หมอ...ไม่ใช่เทวดา


สมัยที่ผมเรียนวิชาอนาโตมี่...ผมสนใจมาก ถึงขนาดคิดว่า...ถ้าผมเข้าใจร่างกายของผมเอง...ผมก็น่าจะวินิจฉัยโรคของตัวเองได้ดีกว่าแพทย์ทุกคนในโลก

วันนี้กลับมามีอารมณ์บันทึกอีกครั้ง....หลังจากเข้ามาดูแล้วพบว่า...พระอาจารย์ของกระผมก็พลอยร้างลาไปนานเหมือนกัน(แต่ของผมแทบลืมไปเลย...555)

 

เมื่อเช้าภรรยาผมดูข่าวเรื่องเด็กหนุ่มที่เป็นลมชักขับรถเบนซ์ชนคนตาย...แล้วมาเล่าให้ผมฟังอย่างตื่นเต้น...ช่วงที่คุณสรยุทธ์สัมภาษณ์พ่อของเด็กหนุ่มไฮเปอร์คนนั้น...

 

ภรรยาผมเกิดอาการสนใจอย่างเอาเป็นเอาตาย(เพราะเด็กหนุ่มคนนั้นอายุเท่าลูกชายสุดรักสุดหวงแหนของเธอ)... แล้วเธอก็มาสารภาพกับผมว่า...เมื่อครั้งที่ผมไม่ยอมให้ลูกชายคนกลางกินยากันชักตามที่หมอจ่ายมาให้...เพราะผมเชื่อว่า...เขา(ลูกชายกลาง)ต้องต่อสู้กับอาการชักด้วยตัวเองถึงจะถูก...และผมจะเป็นคนคอยดูแลเขาให้ถึงที่สุด เมื่อเกิดอาการไข้สูงอีกครั้ง(ครั้งที่ 4 หมอจ่ายยาฟีโนบาร์บให้) เขารู้สึกไม่เห็นด้วยกับผม(แต่ก็ไม่ได้โต้แย้ง...เพราะผมให้เหตุผลว่า...ยาอาจส่งผลให้ลูกเราเป็นเด็กไฮเปอร์ได้นะ...เหมือนตัวอย่างเด็กที่เขามาฝฝากเลี้ยงข้างบ้านเลย...เขาเลยยอม)

ผมก็เชื่ออย่างที่เรียนมาว่า...ทุกครั้งที่คนเราชัก...เซลล์สมองจะตายไปหลายล้านเซลล์...แต่ก็เชื่ออีกเช่นกันว่า...คนเราไม่เคยใช้เนื้อที่สมองได้เกิน 20 % และ สมองเด็ก มีเซลล์สมองที่สามารถเจริญเติบโตได้อีกมาก...ถ้าผ่านการกระตุ้นให้คิด...และจินตาการ...

 

ภรรยาผมเขาชื่นชมผม...บอกให้ลูกฟังว่า...ถ้าไม่เชื่อพ่อตั้งแต่ตอนนั้นลูกชาย 2 คนอาจมีอาการเหมือนเด็กหนุ่มที่เห็นในข่าวก็เป็นได้...ผมก็เลยนึกถึงเหตุการณ์ที่ไม่เชื่อหมอหลาย ๆ เรื่องที่ควรบันทึกเก็บไว้(แต่เรื่องส่วนใหญ่ก็ควรเชื่อนะครับ...555)...

 

หมอ...ไม่ใช่เทวดา...อันนี้เป็นคำพูดที่ผมพูดต่อหน้าหมอและพ่อของเด็กหนุ่มที่เป็นไข้เลือดออกจนเสียชีวิตแล้วเขาก็ทำเรื่องฟ้องแพทย์...ว่าไข้เลือดออกสำหรับลูกเขา...ไม่น่าถึงกับเสียชีวิต...เพราะเขาดูแลอย่างดี...ส่งถึงมือหมอตั้งแต่เริ่มเป็นไข้ (โรงพยาบาลที่เลือก ก็คิดว่าดีที่สุดในพิษณุโลกแล้ว)...เพราะหมอเป็นผู้วินิจฉัยโรคจากคำบอกเล่าและการสังเกตุตามทฤษฎีที่เรียนรู้มา...หากคนไข้บอกไม่ถูกหรือโกหกหมอ...โอกาสที่จะวินิจฉัยผิดพลาดก็มีอยู่สูง...ยังไม่รวมถึงความเชื่อและความสามารถของแพทย์หลาย ๆ คนที่ไม่เข้าใจธรรมชาติและความจริงของชีวิต...

หมอพินิจ(คลีนิคสาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก)... ยังไม่ทันตรวจอะไรผมเลย...ท่านก็บอกว่าไม่เชื่อหมอก็ไม่ต้องตรวจ...ผมตกใจ(ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยตรวจกับท่านมาก่อน) ท่านคงสังเกตุสีหน้าผมก็รู้ว่า ไอ้หมอนี่หัวแข็ง...555 เก๋าจริง ๆ (ท่านปลดเกษียณแล้วมาตรวจที่คลีนิค สสจ.)

 

สมัยที่ผมเรียนวิชาอนาโตมี่...ผมสนใจมาก ถึงขนาดคิดว่า...ถ้าผมเข้าใจร่างกายของผมเอง...ผมก็น่าจะวินิจฉัยโรคของตัวเองได้ดีกว่าแพทย์ทุกคนในโลก...555

 

สมัยที่ผมอบรมเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน...วิทยากรเขายกตัวอย่างว่ามีแพทย์สองคนที่ถูกเลี้ยงอยู่แต่ห้องแอร์ในกรุงเทพฯ...พอสอบได้ก็เรียนแพทย์จนจบ.....แล้วต้องไปใช้ทุนต่างจังหวัด 3 ปี...ปรากฎว่าไปเจอกับเชื้อโรคธรรมดาของชาวบ้าน....แต่หมอไม่เคยมีภูมิคุ้มกันมาก่อน...ตายคาที่ทั้งสองคน...  

 

การให้ยาปฏิชีวนะกับเด็กอายุน้อยกว่า 7 ขวบ จึงเป็นการฆ่าระบบภูมิคุ้มกันของเด็กชัด ๆ(แต่ก็มีหมออีกมากที่จ่ายให้เด็กโดยไม่จำเป็น) เขายกตัวอย่างว่าที่อเมริกาถ้าใครเป็นโรคอีสุกอีใส เขาจะรีบเอาลูกไปสัมผัสให้เป็นอีสุกอีใสด้วย(ให้มันรู้แล้วรูรอดไป)แต่ประเทศไทยสั่งให้หยุดเรียนและหลีกเลี่ยง...555 

อีสุกอีใสนี่ภรรยาผมมาเป็นตอนอยู่กับผมแล้ว(สงสัยติดจากลูก) เชื่อมั้ยครับว่าอาการรุนแรงจนน่ากลัว...อิอิ

 

ผมนึกไปถึงพี่สมพร...หมออนามัยที่เล่าประสบการณ์ว่าเลี้ยงลูกด้วยยาตั้งแต่เล็ก...โตขึ้นก็เจ็บป่วยกระเสาะกระแสะตลอด

 ผมก็เลยเลี้ยงลูกแบบไม่ค่อยเชื่อหมอนัก...

 

 1. การสั่งจ่ายยาแบบบูรณาการ...หลายคนคงเคยไปหาหมอแล้วรับยามาครั้งละ 4-5 ชนิด ... ผมไม่เคยกินยาทุกอย่างตามที่หมอสั่งเลย... ผมจะเลือกกินเฉพาะที่ผมมั่นใจว่าตรงกับโรคจริง ๆ เท่านั้น

 

2. การกินยาของลูก...อันนี้ผมพิถีพิถันมากที่สุด...ลูกผมจะได้กินแต่ยาลดไข้เท่านั้น...ไม่ว่าจ่ายยาอะไรมาผมจะศึกษาอย่างละเอียด...แล้วก็มักจะไม่ได้กิน(รวมทั้งฟีโนบาร์บนั่นด้วย)

 

คำสำคัญ (Tags): #หมอ เทวดา
หมายเลขบันทึก: 109045เขียนเมื่อ 6 กรกฎาคม 2007 09:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 15:40 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (21)

ท่านเลขาฯ....

เห็นด้วย.......

เคยเรียนแพทย์แผนโบราณเล็กน้อย เค้าบอกว่า ยาหม้อหนึ่งมี ตัวยาหลัก ตัวยารอง ตัวยาเสริม นอกนั้นก็เป็นพวก แต่งสี แต่งกลิ่น แต่งรส....

เรื่องโรคาพยาธินี้ก็แปลก มีพระเถระบางรูป นานๆ อาบน้ำครั้ง สะบู่ปีหนึ่งใช้ก้อนเดียวไม่หมด แต่ท่านก็ไม่ได้เป็นโรคผิวหนัง ไม่มีกลากเกลื้อน....

บางคนเป็นคนรักษาความสะอาดเกินร้อย แต่เป็นโรคผิวหนังตลอด รักษาอย่างไรก็หายไม่ขาด....

กัมมชโรค แปลว่า โรคเกิดแต่กรรม ... เป็นประเด็นหนึ่งที่มีอยู่ในคำสอนทางพระพุทธศาสนา....

รู้สึกว่าใจฟูขึ้น ที่ได้เจอท่านเลขาฯ เช้าวันนี้....

เจริญพร

ครับ...พระอาจารย์...

 

วันหลังเรามาเขียนเรื่อง...ยารักษาจิตจะดีมั้ยครับ...

 

 

ยารักษาจิต

เห็นด้วยอย่างยิ่งค่ะ ช่วยกันปรุงแล้วแจกจ่าย

ถ้ามี vaccine ด้วยจะยิ่งดีมากๆค่ะ

นานๆเข้ามาครั้ง รู้สึกว่าใจจะตรงกันกับท่านสอน(เดี๋ยวนี้ท่านเป็นใหญ่เป็นโต ก็ต้องยกย่องตามฐานะ)

รู้สึกจะเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยทั้งพระอาจารย์และลูกศิษย์ ทนไม่ได้จึงต้องขอทักท้วงสักหน่อย

ไม่ใช่เพราะว่าเป็นหมอ

แต่เพราะ เป็นห่วงหลายๆคนที่อาจมาอ่านพบเข้า

อยากให้เข้าใจว่า ความเชื่อเรื่องการให้ ไม่ให้ยาลูกของท่านสอน เป็นความเชื่อส่วนบุคคลนะครับ

และไม่แนะนำให้ทำตาม อย่าเอาชีวิตลูกมาเสี่ยงเลยครับ

หมอไม่ใช่เทวดาหรอกครับ แต่หมอก็ไม่ใช่ยมบาล แต่ละท่านก็คงพยายามที่จะใช้ความรู้ความสามารถสติปัญญาที่ศึกษามาอย่างเต็มที่เพื่อรักษาผู้ป่วย

อ้อ ท่านสอนคงไม่รู้ว่า หมอคนนี้ก็เคยชักมาก่อน แล้วก็กินยาฟีโนบาร์บ (phenobarb) มาเหมือนกัน

แล้วลูกหมอ ก็ชัก กินยากันชัก มาเหมือนกัน ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ

ท่านใดที่ลูกชัก ก็ไปพบหมอ(แพทย์) กินยาตามที่หมอสั่งให้ ดีแล้วละครับ

ฝากเรียนคุณนาย(ภรรยาคนใหญ่คนโต ก็ต้องเป็นคุณนาย จะไปเรียกตัวเองเป็น "ผอจ" ไม่ได้น่ะครับ) อย่าชื่นชมกันมากนัก เดี๋ยวจะเหลิง ไปกันใหญ่

หมอบุญชัยเขียนถูกใจครับ อิอิ

P
ยารักษาจิตน่ะ...น้องคงเข้าใจเรื่องนี้ดีกว่าพี่อีกนะ...อิอิ
แต่พระอาจารย์คงมีคำแนะนำดี ๆ อีกเยอะ...โดยเฉพาะ...เรื่องราวที่ท่านเขียนไว้ในบล็อก...ล้วนแล้วแต่รักษาจิตทั้งนั้น...เพียงแต่เราจะเลือกให้ตรงกับโรค(พระท่านเรียกตรงจริต...อิอิ)ได้หรือไมท่านั้น...
P
ในที่สุดผมก็กระตุ้นต่อมอารมณ์ท่านจนได้...อิอิ
อาจารย์หมอบุญชัยที่จิตแข็งที่สุด(จิตอย่างเดียวนะครับ...555) แอบอ่านเก็บเกี่ยวจากพวกเราศิษย์อาจารย์...ไม่ยอมมาแลกเปลี่ยนกัน...(หรือว่าเราก็หายไปนานเหมือนกัน...555)
นี่ยังไม่รวมกับเรื่องราวที่ผมเคยบอกลูกว่า"แพทย์คือกลุ่มคนด้อยโอกาส"เลยนะครับ...เพราะแพทย์ส่วนใหญ่มีโอกาสในการเรียนรู้ชีวิตจริงของชาวบ้านน้อยมาก...(ก็ความเห็นส่วนบุคคลอีกนั่นแหละครับ...ห้ามลอกเลียนแบบ...555...เพราะคงมีคำตอบอีกหลากหลาย...)
แพทย์ที่สามารถกระโดดออกจากหลุมพรางของวังวนชีวิตหมอเช่น อาจารย์หมอบุญชัย อาจารย์หมอสุธี  อาจารย์หมอเต็ม(อาศัยพาดพิง...555) ผมว่ามีไม่น่าเกินครึ่ง...อย่างไรก็ตาม...ลูกชายผมก็ยังอยากเป็นแพทย์อยู่ดี...55555
P
เห็นด้วยครับ...
อาจารย์หมอสุธี...
แต่ไม่รู้ว่าโดนใจตรงส่วนไหน...55555

เปลี่ยนให้แล้วนะครับ...อาจารย์หมอบุญชัย..

 

จาก ผอจ.เป็นผคจ.ครับ....5555

P
เข้ามาลงชื่อในฐานะถูกพาดพิง และต้องการกระตุ้นให้บันทึกนี้วิ่งต่อไป....อนึ่ง ฝากบาลีสุภาษิตไว้ด้วย เพื่อเป็นข้อคิดบางอย่าง .....
อปฺปมฺปิ วต ชีวิตํ อิทํ
โอรํ วสฺสสตาปิ มยฺยติ
โย เจปิ อติจฺจ ชีวติ
อถ โข โส ชรสา มยฺยติ
ชีวิตนี้น้อยนักแล ต่ำกว่าร้อยปีก็จะตาย... แม้ว่าผู้ใดจะเป็นอยู่เกินได้บ้าง... ผู้นั้นก็จะตายเพราะความชราแน่แท้...
ทหราปิ จ เย วุฑฺฒา เย พาล เย จ ปณฑิตา
อฑฺฒา จ ทลิทฺทา เจว สพฺเพ มจฺจุปรายนา
เด็กๆ ก็ตาม คนแก่ๆ ก็ตาม คนโง่ คนฉลาด คนรวย และคนจนก็ตาม... ทุกๆ คน มีความตายเป็นเบื้องหน้า...
ชราชชฺชริตา โหนติ หตฺถปาทา อนสฺสวา
ยสฺส โส วิหตตฺถาโม กถํ ธมฺมํ จริสฺสสิ
สองมือสองเท้าของท่านผู้ใด ไม่เชื่อฟัง (ไม่ได้ดังใจ) ทรุดโทรมแล้วเพราะความชรา.. ท่านผู้นั้นมีกำลังอันความชรากำจัดเสียแล้ว จักประพฤติธรรมได้อย่างไร...
เจริญพร

ครับพระอาจารย์...

 

ที่จริงผมก็ขาดสติไป...จนลืมบอกเจตนาของการบันทึกเรื่องนี้...ด้วยเป้าหมายที่แท้จริงเพียงต้องการให้คนรู้สึกว่าการพึ่งตนเองเป็นสิ่งสำคัญ...ไม่เว้นแม้แต่เรื่องหมอเรื่องยาก็ตาม...

 

เพราะหากคิดเอาเพียงว่า...เรื่องนี้เราต้องพึ่งพาผู้อื่น...ไหนเลยปัญญาจะเกิดได้...

 

บังเอิญผมได้อ่าน เรื่องราวของ"คุณหมอสี่แผ่นดิน" ศ.น.พ.เฉก  ธนะสิริ ผู้ตั้งเป้าไว้ว่าจะอยู่ถึง 120 ปี...บอก"จงจำไว้ว่า ยาทุกชนิดล้วนทำจากสารเคมี และมีผลกระทบต่อร่างกายทั้งสิ้น"...

สวัสดีค่ะ อาจารย์นายขำ

  • ปกติเป็นคนไม่ชอบกินยาเหมือนกันค่ะ
  • เมื่อสามเดือนก่อน ไม่รู้ไปติดหวัดจากใคร ทั้งๆที่ไม่ค่อยจะเป็นหวัด ถ้าเป็นก็เดี๋ยวเดียวก็หาย แต่ครั้งนี้ไม่อย่างนั้นค่ะ กินน้ำเยอะๆ นอนมากๆๆแล้วก็ไม่หาย สุดท้ายต้องพึ่งยา เป็นยาฉีดที่ฤทธิ์สูงด้วย คือต้องนอนโรงบาลค่ะ จนป่านนี้ก็ยังไอมีเสมหะ มีน้ำมูกอยู่เลยค่ะ
  • เดี๋ยวนี้เชื้อโรค ก็คงพัฒนาไปมากจนเราหรือหมอ ก็ตามไม่ทันค่ะ

 

P
ยินดีรู้จักคนหนองคายครับ...
ป้าแดงอยู่ใกล้ยา(สลบ...555) ก็คงไม่ลำบากนักในการเลือกใช้ยา...
แต่ชาวบ้าน...ส่วนใหญ่เขาคิดว่าต้องพึ่งหมอพึ่งยา...แม้จะไม่มีโอกาสใกล้หมอใกล้ยาแบบพวกเรา...แต่กระบวนคิดไม่เคยเปลี่ยน...
แบบนี้แหละที่อาจารย์หมอเฉกบอกว่า...ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งค้ายาอันดับ 1 ของโลก...ที่บริษัทต่างชาติมุ่งเป้าทำกำไรได้...เพราะประเทศเราซื้อยาถึง ปีละ 80,000 ล้านบาท...
ผมยังแอบคิดเงียบ ๆ นะครับป้าแดง...ว่าเป็นเพราะเราใช้ยากันมากไป...จนทำให้โรคดื้อยา โรคใหม่ โรคเก่า...มันฉลาดมากขึ้นจนเราตามไม่ทันอย่างว่า...55555
  • มาแอบฟังคุณหมอคุยกันสนุกดี
  • แต่เคยอ่านงานของคุณหมอสันต์ หัตถีรัตน์ ชื่อ หมอ เทพเจ้ากาลี โห แค่ชื่อก็แย่แล้ว
  • ท่านอาจารย์หมอประเวศ เองเคยบอกว่า บางครั้งก็มีโรคหมอทำครับ
  • แต่หมอที่ดีๆๆก็มีมาก แต่ผมไม่เชื่อหมอเหมือนกัน
  • จึงเป็นแบบนี้ครับ
55555...แบบไหนครับอาจารย์...
P

โรคไม่เชื่อหมอนี่เป็นโรคชนิดหนึ่งนะครับ...(บางทีก็เป็นต้นเหตุของโรคจิต...อิอิ)
เว้นเสียแต่ว่า...อาจารย์พร้อมเจ็บ พร้อมแก่ ... และพร้อมตายเสียแล้ว...อาจารย์ก็หนีพ้นโรคกลัวสบายแฮเลยครับ...555
  • สนใจอันนี้Wit : Dialogue
  • มาเฉลยเสียดีๆๆว่าทำอย่างไรครับ
  • ขอบคุณครับ
  • เคยมีเพื่อนเป็นลมบ้าหมูคะ...
  • ต้องหาช้อนมาให้กัดไว้
  • น่าสงสารคะ...เวลาแข่งกีฬาทีไรเป็นทุกที
  • มีอีกคนคะเป็นในห้องสอบ ปลายภาค
  • ต้องรีบส่งโรงพยาบาล...
  • โชคดีคะ...อาจารย์เลยเลื่อนการสอบออกไปอีก...เพื่อนๆ เลยได้ประโยชน์ด้วย
อาจารย์P
ผมตอบอาจารย์ไป 1 รอบ...ไม่เห็นมีข้อความผมเลย...ผมสังเกตุดูจำนวนนับก็มีอยู่นะครับ...
เรื่อง Wit : Dialogue นี่ผมจะใช้เป็นหลักสูตรต่อเนื่องของการอบรม Mind Map ของอาจารย์ธัญญาน่ะครับ...
เสียดายครับ...อาจารย์ ดร.ถาวรไม่สามารถผลักดันให้ทดลองในโรงเรียนสาธิตในช่วงนั้น(ที่ผมกำลังว่างอยู่และมีไฟ...555) ก็คงต้องรอให้ผมปฏิบัติภาระกิจอื่น(ซึ่งก็หนักเอาการอยู่ครับ) เมื่อกลับสู่จุดยืนของตนเองได้แล้ว...คงจะกลับมาทำเพื่อสังคมเล็ก ๆ ของเยาวชนอย่างมีความสุขครับ...
กระบวนการก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษพิศดารเลยครับอาจารย์...เพียงแต่ว่าผู้จัดกระบวนการ/วิทยากรกระบวนการ...ต้องมีความเข้าใจปรัชญาลึกซึ้งพอประมาณ...
วิธีการก็...เปิดวงเสวนาของเด็ก 6-8 คน โดยเริ่มModเปิดประเด็นการหาความหมายของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด...โดยให้ความหมายทีละคน(ถ้าจะให้ดีคนอื่น ๆ บันทึกลงในMindmapของตน) เมื่อแต่ละคนให้ความหมายของตนแล้ว Mod ก็ให้คะแนนตามระดับ...
เชิงประจักษ์ 1 คะแนน(หรือเป็นอย่างอื่นแทนคะแนนก็แล้วแต่) เช่นเก้าอี้คือของใช้/ทำด้วยไม้/มีสี่ขา...แบบนี้ให้ 1 คะแนน(มีเงื่อนไขว่าต้องตอบไม่ซ้ำกัน)
เชิงความคิดรวบยอด 2 คะแนน เช่นเก้าอี้เป็นของใช้สำหรับนั่งจะทำจากอะไรก็ได้มีกี่ขาก็ได้...ประมาณนี้
เชิงปรัชญา 3 คะแนน เช่นเก้าอี้อาจสื่อความหมายถึงตำแน่งยศถาบรรดาศักดิ์...บางคนอาจยึดติดเก้าอี้...บางคนก็อยากเลื่อยขาเก้าอี้...555...แท้ที่จริงแล้วเก้าอี้เป็นสิ่งสมมุติ... ประมาณนี้(หรือลึกซึ้งกว่านี้ก็ได้)
ส่วนรายละเอียดที่เป็นทริก..เอาไว้โอกาสหน้าครับ...
 คุณP

ดีนะครับเป็นลมบ้าหมู...บางคนเป็นลมบ้าคนอันนี้ยุ่งครับ...55555
ที่จริงเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่ตนเอง---ครอบครัว---เพื่อนฝูง...ต้องช่วยกันดูแลก่อน...
บางคนเกิดมาด้วยสภาวะที่ไม่สมบูรณ์ก็ต้องรู้จักใช้ชีวิตกับสภาวะนั้นอย่างมีความสุขที่สุด(ของเขาเอง) ซึ่งอาจมีความสุขมากกว่าเราด้วยซ้ำไป....555...
นั่นคือมุมมองที่เปลี่ยนไปจาก สุขภาพ....เป็นสุขภาวะ ...ครับ

ท่านพี่ ขำขำ สบายดี

  • แวะมาดูลาดเลา ว่าเป็นเช่นไร
  • เลยวันนี้มีอารมณ์แสดงความคิดเห็นด้วย
  • สะอาดเกินไปก็ไม่ดี สกปรกเกินไปก็ไม่ดี ก็เลี้ยงแบบธรรมชาตินั่นแหละดีที่สุด
  • ก็เห็นชาวไร่ชาวนา คลุกขี้ดิน กินขี้โคลนกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่เห็นเขาจะเป็นไร
  • เนาะ ๆ หุ หุ หุ
วันนี้สหายน้อง
P
 ณัฏฐ์ อนุเซน สกุลรินไซ ลดระดับความเข้มงวดและความลึกซึ้งแห่งธรรมลงมา...เห็นอย่างนี้แล้วค่อยสบายใจแทนผู้ที่กลัวไม้หน้าสาม...55555
เป็นอย่างที่น้องเราว่าจริง ๆ  การเลี้ยงเด็กสมัยก่อนไม่เหมือนปัจจุบัน... ยิ่งหนีห่าง...ยิ่งประสบ... ยิ่งหวาดกลัว...ยิ่งจนมุม... หันหน้ามาสู้ไม้หน้าสามกันดีกว่าเนาะ....55555
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท