เฮ้อ! วันนี้ตั้งใจว่าพออบรมเสร็จในช่วงเย็นจะรีบไปขึ้นเครื่องกลับลำปางเลย เพราะ พรุ่งนี้ต้องคุมสอบแต่เช้า ปรากฎว่าตกเครื่อง ก็เลยต้องกลับพรุ่งนี้เช้า คืนนี้จึงต้องรีบนอน เนื่องจากต้องออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง ไม่อย่างนั้นจะตกเครื่องอีก คราวนี้คงเป็นเรื่องใหญ่แน่ เพราะ คงไปคุมสอบไม่ทัน ตอนแรกตั้งใจว่าพอกลับถึงบ้าน อาบน้ำ เตรียมชุดเดินทาง ทานข้าว แล้วจะรีบเข้านอน แต่พอจะเข้านอนจริงๆ มานั่งนึกว่ารู้สึกเหมือนยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง นั่งคิดอยู่สักครู่ก็ “ปิ๊งแว๊ป” ขึ้นมาว่าสิ่งที่ลืมทำก็คือ ลืมเข้ามาเขียนเล่าเรื่องใน Blog จึงรีบลงจากเตียงทาเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เลย (ต้องรีบเพราะไม่อย่างนั้นความง่วงและความขี้เกียจจะเข้าครอบงำความใฝ่ดีค่ะ เปรียบเสมือนการจัดการความรู้ต้องรีบทำ มัวแต่แต่อยู่ไม่ได้)
การอบรมในวันนี้สนุกสนานเหมือนเมื่อวาน แม้จะเปลี่ยนวิทยากรจากอาจารย์ทรงพลเป็นอาจารย์ตุ้มก็ตาม ความจริงแล้วผู้วิจัยชอบอาจารย์ตุ้มมากเลย อยากชวนให้อาจารย์มาสอนหรือมาเป็นอาจารย์ประจำที่ศูนย์ลำปาง วิทยาลัยของเราคงได้รับข้อคิดและตัวอย่างดีๆจากอาจารย์มากมาย อาจารย์ช่างเป็นคนที่รวยรอยยิ้มเสียเหลือเกิน อยู่ด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่น ความจริงแล้วน่าจะลองชวนอาจารย์ดู เผื่ออาจารย์สนใจ วันนี้ได้คุยกับอาจารย์หลายเรื่อง อาจารย์บอกว่าแต่ก่อนอาจารย์ก็นิสัยเหมือนผู้วิจัยเลย คือ ใจร้อน พูดตรงไปตรงมา แต่ในบางสถานการณ์นิสัยอย่างนี้ก็เป็นอุปสรรคในการทำงาน อาจารย์แนะนำว่าให้ฝึกสมาธิ เชื่อว่าจะลดความใจร้อนลงได้ จะทำให้เรามีสติมากขึ้น ไตร่ตรองมากขึ้น ผู้วิจัยคิดว่าจะต้องหาเวลาเรียนรู้และปฏิบัติเรื่องนี้ให้ได้ เพื่อเป็นการเติมเต็มให้กับชีวิตของตัวเอง
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เมื่อวานนี้เล่าค้างไว้ในส่วนของเรื่องตำบลละแสน วันนี้ขอเล่าต่อ แต่ก็คงไม่จบ เพราะ เรื่องนี้มีหลายภาค หลังจากชี้แจงและนัดแนะกับคณะกรรมการเครือข่ายฯแล้ว ในช่วงค่ำของวันนั้น (วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม 2548) ประธานเครือข่ายฯได้โทรศัพท์มาคุยกับผู้วิจัย ซึ่งผู้วิจัยได้รายงานรายละเอียดให้ประธานฯทราบ ประธานฯได้แสดงความเห็นว่า หากรอข้อมูลในวันที่ 7 มกราคม เกรงว่าจะไม่ทัน และถ้าหากมีกลุ่มที่เตรียมข้อมูลไม่เสร็จ อาจแก้ไขไม่ทันการณ์ ดังนั้น ในช่วงเวลานี้จึงต้องเรียกประชุม (นัดพิเศษ) เฉพาะรองประธานฯ มาพูดคุยเพื่อเตรียมการและหาทางแก้ไขปัญหาหากข้อมูลของแต่ละกลุ่มเสร็จไม่ทันวันที่ 7 โดยประธานฯรับปากว่าจะเป็นผู้ประสานเรียกรองประธานฯมาประชุมเองในวันอังคารที่ 20 ธันวาคม 2548
หลังจากนั้นก็มีการหารือกันต่อเกี่ยวกับการเข้าพบท่านรองฯผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง (ท่านเจริญสุข ชุมศรี) ในวันพรุ่งนี้ ผู้วิจัยบอกว่าจะเตรียมเอกสารโครงการ รวมทั้งสื่อต่างๆที่เกี่ยวข้องเพื่อเอาไปนำเรียนท่าน ก่อนวางโทรศัพท์ผู้วิจัยได้ยืนยันเวลานัดพบท่านรองฯอีกครั้งว่าเป็นช่วงบ่ายสามโมงเย็น ที่ศาลาว่าการจังหวัดลำปาง
เมื่อถึงเวลา คณะของเราซึ่งประกอบด้วย คุณสามารถ อาจารย์พิมพ์ฉัตร ผู้วิจัย และคุณชาย (เลขาฯสมาคมรถม้า) ได้เข้าพบท่านรองฯ เป็นเวลาประมาณ 20 นาที โดยคุณสามารถเป็นผู้เริ่มเปิดประเด็นก่อนว่าในวันนี้อยากมาหารือท่านในเรื่องตำบลละแสนซึ่งทางลำปางได้รับอนุมัติจาก พอช. จำนวน 10 ตำบล กระจายใน 5 อำเภอ คือ อ.เมือง , แม่ทะ , เกาะคา , แม่พริก และเถิน รวมทั้งในอนาคตข้างหน้าประมาณเดือนเมษายนปีหน้าทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สปรส.) จะนำร่องสมทบเงินลงมาให้แก่กองทุนสวัสดิการชุมชนหัวละ 170 บาท ซึ่งลำปางเป็นจังหวัดนำร่องที่ทาง สปรส. จะใช้เป็นพื้นที่ต้นแบบ ดังนั้น เครือข่ายองค์กรออมทรัพย์ชุมชนจังหวัดลำปางจะต้องมีการเตรียมความพร้อมใน 3 เรื่อง คือ
1.ระบบการบริหารจัดการต้องชัดเจน ตรวจสอบได้ โปร่งใส
2.การขยายผล
3.การหนุนเสริม การเชื่อมประสานกับหน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
สาเหตุที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ เพราะ เป็นเงื่อนไขที่หน่วยงาน คือ พอช. และ สปรส. ได้กำหนดไว้ ในส่วนของข้อแรก คือ การบริหารจัดการนั้นทางเครือข่ายจะต้องเป็นผู้ดำเนินการเอง ซึ่งขณะนี้ทุกกลุ่มก็ได้จัดเตรียมข้อมูลแล้ว สำหรับในส่วนของการขยายผลและการหนุนเสริมนั้นจำเป็นที่จะต้องขอการสนับสนุนจากทางจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ในขณะที่ฟังพวกเรา ผู้วิจัยสังเกตเห็นว่าท่านรองฯมีความสนใจและใส่ใจมาก สังเกตได้จากการที่ท่านจดรายละเอียดต่างๆ รวมทั้งซักถามบ้างในบางช่วงที่พวกเรายังอธิบายไม่กระจ่าง พอฟังคุณสามารถจบ ท่านรองฯ ได้แสดงความคิดเห็นและชี้แนะว่า ขอให้ทางเครือข่ายฯประสานงานกับ พมจ. (พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลำปาง) เพราะ ในการที่ทางจังหวัดจะช่วยเหลือสนับสนุนได้นั้นจำเป็นที่จะต้องมีเจ้าภาพ ทั้งนี้เนื่องจาก เมื่อจังหวัดได้รับงบประมาณมา การกระจายหรือจัดสรรงบประมาณจะต้องจัดสรรผ่านหน่วยงาน ซึ่งขณะนี้ พมจ.มีหน้าที่ ยุทธศาสตร์การทำงานที่สอดคล้องกับของเครือข่ายฯพอดี ถ้าหากประสานกับ พมจ. โดยให้ พมจ. เป็นหน่วยงานสนับสนุน (คุณเอื้อ) แล้วให้ทางเครือข่ายฯเคลื่อนงาน (คุณกิจ) ก็จะดีมาก เชื่อว่าการทำงานจะเป็นไปได้ด้วยดี และต่อไปถ้า พมจ. ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากๆ งานก็จะต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ดังนั้น ในวันนี้ก่อนกลับขอให้ลงไปคุยกับพมจ.ให้เรียบร้อย
นอกจากนี้แล้วท่านรองฯ ยังบอกอีกกว่าในปีงบประมาณ 2550 ขอให้ทางเครือข่ายฯเขียนโครงการแล้วส่งให้ พมจ. เพื่อขอรับการสนันสนุนงบประมาณจากจังหวัด (ส่งงบประมาณช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน 2549) ส่วนในปีนี้เนื่องจากงบประมาณประจำปีอนุมัติผ่านไปแล้ว ขอให้รอดูช่วงครึ่งปี ถ้ามีเงินเหลือก็สามารถส่งโครงการมาขอรับการสนับสนุนได้ ในระหว่างนี้อาจคิดและเขียนโครงการเตรียมไว้ก่อน
เมื่อจบการสนทนากับท่านรองฯ (ความจริงเราคุยเรื่องครงการขยายผลด้วยแต่ขอยกยอดเอาไปเล่าในเรื่องต่อไปนะคะ) ทีมงานของเราก็ได้ลงไปพบกับท่านปิ่นชาย ปิ่นแก้ว ซึ่งเป็น พมจ.จังหวัด ความจริงพวกเราเคยมาคุยกับท่านครั้งหนึ่งแล้วเมื่อประมาณเดือนที่ผ่านมา โดยในการสนทนาเราได้อธิบายจุดประสงค์ของการมาพูดคุยในวันนี้ ท่านปิ่นชายยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ โดยบอกว่า พมจ.จะทำหน้าที่ในการเป็นคุณเอื้อและคุณประสานกับหน่วยงานต่างๆให้ แต่ขอให้ทางเครือข่ายฯส่งรายละเอียดต่างๆมาให้ก็พอ พวกเราจึงรับปากว่าจะส่งรายละเอียดมาให้ภายในอาทิตย์นี้ และจะมาประสานกับทางพมจ.เป็นระยะ ถาธศาสตร์การทำงานที่สอดคล้องกัังหวัดลำปาง) เพราะ ในการที่ทางจังหวัดจะช่วยเหลือสนับสน
จากการประสานงานกับหน่วยงานราชการในวันนี้ทำให้เราเห็นช่องทางว่าในระดับเครือข่ายฯหน่วยงานสนับสนุนที่สำคัญน่าจะเป็น พมจ. โดยบทบาทที่ พมจ.น่าจะทำได้ดี (จากการประเมินในขณะนี้ คือ การเป็นคุณเอื้อกับคุณประสาน)
วันนี้ขอจบหยุดแค่นี้ก่อนนะคะ เพราะ ง่วงนอนมากค่ะ จะรีบเข้านอน ไม่อย่างนั้นตกเครื่องแน่ แล้วพรุ่งนี้พบกันที่ลำปางค่ะ