ตอนนี้มีงานอดิเรกทำ หรือเกือบจะเป็นงานประจำอยู่แล้วเชียว.......(ถ้ากรมฯ เลิกจ้าง) ก็คือมีร้านกรอบรูปเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยจะได้เปิดหน้าร้านสักเท่าไหร่....เริ่มคิดที่จะทำอาชีพอิสระตอนที่มีข่าวว่าจะถูกเลิกจ้าง ... มันก็เลยค้าง ๆ คา กันอยู่เนี่ย ตัดสินใจไม่ได้สักที ..เอาเป็นว่าเดือนหนึ่งให้หลุดค่าเช่าบ้านก็พอแล้วค่าแรงไม่ต้อง ถือว่าเป็นงานที่เรารัก..และพอใจที่จะอยู่กับมัน....และเอาไว้เป็นทางออกให้ตัวเองเมื่อยามที่รู้สึกว่าใช้ชีวิตแบบอาหารกึ่งสำเร็จรูปไม่ได้อีกแล้ว การที่เราได้เข้ามาอยู่ในระบบราชการ แต่ไม่ใช่ข้าราชการ (ถ้าเป็นอาหารก็เป็นอาหารประเภทกึ่งสำเร็จรูป (ความคิดของเราเอง) ) ใช่ว่าระบบราชการจะไม่ดี ซึ่งการที่ได้เข้ามาปฏิบัติงานตรงนี้ มันเป็นความภาคภูมิใจว่าอย่างน้อยเราก็มาอยู่ในตำแหน่งที่ใครต่อใครหลายคน ต้องการที่จะเข้ามา แต่การมองหาอาชีพอิสระมันก็ไม่ผิด และยังคงเป็นความต้องการของใครต่อใครอีกลายคน เพียงแต่ว่าเขาเหล่านั้นยังไม่มีช่องทางและโอกาส...เมื่อสองสามปีก่อน ตอนที่มีข่าวลือว่ากรมฯ จะเลิกจ้างเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูล หรือกำลังจะเปิดสอบใหม่..ก็เลยตัดสินใจเริ่มมองหาอาชีพอิสระ... ถ้าไม่มีความชำนาญ หรือไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น ๆ ก็ให้สอบถามผู้รู้ หรือหาสถานที่ที่มีการสอน ไปสมัครเรียนซะให้รู้แล้วรู้รอดไม่ต้งรอถามใครได้ก็ยิ่งดีเลย ... ตัวผู้เขียนเองได้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อสมัครเข้าเรียนการทำกรอบรูปไม้เบื้องต้นที่ศูนย์อาชีพและธุรกิจ ของมติชน เป็นครั้งแรกที่เดินทางไปกรุงเทพคนเดียว(กลัว) แต่มีความกลัวว่าตัวเองจะว่างงานมากกว่า และมีความมุ่งมั่นว่าต้องไป และไปด้วยความรู้สึกไม่แน่ใจว่า เราจะทำได้เหรอ....? ในที่สุดเราก็ทำได้และกลับมาเปิดร้านได้สักประมาณ 2-3 เดือน มีความรู้สึกว่าประสบการณ์ยังน้อย งานที่ออกมาไม่หลากหลายรูปแบบตายตัว ก็เลยประสานกับอาจารย์ผู้สอน เพื่อขอสมัครเข้าไปเรียนกรอบรูปไม้ขั้นสูง(ใส่ของที่มีความหนามาก ๆ เช่นกุ้งมังกร) คราวนี้ต้องเดินทางไปถึง จังหวัดสุทรปราการ เป็นเวลา 4 วัน (เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เรียนร่วมกัน)กลับมาก็ทำได้ถ่ายทอดให้พ่อของลูกเป็นคนทำ เพราะส่วนใหญ่เป็นงานไม้ จนปัจจุบันนี้ ตัวเองเกือบจะเป็นช่างติอย่างเดียวแล้ว ...ตอนนีเปิดมาได้สองปีกว่ากำลี้กำไลไม่ต้องถามถึง...(ไม่มีที่เหลือเป็นเม็ดเงิน แต่จะเหลือเป็นอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือที่ค่อนข้างจะมีราคาแพง โดยไม่ต้องสงสัยว่าทำไมค่ากรอบรูปถึงแพง) แต่ก็ถูไถอยู่มาได้ จนวันนี้มองเห็นช่องทาง คือผ่อนกล้องถ่ายรูปโดยใช้เงินที่ได้จากร้านกรอบรูป เพื่อรับถ่ายรูปนอกสถานที เช่นงานแต่งงาน แต่รู้ไหมปัญหามันมีอยู่ว่าช่วงที่มีงานแต่ง บางครั้งมันตรงกับวันราชการ (ทำไมไม่แต่งวันหยุดราชการ..)ก็รับงานไม่ได้....เฮ้อ นี่แหละคือปัญหา แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะว่า กล้องที่ซื้อมา เราก็อยากได้เป็นทุนอยู่แล้ว และคิดว่าถ้ามีโอกาส(มีเงิน) จะเดินทางไปเรียนเทคนิคการถ่ายภาพเบื้องต้นและการตัดต่อวิดีโอ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ตนเองและช่องทางในการขยายกิจกรรมของร้านกรอบรูป ทั้งหมดเป็นแค่แผน ณ วันนี้ยังทำอะไรได้ไม่มากไปกว่านี้ เพราะยังเป็นประเภทอาหารกึ่งสำเร็จรูป ถ้าใครมีความสนใจที่จะทำอาชีพอิสระลองเข้าเวปไซด์ของมติชน หรือลองซื้อเส้นทางเศรษฐีมาอ่านดูจะมีตารางการฝึกอบรมหลาหลายวิชาชีพเผื่อตรงใจ
สวัสดีค่ะ
คิดแล้วน่าน้อยใจนะครับ พวกเราทำงานและรักกรมของเราแต่ทำไมหน่อ กรมถึงไม่รักพวกเรา
*ชีวิตเราก็แค่เศษดินทรายใครจะเยียบย่ำก็ได้
*จะเป็นประโยชน์ก็ตอนที่ทำถนนหนทาง
สู้ต่อไปนะครับ
ชิโนบุ ปกติหนูเป็นคนร่าเริงไม่ใช่หรือ ที่เขียนทั้งหมดคิดนานไหมเนี่ย (หรือใครคิดให้) อิ ..อิ
สบายดีจ้า....ขอบคุณที่แวะเข้ามา......
ตอนนี้ก็กำลังจะเริ่มทำอาชีพอิสระแล้วเหมือนกัน ระบบราชการไม่ได้มีอะไรให้เรารู้สึกดีเลย
จะตั้งใจทำให้เหมือนพี่ค่ะ
ขอบคุณนะคะ
คุณต้อง
อย่าเพิ่งรู้สึกท้อแท้...........ถ้ากำลังทำงานอยู่ในระบบราชการ ก็ขอแนะนำให้ทำต่อไป แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมองหาอาชีพอิสระไว้ด้วย..เพื่อเป็นทางเลือกในอนาคต.......อย่าเพิ่งทิ้งงานที่ทำอยู่ ในขณะที่ยังไม่มีอาชีพอื่นรองรับนะจ๊ะ
หวาดดี คับคุณ พิมพ์
พอดีผมกำลังมองหาอาชีพเสริมไว้ทำยามว่างมั่งอ่ะ คับ
เพราะงานที่ทำประจำยังงัยก็คงไม่จะสร้างครอบครัวได้หรอกครับ
เพ่ พอจะมีข้อแนะนำอารายมั่งป่าว อยาก้มั่งจัง
แนะนำผมมั่งนะเพ่ เมลล?มาก้อด้าย จารอคับ
ถ้าบังเอิญผ่านเข้ามาอีกครั้ง ขอต้อนรับสมาชิกใหม่ที่ใช้ชื่อว่า อั้ยปื๊ด
ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ตอบกลับ
เพราะ ไม่ค่อยได้มีเวลาเข้ามาเท่าไหร่
ก็ขอแนะนำว่าให้ไปซื้อหนังสือ เส้นทางเศรษฐี อ่านสักระยะหนึ่ง
เพราะโปรแกรมอบรมแต่ละเดือนไม่ซ้ำกัน หรือไม่ก็ให้เข้าเวปไซด์ของมติชน
ดูโปรแกรมการฝึกอบรมแล้ว สำรวจตัวเองว่ารัก หรือชอบที่จะทำอะไร
มีทำเลหรือไม่ แต่ขอแนะนำว่าช่วงเศรษฐกิจอย่างนี้
น่าจะลองจับอาชีพที่เกี่ยวกับของกินได้ แต่ลงทุนไม่มากนะ
ก็ลองดูก็แล้วกัน
ก็เป็นคนหนึ่งที่ทำงานรับจ่ายอยู่ในหน่วยงานของราชการ
ซึ่งไม่มีอะไรเป็นหลักความหมั้นคงเลย กำลังจะตกงาน มองหาอาชีพอิสระอยู่เหมือน
(ทำงานอยู่ในสถาบันฝีมืออาชีพนะ แต่อยากหาอาชีพอิสระที่อื่น)
เข้าใจทุกคน...ที่เป็นคนทำงานในระบบราชการ
อย่ารอให้ถูกเลิกจ้าง...แล้วถึงจะมองหาช่องทางอื่น
แต่ให้มองหาช่องทางสร้างอาชีพอื่นระหว่างที่รอถูกเลิกจ้าง....