส้นทางจากด่านลาวบาวไปยังเมือง ดงฮา จังหวัดกวางจิอันเป็นเป้าหมายของผู้บันทึกนั้นต้องผ่านเขตสู้รบเก่าที่ดุเดือดสมัยสงครามเวียตนาม เพราะจังหวัดกวางจิเป็นรอยต่อระหว่างเวียตนามเหนือและใต้จึงโดนทิ้งระเบิดอย่างหนักและที่สำคัญยังโดน “ฝนเหลือง” ที่ฝ่ายอเมริกันโปรยสารเคมีลงมาจากเครื่องบินให้ป่าไม้ผลัดใบและตายหมดเกลี้ยงเพื่อง่ายต่อการสำรวจพื้นที่ทางอากาศและกำจัดที่หลบซ่อนของพวกฝ่าย “เวียตกง” ฝนเหลืองได้ส่งผลกระทบมากมายต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตชาวเวียตนามโดยเฉพาะกลุ่มชนเผ่าต่างๆที่อาศัยภูเขาถิ่นนี้จนถึงปัจจุบัน

 ตลอดสองข้างทางที่ย่างเข้าประเทศเวียตนามเห็นแต่คน บ้าน และชีวิตที่ดำเนินไป อ้ายบุญจันทร์บอกว่าประชากรเวียตนามมี84 ล้านคนมากกว่าประเทศไทยแต่พื้นที่มีน้อยกว่าหนำซ้ำเกือบครึ่งค่อนประเทศเป็นภูเขาจึงไม่แปลกใจที่สองข้างถนนเมื่อเข้าเวียตนามจากด่านลาวบาวจึงต่างจากสองข้างทางในประเทศลาวอย่างรับรู้ได้ทันที ที่มีแต่บ้านเรือนและผู้คน  

เส้นทางจากด่านลาวบาวไปยังเมือง ดงฮา จังหวัดกวางจิอันเป็นเป้าหมายของผู้บันทึกนั้นต้องผ่านเขตสู้รบเก่าที่ดุเดือดสมัยสงครามเวียตนาม เพราะจังหวัดกวางจิเป็นรอยต่อระหว่างเวียตนามเหนือและใต้จึงโดนทิ้งระเบิดอย่างหนักและที่สำคัญยังโดน ฝนเหลืองที่ฝ่ายอเมริกันโปรยสารเคมีลงมาจากเครื่องบินให้ป่าไม้ผลัดใบและตายหมดเกลี้ยงเพื่อง่ายต่อการสำรวจพื้นที่ทางอากาศและกำจัดที่หลบซ่อนของพวกฝ่าย เวียตกงฝนเหลืองได้ส่งผลกระทบมากมายต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตชาวเวียตนามโดยเฉพาะกลุ่มชนเผ่าต่างๆที่อาศัยภูเขาถิ่นนี้จนถึงปัจจุบัน 

วันศุกร์วันหนึ่งก่อนเดินทางไปเวียตนามผู้บันทึกขับรถจากมุกดาหารกลับบ้านขอนแก่นตามปกติ วันนั้นเปิดวิทยุคลื่น AM ในรถเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศการฟังต่างๆ เวลาประมาณ 5.30-6.00 น. ก็พบคลื่นเวียตนามภาคภาษาไทยพูดถึงประชาชนเวียตนามส่วนหนึ่งกำลังยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อศาลต่อบริษัทผู้ผลิตสารเคมีชนิดนี้เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินและธรรมชาติของเวียตนาม ผู้บันทึกได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนต่างชาติฟังเขาบอกว่าคงไม่เป็นผลต่อบริษัทนั้นหรอก แต่ผู้บันทึกเสนอว่าเวียตนามฉลาดเพราะรู้ว่าการฟ้องร้องไม่มีผลต่อบริษัทแต่มีผลต่อ การประชาสัมพันธ์ให้ประชาคมโลกรู้ถึงสิ่งที่อเมริกันได้กระทำต่อเวียตนาม หลังจากที่สงครามเวียตนามสงบลง เรื่องราวของเวียตนามก็เงียบสนิท แต่สิ่งนี้จะออกมาให้ประชาคมโลกนึกถึงสงครามและผลที่เกิดขึ้นของสงครามโดยเฉพาะผู้กระทำอย่างอเมริกัน เมื่อผู้บันทึกเดินทางถึงที่พักในเมืองดงฮา ก็พบว่าในทีวีเวียตนามก็ยังมีรายการเรื่องนี้อยู่และเห็นชาวชนเผ่าออกมารณรงค์เคลื่อนไหวเรื่องนี้ด้วย...นี่แหละสงคราม... 

สภาพภูเขาที่ผ่านมีแต่ภูเขาหัวโลนไม่มีต้นไม้ใหญ่เลยแต่ที่เขียวๆเพราะฝนตกลงมาและการเริ่มฟื้นตัวของป่าใหม่ เมื่อเข้าไปใกล้พบว่ามีการปลูกไม้โตเร็วคือ ยูคาลิปตัสและกระถินณรงค์ เป็นหย่อมๆ 

เส้นทางที่ผ่านเห็นกระต๊อบเล็กๆและผู้คนเดินหิ้วเศษไม้ฟืน เด็กๆเล่นกันข้างทาง อ้ายบุญจันทร์บอกว่านั่นคือชาวเขา ที่แปลกหูของผู้เขียนซึ่งไม่ทราบข้อมูลนี้มาก่อนคือ อ้ายบุญจันทร์กล่าวว่า  ชาวเขาที่นี่และผืนดิน ภูเขาแถบนี้เดิมเป็นของประเทศลาว  ต่อมายกให้เวียตนามไป !! ??  ทำไม? เพราะอะไร? เมื่อไหร่? ผู้บันทึกยิงคำถามใส่ทันที  ก็สงครามปลดปล่อยนั่นไง ลำพังพรรคคอมมิวนิสต์ลาวไม่สามารถรบชนะรัฐบาลลาวในครั้งนั้นได้เพราะอเมริกาสนับสนุนรัฐบาล ต้องอาศัยทหารของพรรคคอมมิวนิสต์เวียตนามมาช่วยรบจึงชนะ และเมื่อพรรคคอมมิวนิสต์ลาวเข้าปกครองประเทศจึงยกพื้นดินส่วนนี้ที่เป็นเทือกเขาและมีชนเผ่าอาศัยและติดกับเวียตนามให้  ซึ่งเดิมก็เป็นพื้นดินที่พรรคคอมมิวนิสต์ลาวปลดปล่อยมาก่อนพื้นที่อื่นๆก็อิงอาศัยเวียตนาม และเวียตนามเองที่รบชนะอเมริกันและเวียตนามใต้ก็อิงอาศัยพื้นที่ส่วนนี้เคลื่อนย้ายพลผ่านดินแดนลาวลงใต้ ไปตีเมืองไซ่ง่อนนั่นเอง  

ความสัมพันธ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ลาวและเวียตนามลึกซึ้งมาก จนถึงปัจจุบัน แม้เขมรก็ตาม  ถ้าเราเข้าใจประวัติศาสตร์ส่วนนี้และอีกหลายๆส่วนย่อมเข้าใจเวียตนามมากขึ้น และเดาความรู้สึกลึกๆเขาออกว่าเขาคิดอย่างไรต่อประเทศไทย  เพราะในสมัยนั้นเครื่องบินบี 52 จากสนามบินอู่ตะเภาบินไปถล่มเวียตนามและลาว รวมทั้งโปรยฝนเหลืองด้วย  สมัยนั้นเราให้ศัตรูเขาอาศัยบ้านเราไปตีหัวเขา ... นี่คือการดำเนินนโยบายต่างประเทศของเราในอดีตต่อภูมิภาค หากเป็นเราบ้าง เราคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไรกันเล่า เหมือนกับที่ประวัติศาสตร์สอนเราเรื่องสงครามกรุงศรีอยุธยากับพม่า สิ่งเหล่านี้มันก็แสดงออกมาในสังคมปัจจุบันบ้าง เช่น การแข่งฟุตบอลไทย-พม่า ไทย-เวียตนาม  เราสอนในประเทศว่าเจ้าอนุวงษ์เป็นกบฏ แต่ในประเทศลาวเขาสอนว่าเจ้าอนุวงษ์เป็นวีรบุรุษของประเทศเขา ขอเราจงมีจิตใจสากลเถอะครับ..

คำสำคัญ (Tags): #ฝนเหลือง
หมายเลขบันทึก: 109614เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2007 17:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 18:30 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • สวัสดีครับ
  • นี่ไง  มาแล้วบันทึกวิถีชีวิตประชา  
  • ข้อมูลจะผิดจะถูกยัง  ไม่สำคัญเท่ากับ ประชาชนต่อภาคประชาชนได้เห็น  ได้พูดคุยกันเอง  มิใช่โฆษณาชวนเชื่อ  
  • อีกประการคือ  ขอให้เราเห็นคนทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกันก่อน   ทุกอย่างเป็นประสบการณ์ครับ 
  • มีอีกหลายเรื่องราวที่เรายังเข้าไม่ถึง  ความรู้สึกนึกคิดของประเทศเพื่อนบ้านเรา   แต่เราไปเข้าใจเรื่องประเทศอื่นๆเยอะแยะ 
  • แม้อยู่อีกซีกโลกหนึ่ง   เราก็เข้าใจ  นำทฤษฎีของเขามาใช้อย่างสนิทใจ  
  • แต่หากถามเรื่องประเทศเพื่อนบ้านเรา   กลับเข้าใจน้อยเสียเหลือเกิน  แถมที่เข้าใจนั้นก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมดเสียด้วย  
  • ขอบคุณพี่บางทรายอีกครั้งนะครับ   ที่นำเอาวิถีประชามาให้รู้   โดยที่ผมไม่ต้องจ่ายเงิน   แต่จะเลี้ยงพี่เมื่อเราพบกัน
  • เรื่องพรรคคอมมิวนิสต์ก็น่าสนใจนะ  เติบโตมาได้นาน  ล้างผลาญชีวิตมนุษย์ได้  หลายล้านคน  เพื่ออุดมการณ์อันสูงส่ง   น่าจะทำวิจัยให้มันทะลุผ่าน 
  • แล้วเราจะได้ประสบการณ์  พร้อมบทเรียนดีๆในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันของประชาชน
  • ขอบคุณครับ  
  • ปล.ผมยังติดต่อพี่ทางอีเมลไม่ได้  ส่งแล้วมันตีกลับครับ
สวัสดีครับ
P
เดี๋ยวพี่จะส่งให้ใหม่ครับเรื่อง email address
  • เช่นเดียวกันกับครูบาฯครับ
  • อยากไปเวียตนามสักครั้ง
  • ชาวอานามคงน่ารักขยันเหมือนคำเล่าลือ
  • อยากไปเยี่ยมชาวไทในเดียนเบียนฟูสักคราว

สวัสดีครับครูบาครับP

  • ไปเที่ยวเวียตนามไม่ยากหรอกครับ เดี๋ยวนี้มีทัสร์จัดมากมายทั้งของประเทศเราเองและของประเทศลาว มีข้อดีข้อเสียต่างกันบ้างนิดหน่อย
  • หากรวมกลุ่มกันสัก 8-10 คน เหมารถ 1 คันก็สามารถไปได้แล้ว โดยทุกคนต้องทำพาสปอร์ต ราคาประมาณ 8000-10000 บาท โดยใช้เวลา 3 คืน 4 วัน หากไปกันมากกว่านี้ราคาก็ถูกลงมาครับ 
สวัสดีครับคุณ
P
ข้อมูลเบื้องต้นการไปเที่ยวเวียตนามดังผมได้กล่าวกับท่านครูบาครับ
น่าไปดูประเทศเขาที่กำลังก่อสร้างตัวและใครต่อใครก็กำลังชื่นชมว่าเป็นคู่แข่งกับประเทศเราครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท