เมื่อคืน (27 ธันวาคม 2548) ได้ฟัง (ไม่ค่อยได้ดู) รายการคุยคุ้ยข่าว มีถ้อยคำที่น่าสนใจคือ “ดื่มไม่ขับ ขับไม่ซิ่ง” ที่คุณสรยุทธ์ฯ ได้กล่าวถึงและชักชวนรณรงค์ เรื่องนี้มีภาพที่ติดตาผมอยู่ภาพหนึ่ง คือ ภาพรถยนต์ชนกันแบบประสานงา สมัยที่ถนนสายเอเชีย (เพชรเกษม) ยังเป็นแบบ 2 เลน ตอนนั้นผมยังทำงานอยู่ที่ สอ.ต.หนองธง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง ขณะที่ผมขับรถจักรยานยนต์ (บ้านผมเรียกรถเครื่อง) กลับบ้าน ช่วงปีใหม่ ภาพที่ติดตาคือเด็ก (อายุประมาณ 3 ขวบ) ทะลุกระจกหน้ามานอนนิ่งอยู่บนฝากระโปรงรถ มองไม่เห็นบริเวณศรีษะ เพราะพับไปอยู่บริเวณหน้าอกและทับอยู่ คนในรถเสียชีวิตทั้งคัน 3 คน (น่าจะเป็นพ่อ แม่ ลูก) ผมติดตามในภายหลังพบว่าคนขับอีกคันที่เป็นคู่กรณีเมา และไปเสียชีวิตที่ ร.พ. นี่คือผลของการดื่มแล้วขับ ขับแล้วซิ่ง ฉะนั้นผมจึงเห็นด้วยว่าไม่ต้องเมา เอาแค่ “ดื่มก็ต้องไม่ขับ ถ้าจะขับก็ต้องไม่ดื่ม และต้องไม่ซิ่ง” เน้นว่า “ต้องไม่” นะครับ
ผมเคยกินเมาทุกตอนเย็นหลังเลิกงาน แต่พบว่าวันไหนเมามาก (บ่อย) รุ่งขึ้นงานก็จะทำไม่ทัน ไม่มีสมาธิ มีความสุขปลอม ๆ ได้คืนนึง แต่ทุกข์หลายวัน แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร นานวันเข้าก็เริ่มแย่ เริ่มเห็นปัญหา แต่ก็ยังหลีกไม่พ้น เพราะเราอยู่ในสภาพนี้ ถ้าจะหยุดหรือเลิกทันที ก็จะถูกตั้งคำถาม คิดได้แค่นี้ก็ทำตัวเหมือนเดิม และสนุกกับการประพฤติแบบนั้น เรียกว่าความคิดไม่ดี ชนะความคิดดีเสมอ จนมาถึงผมต้องเสียแม่ไปขณะที่แม่อายุเพียง 45 ปี ก็ได้บวชเข้าพรรษาปีที่แม่เสีย 118 วันที่ครองผ้าเหลือง ผมหยุดได้ (เพราะต้องหยุด) เมื่อสึกออกมาจึงหลีกหนี แม้จะไม่พ้นเสียทีเดียวก็ “พยายามหลีก” หลายปีมาแล้วที่ผมหลีกพ้น แต่ก็ยอมรับว่าสูญเสียกลุ่มมิตรกลุ่มนั้นไปบ้าง แต่เท่าที่สังเกตผู้ใหญ่ที่เขากินเหล้า พอเราไปสนทนาด้วย เขาจะชวนทีเดียว เมื่อเราปฏิเสธ โดยเฉพาะผมจะอ้างว่า “พอดีต้องขับรถ ขอไม่กินดีกว่า” เขาก็ไม่ว่าอะไร และไม่เซ้าซี้ชวนอีก ผมยังสรุปสำหรับตัวเองอยู่ในทุกวันว่า 118 วันที่บวชเรียน เป็นเหตุให้ผมห่าง ๆ เหล้าได้ และแยกออกจากกันได้ในที่สุด
ฉะนั้นโครงการงดเหล้าเข้าพรรษา ผมจึงสนับสนุนมาตลอดว่าจะสามารถทำให้คนเลิกเหล้าได้ แต่ก็พอออกพรรษาแล้ว ก็กลับไปดื่มเหล้ากันเหมือนเดิม ผมจึงมองว่าน่าจะมีอะไรอีกนิดเพื่อต่อยอดในการสร้างแรงใจตรงนี้ แล้วเราจะเลิกเหล้ากันได้อย่างต่อเนื่อง
อีกประเด็นหนึ่งที่ผมสังเกตได้จากชุมชนที่ผมอยู่ จะเห็นคนดื่มเหล้าแล้วไม่ได้ออกไปไหน แม้จะมีดื่มกันเกือบทุกวัน แต่ก็อยู่บ้าน ตั้งวงกันตอนเย็นก่อนทานข้าว ก็ไม่ได้ชื่นชม แต่จะขอโยงกับการเกิดอุบัติเหตุว่า คนที่ไม่ค่อยดื่ม หรือดื่มไม่บ่อย ทีนี้พอได้ดื่มเข้าไปแล้ว ก็ต้องขับ อุบัติเหตุจากรถจึงเกิดมากก็ตรงนี้ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลต่าง ๆ ปีใหม่นี้จึงเชิญชวนว่าไม่ดื่มเหล้ากันดีกว่า ถ้าจะดื่มก็ให้ถึงที่หมายก่อน และหากก่อนเดินทางกลับก็เว้นสัก 24 ชม. พักผ่อนให้เพียงพอก่อนขับรถ
ภาวนาว่าปีใหม่นี้คนที่ไม่ดื่มทั้งหลาย จะปลอดภัยจากการใช้รถ ใช้ถนน ที่มักจะเกิดจาก “ดื่มแล้วขับ ขับแล้วซิ่ง” และภาวนาให้นักดื่มปลอดภัยด้วยหากคุณ “ดื่มแล้วไม่ขับ ถ้าจะขับก็ไม่ดื่มและไม่ซิ่ง” ขอให้โชคดีครับ