นกแอ่นกินรัง บันทึกหน้าที่ 7


รังนกเลือด!?!

หมู่นี้ละครและภาพยนต์เรื่องเกี่ยวกับผีๆ สางๆ กำลังฮิต ชนิดว่า "แล้วจะติดอยู่ในหัวคุณ"เลยทีเดียว หัวเรื่องของบันทึกหน้านี้ไม่ได้หมายจะให้เป็นปริศนาแบบพิศวาสฆาตกรรมหรือไสยศาสตร์อะไรอย่างนั้นหรอกนะ แต่ก็เพราะคำว่า "รังนกเลือด" อย่างที่หลายคนเข้าใจและหลายคนพยายามหาคำตอบอยู่เนี่ย มันก็ยัง"ติดอยู่ในหัว"ของครูเล็กอยู่เรื่อยมา และรับปากว่าจะมาคุยกันเรื่องนี้

รังนกที่เป็นสีแดงนั้น คุณอาจจะเคยเห็นอยู่ แล้วผู้ขายบางท่านก็จะบอกกันต่างๆ นาๆ พวกเราที่ไม่ได้ไปสัมผัส แต่รับรู้จากการบอกเล่า ก็คงจะคิดว่ามันเป็นรังที่มีเลือดเจือปนด้วยจริงๆ

โธ่ถัง ! นกคงทำรังไปเสียอกเสียใจไป หรือไม่ก็ขนาดกระอักเลือดกันเลยเชียวหรือ  ถ้าเป็นอย่างนี้พวกเราๆ ท่านๆ ที่"ใจอ่อน"คงจะไม่กินซุปรังนกกันอีกต่อไปละ

ที่จริงการบอกว่ารังนกสีแดงเกิดจากการกระอักเลือดเพื่อสร้างรัง ก็คงจะมีผลดีอยู่ด้วยบ้าง หากสามารถชลอเวลาให้นกได้ใช้รังที่พวกเขาได้สร้างมากับปาก..เลี้ยงลูกได้สักหนึ่งครั้ง 

(เอาเถอะ การให้สัมปทานรังนกก็ยังมีกฏเกณฑ์ว่าปล่อยให้พ่อแม่นกได้เลี้ยงลูกในรังชุดที่สามของพวกเขาหรอกน่า ..เว้นเสียแต่ว่าหากมีการปล้นรังนกกัน ลูกนกและไข่นกก็หงายเก๋งตกลงมาตาย มีความสูญเสียอยู่ในกิจการปล้นครั้งนั้นอยู่บ้าง การเก็บรังนกในเกาะทุกครั้งก็มีการสูญเสียลูกนกและไข่นกด้วย เพราะเหตุว่านกแต่ละคู่ทำรังไม่พร้อมกัน โธ่ ใครจะไปแต่งงานพร้อมกันแบบสมรสหมู่เมื่อไรละ คู่ใครพร้อมก็สร้างกันไป ขอบอกว่านกในบ้านคนทำรังตลอดปี ผลิตลูกๆได้ประมาณ 3-4 รุ่น/ปี เรียกว่าทำรัง"แบบต่อเนื่อง,สืบพันธุ์ตลอดปี" พอลูกๆ โตบินออกไปได้ ก็วางไข่กันเลยทีเดียวแบบนี้ และคิดว่านกในเกาะก็จะทำรัง3-4 ครั้งต่อปีด้วย แต่ละคู่จึงวางไข่-เลี้ยงลูกไม่พร้อมกัน กิจการเลี้ยงลูกของทุกรังจึงไม่ได้เสร็จสิ้นก่อนวันที่คนจะเก็บรังในช่วงนั้นซักหน่อย เรื่องนี้คงต้องยอมรับความจริงกันว่า  มีการสูญเสียในการเก็บรังบนเกาะทั้ง 3 ครั้ง และการกำหนดวันเก็บรังแต่ละครั้ง ก็ใช้วิธีประมาณการว่าจะยอมให้มีรังที่วางไข่ไปแล้ว + รังที่เลี้ยงลูกอยู่ไม่เกิน 15 %)  

รังนกสีแดงนี้จะพบเห็นกับรังนกสีขาวที่ทำรังจากน้ำลายล้วน หรือพวกนกพันธุ์"รังขาว" ก็พวกรังดำน่ะ มีขนปะปนยุบขนาดนั้น คงไม่มีพื้นที่ให้เห็นว่ามีสีแดงอะไรปน  ที่จริงนกพันธุ์รังดำก็ถูกเก็บรังครั้งเดียว (ปี '45 ทราบมาว่า จ. พัทลุงเก็บอย่างนี้ หลังจากนั้นไม่ทราบว่าเปลี่ยนแปลงหรือไม่)   และรังนกรังดำนั้นทำรังจากน้ำลายน้อยๆ ปนกับขนของพวกเขามากๆ คงไม่ถึงกับกระอักเลือดหรอกนะ

ถ้าคุณอยากทราบว่าสีแดงที่อยู่ในรังนั้นเป็นอะไรกันแน่ ก็คงต้องเอารังสีแดง หรือรังนกเลือด (ซึ่งจากข้อคิดเห็นเสริมเข้ามาในบันทึกหน้าก่อนๆ บอกว่ารังแดงมีราคาแพงมาก....) มาวิเคราะห์ส่วนประกอบของรัง ถ้าเป็นเลือดนกปะปน ก็ต้องตรวจพบเม็ดเลือดแดงของนกละ คราวนี้ก็ต้องทำการวิเคราะห์ในห้องlab ที่มีเครื่องมือวิเคราะห์องค์ประกอบของอาหาร  

ถ้ายังไม่มีใครทำการวิเคราะห์ เราก็จะนั่งเทียนวิเคราะห์ไปก่อน (ก็ตอนนั้นไฟดับ และเกิดหน้ามืด ต้องเอาเทียนมาส่องให้หน้าไม่มืด..ล้อเล่นนน)

ที่จริงนกสร้างรังจากน้ำลายที่ขับมาจากต่อมน้ำลายที่เรียกว่า sublingual gland ไม่มีทางใดที่น้ำลายจะมีเลือดออกมาปนได้

แต่กรณีของคนที่ขับเสลดออกมาเป็นเลือด แสบคอหรือคออักเสบ เป็นแผล หรือปอดมีปัญหา ก็มีสิทธิที่เลือดจะออกมาปะปนกับเสลดนั้นได้ แต่อย่างที่บอกเสลดของคน ต่างกรณีกันกับน้ำลายของนก และการสร้างรังของนก

เวลาสร้างรัง น้ำลายของนกถูกขับออกมาเป็นสายจากต่อมอย่างกับเล่นกล น้อยๆ ครั้งละไม่กี่นาที แต่วันละหลายๆ ครั้ง นกจะกลับมาสร้างรังเวลากลางวัน วันละหลายหน ตอนกลางคืนก็คงมีการเสริมกันอีกหลายรอบ เพราะเราเห็นนกเข้ารังเวลาเย็นย่ำ บางตัวก็มานั่งปุบ วางเส้นสายปั๊บเลย การสร้างรังจึงไม่ใช่แบบ nonstopครั้งเดียวจบ (แบบนั้นก็หมดทั้งน้ำลายและน้ำแรงละซี) และจากการนั่งดูแบบไม่กระพริบตา('เวอร์)กับพวกนกในวัดที่เราไปทำการวิจัยมา เคยเห็นนกคู่ที่ไม่ประสบความสำเร็จในการสร้างรังสักที (เพราะพื้นที่ไม่ดี รังเกาะไม่แน่น ยังสร้างไม่เต็มรัง ก็ร่วงอยู่เรื่อยๆ) พวกเขาก็จะก้มหน้าก้มตาสร้างอยู่นั่น และการวางไข่ของนกนั้น หากไข่ของมันร่วงหล่นเอง หรือหายไปพร้อมกับรังที่ถูกเก็บ ก็สามารถสร้างรังเรื่อยๆ และวางไข่ใบใหม่ได้อีก มีความวิริยะอุตสาหะ ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องวางไข่ และได้กกลูกน้อยสักหนเถอะ! ก็อิทธิพลของselfish gene(คนเขียนคิดเอาเอง) ไม่ปรากฏว่ารังของคู่นี้มีสีแดงออกมาเจือปน แม้ว่าจะสร้างรังเป็นครั้งที่ห้าของฤดูกาลนั้นแล้วก็ตาม จนชาวบ้านเขาเลี้ยงลูกไปได้หนึ่งครอกกันแล้ว คู่นี้ก็ยังอยู่ที่จุดสตาร์ตนั่นเอง ฮือ นางเองพระเอกถูกกลั่นแกล้ง...

จากข้อความแถบสีชมพู นี่คงเป็นหลักฐานได้ว่านกไม่ได้หมดน้ำลายจนต้องกระอักเลือดออกมาปนเลย แม้ว่าพวกเขาจะต้องสร้างออกมาสักกี่ครั้งก็ตาม

พื้นผิวที่รังไปแปะไว้คือตัวการหรือเปล่านะ ????เพราะเราพบว่ารังนกในถ้ำปรากฏว่ามีรังนกสีแดงอยู่บ่อยๆ (เคยเห็นในใบว์ชัวเกี่ยวกับรังนกที่ภูเก็ต แต่ในแผ่นโบว์ชัวนั้นไม่ได้บอกว่าเป็นรังนกที่มีเลือดเจือปน เพียงแด่บอกว่าเป็นรังสีแดง..และมีราคาสูง) 

เราเคยเห็นรังนกเกาะ ที่จ.ชุมพร ที่แอบมีรากไม้เล็กๆ สีน้ำตาล แบบไหมหรือด้ายอ่อนๆ แทรกในรังด้วย ฮึ ฮึ แอบมีเล่ห์เหลี่ยมประหยัดน้ำลายตัวเองหรือเปล่า 

หรือว่าเป็นผลจากจุลินทรีย์ที่ท่านให้ความเห็นกันมา หรือ.......? ข้อยุติคือการพิสูจน์จากการวิเคราะห์องค์ประกอบของรังนกเลือดละนะท่านผู้ชม ใครจะเป็นสปอนเซอร์ให้ทำวิจัยเรื่องนี้บ้างล่ะเนี่ย?

เราก็ยังสงสัยอยู่อีกเรื่องคือ รังนกบ้านของท่านใดมีสีแดงแบบรังนกเลือดบ้าง ยกมือขึ้น(ขอเรียนถามจริงๆ นะเนี่ย..)

คงต้องเบรคเดี๋ยวแบบยาวๆ แล้ว พบกันปีหน้าโน้นนนนละกัน

โอกาสดีย่างสู่ปีใหม่..จึงขอส่งความปรารถนาดีมาด้วย ช่วยรับกันไว้หน่อยนะ

ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามค่ะ

ครูเล็ก

ติดต่อได้ทาง [email protected] โปรดระบุเรื่อง"นกแอ่นกินรัง"หรือ "ENS"ค่ะ

คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 10863เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2005 14:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 พฤษภาคม 2012 19:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

   อยากให้อาจารย์ ช่วยเขียนเรื่องรังนกเลือดให้ได้อ่านมากว่านี้หน่อยครับ เพราะว่าผมมีความสนใจในความเป็นมาเป็นไปของเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

   อาจารย์ครับ ผมขออนุญาติ-ติดต่อกับอาจารย์ทางโทรศัพท์ได้หรือไม่ครับ เพราะผมมีเรื่องที่จะปรึกษา หารือกับอาจารย์เกี่ยวกับเรื่องนกแอ่นกินรัง เนื่องจากผมกกำลังศึกษาเรื่องนี้เพิ่มเติมอยู่เหมือนกันครับ จะเป็นการดีมาก หากว่าไปพูดคุยกัยอาจารย์     ขอบคุณครับ

                 สราวุธ  01-318-1361 / 02-581-4401

   

   บทความดีมากเลยครับ

              ขอบคุณอาจารย์มากครับ

จากที่ดิฉันได้สอบถามคนๆๆๆ คนนึง เค้าบอกว่าเค้าเป็นผู่ที่ไปหาข้อมูลด้านนี้  ถ่ายทำมาดดยเฉพาะ เพื่อนำข้อมูลไปให้ชาวบ้านได้ทำธุรกิจกัน 

..    เค้าบอกว่า รังนกสีแดง เป็นรังเลือดจริงๆๆๆ  และรังที่แพงที่สุด คือรังสีขาว

     .... ตกลง ดิฉันจะเชื่อใครดีเนี๊ยะ....

ใครรู้จริงๆๆ  ติดต่อ 04-1931826

ขอบพระคุณจ้า

จาการที่อ่านบทความในเนทมาพอสมควร

ขอยืนยันตามที่คุณ ครูเล็กเขียนด้วยคนว่า ไม่ใช่เลือดแน่นอน

รังนกเลือดน่าจะเป็น เรื่องทางการตลาดมากกว่า เพื่อขายให้ได้ราคาแพง

น่าจะเป็นแร่ธาตุที่ซึมออกมาจากผนังถ้ำ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท