หมาตัวหนึ่ง ให้คติสอนใจ


"เราอาจทำงานได้เกินความคาดหมายในสายตาผู้อื่น แต่ก็ยังทำงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายในสายตาของนายเราเสมอ"

วันนี้ได้รับเมลดี ๆ จากเพื่อน  เป็นสิ่งเตือนใจในการทำงาน   จึงนำมาเล่าสู่เพื่อน ๆ ค่ะ

หมาตัวหนึ่ง ให้คติสอนใจ




  เจ้าของร้านขายเนื้อสดคนหนึ่งรู้สึกประหลาดใจที่หมาตัวหนึ่งมาที่ร้าน
  โดยในปากมันคาบแบงก์ 10 ดอลลาร์ และกระดาษเขียนข้อความว่า
  "ขอซื้อไส้กรอก 12 ชิ้นกับขาแกะ 1 ขาครับ"
  เขารู้สึกประทับใจความแสนรู้ของมัน ดังนั้นหลังจากเก็บเงิน 10 ดอลลาร์
  และเอาไส้กรอกและขา
  แกะใส่ถุงแขวนที่ปากให้มันคาบไปแล้ว
  เขาจึงตัดสินใจปิดร้านสะกดรอยตามมันไป....
  หมาตัวนั้นเดินไปตามถนนจนถึงทางม้าลาย
  มันก็วางถุงที่คาบไว้ลง แล้วยืนด้วยขาหลังและยกขาหน้ากด
 ปุ่มไฟสำหรับคนข้ามถนนแล้วก็คาบถุงต่อ
  รอจนไฟคนข้ามเขียวมันจึงข้ามไปยังป้ายรถเมล์อีกฝั่งหนึ่ง...

  มันจ้องมองตารางเวลาเดินรถแล้วนั่งลงตรงที่นั่งรอ
  สักพักมีรถเมล์คันหนึงมา มันเดินไปดูหมายเลขที่
  หน้ารถแล้วก็กลับมานั่งรอต่อ

  อีกสักเดี๋ยวก็มีรถเมล์มาอีกคัน มันเดินไปดูหมายเลขรถอีกเมื่อเห็น
  ว่าเป็นสายที่มันรออยู่มันจึงขึ้นรถเมล์คันนั้น...

  คนขายเนื้อถึงกับอ้าปากค้างทึ่งในความแสนรู้ของมัน
  แล้วรีบตามมันขึ้นรถคันนั้นไป
  หลังจากรถวิ่งผ่านกลางเมืองออกไปยังชานเมือง
  เจ้าหมาแสนรู้ก็ลุกจากที่นั่งเดินไปหน้ารถมันยืน
  ด้วยขาหลังแล้วเอาขาหน้ากดกริ่งบนรถ
  เมื่อรถจอดมันก็ลงและเดินไปตามถนนจนถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง
แล้วเลี้ยวเข้าไป
  คนขายเนื้อยังสะกดรอยตามมันอยู่ห่างๆ เช่นเดิม...
  เมื่อมาถึงประตูบ้านที่ปิดอยู่มันก็วางถุงไส้กรอกที่คาบไว้ลง
  แล้วถอยหลังมาตั้งหลักประมาณ 2-3 เมตร จากนั้นก็วิ่งเข้าชนประตูเต็มแรง
  มันพยายามอยู่ 2-3 ครั้ง แต่ประตูก็ยังเปิดไม่ออก...


 มันเลยเดินอ้อมตัวบ้านไปที่หน้าต่างบานหนึ่งที่ปิดอยู่และเอาหัวโขกที่หน้า
  ต่างหลายครั้ง
  แล้วก็เดินกลับ มารอที่ประตู...
  .
  สักพักประตูบ้านก็ถูกเปิดโดยเจ้าของหมาเป็นผู้ชายหุ่นล่ำบึ้ก
  ซึ่งพอเปิดประตูเสร็จเขาก็เริ่มเตะต่อยและ
  ตะโกนด่าเจ้าหมาแสนรู้ตัวนั้นทันที ถึงตอนนี้คนขายเนื้ออดรนทนไม่ไหว
  เขารีบวิ่งเข้าไปห้ามเจ้าของหมา พร้อมกับถามว่า

  "คุณเตะมันทำไมกัน
  มันเป็นหมาสุดอัจฉริยะเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลย
  ถ้าไปออกทีวีต้องดังแน่"
  เจ้าของหมาตอบสวนทันทีว่า
  "คุณว่ามันฉลาดนักเหรอ เชอะ!


 รู้มั้ยว่านี่เป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์นี้นะที่มันลืมเอากุญแจบ้านติด
ตัวไปด้วย"

  คติสอนใจจากเรื่องนี้คือ
  "เราอาจทำงานได้เกินความคาดหมายในสายตาผู้อื่น
  แต่ก็ยังทำงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายในสายตาของนายเราเสมอ"

หมายเลขบันทึก: 108515เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2007 12:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 18:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • โห ตั้งชื่อว่าเจ้านายใจร้ายดีไหม
  • เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจนะครับ
  • ที่เรามักไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว
  • พี่สาวสบายดีไหมครับ

ขอบคุณครับน้องชาย

  • ที่เป็นห่วงเป็นใยเสมอต้นเสมอปลายกับพี่คนสวยคนนี้เสมอ (ก๊าก)
  • เรื่องนี้อ่านแล้วได้มุมมอง ได้ปรับการคิดของตัวเองอีกแยะค่ะ  อ่านแล้วก็จะมองว่าเจ้านายไม่ได้ใจร้ายเสมอไป เพียงแต่สิ่งที่เราทำอาจจะยังไม่ดีพอ (เท่านั้นเอง)
  • ใครไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เรามี "ขอให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองที่เรามี"......ร่มเย็นพอ
  • พี่ยังไม่ค่อยสบายเท่าไรนัก.....อาจจะต้องใช้เวลา.....ถึงแม้จะยาวนาน...แต่ก็พยายามมีสติค่ะ
  • ให้เวลาอีกหน่อย..และคงได้มีโอกาสได้ไปเยี่ยมเยือนมหาชีวาลัยอีสานบ้าง
  • ขอบคุณนะคะสำหรับความห่วงใย

โอ้โห พูดไม่ออก

  • แต่เห็นด้วย ใครไม่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เรามี "ขอให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองที่เรามี"......ร่มเย็นพอ 
  • ใจเราร่มเย็น  เราจะคิดอะไรดีๆได้มากมายค่ะ
  • เป็นกำลังใจให้ค่ะ
  • คติสอนใจจากเรื่องนี้คือ
      "เราอาจทำงานได้เกินความคาดหมายในสายตาผู้อื่น
      แต่ก็ยังทำงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายในสายตาของนายเราเสมอ"
  • เป็นสัจจธรรมค่ะ น้อง พี่ประสบกับรายการลักษณะนี้จนเข้าใน DNA แล้วละ พร้อมกับปลงไปแล้วนะ
  • อย่าคิดมากเลย อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะที่ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน และในขณะเดียวกันงานก็ไม่เสียด้วยนะ

555 แต่ทำไมแนนอ่านแล้วขำก๊ากตอนเจ้านายบอกว่า "รู้มั้ยว่านี่เป็นครั้งที่สองในรอบสัปดาห์นี้นะที่มันลืมเอากุญแจบ้านติด
ตัวไปด้วย
" ล่ะเนี่ย

555

เหมือนกันว่า ในเรื่องมันเป็นน้องหมานะ จะให้เอากุญแจไปด้วยเชียวหรอ มันขึ้นรถเมล์ได้ กดปุ่มข้ามถนนได้ ซื้อของได้นะเนี่ย

สงสัยแนนจะมองเป็นหมาการ์ตูนไป เพราะมันบ๊องๆ ตั้งแต่เจ้านายออกมาเตะต่อยแล้วล่ะ หุหุ 

พออ่านคติสอนใจจากเรื่องนี้ 

ทำให้นึกถึงเจ้านายบางคน ที่ชอบตำหนิลูกน้องไปซะก่อนที่จะดูว่าลูกน้องทำอะไรเก่งแค่ไหน ฮ่าฮ่าฮ่า 

ออกแนวประชดประชันเล็กๆ นะเนี่ย

^____^ 

  • คิดถึงมากครับ
  • นั่นคือความสัตย์จริงที่อยากจะบอกกล่าว...
  • ....
  • ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมวุ่นวนอยู่กับการงาน  รวมถึงการพาลูกน้องทำโน่นทำนี่อยู่อย่างไม่ว่างเว้น
  • ทั้งงานในระดับจังหวัดและเครือข่ายอื่น ๆ ก็โถทเข้ามาให้เป็นส่วนหนึ่งของงานนั้น ๆ ...
  • ครั้นพอมาอ่านบันทึกนี้  ผมก็อดคิดและสำรวจตนเองไม่ได้ว่า  ตัวเราอยู่ในชะตากรรมใด ..

"เราอาจทำงานได้เกินความคาดหมายในสายตาผู้อื่น
  แต่ก็ยังทำงานได้ต่ำกว่าเป้าหมายในสายตาของนายเราเสมอ"

......

ขอบคุณครับ

และขอให้ชีวิตไม่แล้งไร้ซึ่งแรงใจและไฟฝัน... นะครับ

อย่างนี้ต้องบอกว่า "คุณหนะทำดีแล้ว แต่ยิ่งไม่ดีพอสำหรับที่จะเป็นลูกน้องที่ดีในสายตาของเจ้านาย..."

ให้ข้อคิดแบบสะเทือนใจนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท