หนุ่มเอ็กเทอร์น : สุญญากาศ จากปัญหากลายเป็นตัวสร้างสัมพันธ์


               เกิดความขัดแย้งใหญ่ในที่ทำงาน สาเหตุหนึ่งในความขัดแย้งคือ มีฝ่ายหนึ่งพยายามกำหนดหน้าที่ในงานที่ไม่ชัดเจน ว่านี่คือหน้าที่ของอีกฝ่าย ความโกรธเกรี้ยวขยายใหญ่  นี่มันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน มันเป็นหน้าที่ของเธอ ความขัดแย้งปะทุใหญ่โต จากเรื่องที่เริ่มต้นดูเป็นเหตุผลกลายเป็นเรื่องอารมณ์ เมื่อย่างก้าวสู่ดินแดนของความรู้สึก เหตุผลก็กลายเป็นเรื่องไร้ความหมาย

                ผมเชื่อว่าไม่ว่าเราจะกำหนดหน้าที่ในการทำงานของแต่ละคนไว้ละเอียดเพียงใดก็ตาม ก็ยังไม่ชัดเจนเพียงพอ มันจะมีสุญญากาศเกิดขึ้นเสมอในรอยต่อที่คาบเกี่ยวระหว่างงานแต่ละฝ่าย สุญญากาศนี้มักเป็นตัวปัญหา

                เราจะมีทางออกสำหรับปัญหาหรือไม่   เราจะมองสุญญากาศนี้ในมุมอื่นได้หรือไม่

           ผมคิดว่าในกลุ่มคนที่ทำงานกันอย่างเอื้ออาทร แทนที่สุญญากาศจะเป็นปัญหา มันกลับเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ เธอช่วยฉันในงานที่คิดว่าเป็นของฉัน ฉันช่วยเธอในงานที่คิดว่าเป็นของเธอ จนในที่สุดไม่มีงานของเธอ ไม่มีงานของฉัน มีแต่งานของเรา ยิ่งทำงาน ยิ่งนานวันก็ยิ่งผูกพัน ยิ่งมีความสุข

                มาช่วยกันใส่ความรักลงในสุญญากาศ ทำให้เป็นบรรยากาศที่สดชื่นโปร่งเบา เกื้อหนุน เต็มไปด้วย ความรัก ความสุขและการเรียนรู้กันเถอะ  
หมายเลขบันทึก: 106323เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2007 22:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (15)

"เธอช่วยฉันในงานที่คิดว่าเป็นของฉัน ฉันช่วยเธอในงานที่คิดว่าเป็นของเธอ จนในที่สุดไม่มีงานของเธอ ไม่มีงานของฉัน มีแต่งานของเรา"

อ่านแล้วดูดี มีความสุขค่ะป๋า.. แต่ในชีวิตการทำงานที่แท้จริงนั้น ขาวคิดว่า มันอาจจะมีแบบว่า....

"ฉันช่วยฉันในงานที่คิดว่าเป็นของฉัน ฉันช่วยเธอในงานที่คิดว่าเป็นของเธอ จนในที่สุดไม่มีงานของเธอ มีแต่งานของฉัน ฉัน และฉัน"

บางครั้ง ความไม่ชัดเจนในเรื่องของงาน ก็ก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในกลุ่มคนที่ต้องทำงานร่วมกัน.. เพราะถ้ามันเป็นเรื่องของ "บางครั้ง" ที่ต้องช่วยเหลือกัน มันก็จะเยี่ยม!!.. แต่ถ้ามันเป็นอะไรที่เกิดขึ้น "ทุกครั้ง" เมื่อมีงานที่ก็ไม่รู้ว่าเป็นส่วนของใครรับผิดชอบ.. คนที่เกิดความรู้สึกแย่ ก็จะเป็นคนที่ "ต้องทำทุกครั้ง" แหละค่ะป๋า

เพราะถ้าเริ่มทำแล้ว.. มันก็จะกลายเป็นงานของ "คนที่ทำ" ไปโดยปริยาย..

วิธีขจัดปัญหามาคุแบบนี้.. ก็คงเป็นเรื่องของ "ความชัดเจน" ในรายละเอียดของงาน ของแต่ละคน.. ว่าคุณมีหน้าที่อะไร รับผิดชอบส่วนไหนบ้าง.. แต่ในรายละเอียดนั้นๆ ก็จะต้องมีกฎ กติกา มารยาท ระบุไว้เช่นกัน ว่า ถ้าเกิดปัญหาขึ้น.. ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบต่อ..

เช่น..

ขาวมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาอาจารย์ให้กับทุกสาขาที่ส่งยืนยันเปิดคอร์สภาษาญี่ปุ่นมา รวมถึงการติดต่อสื่อสาร และแจ้งรายละเอียดวัน เวลาสอนให้กับอาจารย์ทั้งไทย และญี่ปุ่นทุกคนรับแซบ.. แต่ ก็จะต้องมีกติกาว่า  ทางสาขาจะต้องส่งแจ้งขาว ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน..ขาวถึงจะเป็นผู้แจ้งอาจารย์ให้.. แต่ถ้าเป็นการแจ้งฉุกเฉิน หรือน้อยกว่า 3 วัน.. ทางสาขาต้องเป็นผู้แจ้งอาจารย์เอง แล้วถึงจะส่งเอกสารแจ้งความเปลี่ยนแปลงมาให้ขาวทุกครั้ง..

เชื่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นรุนแรงนั้น เกิดจากการไม่คุยกันทันทีที่เกิดปัญหา.. ปล่อยให้ยืดเยื้อ จนกลายเป็นความรู้สึกที่แย่ลงไปเรื่อยๆ เมื่อมีเรื่องใหม่เกิดขึ้น.. ก็จะยิ่งแย่ยิ่งกว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ว่าแต่.. เมื่อไหร่ โจรใต้จะหมดโลกฟระนี่?!?!

กรำ... เผลอแสดงฟามเห็น ซะ จนยาวกว่าเจ้าของเรื่องอีก..

ขอโทษคร้าป๋า.. ขาวเพลิน!!

ไม่เกี่ยวกับตัวเองหรอกแต่อยากแสดงความคิดเห็นนิดๆจ้า การที่เรายอมใครมากๆ งานของช้าน ช้านทำ งานของเธอช้านช่วยจนมันเป็นงานของช้าน พอมีปัญหาช้านผิด ในที่สุดก็จะไม่มีงานของช้านอีกต่อไป

ฉันช่วยเธอ งานของเธอก็มาเป็นงานฉัน แล้วงานของฉัน ฉันก็ทำ งานของเธอฉันก็ทำ  แล้วฉันจะทำไหวมั้ยเนี่ย ...................เรื่องมันเศร้าจริง ๆ

ไม่ใช่ว่าฉันต้องทำงานให้เธอ ช่วยงานเธอตลอดนะจ๊ะ

เพียงแต่เมื่อเจอสุญญากาศ เราจะคลี่คลายสถานการณ์ที่มาคุได้อย่างไร เมื่อพ้นสถานการณ์นั้นๆแล้ว กฏกติกาย่อมเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ

เหมือนกติกาต่างๆที่ขาวสร้างขึ้น มันไม่ได้สร้างเสร็จเพียงวันเดียว มันค่อยๆถูกเพิ่มเติม ถูกปรับปรุง

แต่ปัญหามักเกิดจากการโยนใส่กันและไม่ยอมสร้างกติกาหลังจากสุญญากาศ

เห็นด้วยกับขาว ว่าควรแบ่งสัดส่วน หน้าที่แยกแยะออกให้ชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่า"งานของเธอก็คืองานของเธอ งานของฉันก็คืองานของฉัน"เราสามารถช่วยเหลือกันได้ เพียงแต่คิดว่าหากไม่มีความชัดเจนในหน้าที่ของแต่ละคน มันก็จะมีปัญหาเกิดขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จะบอกยังไงดีอยากให้ทุกปัญหาจบลงด้วยเหตุผล.......อย่าให้ปัญหาของเราร้ายแรงกว่า ปัญหาของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เลยนะคะ

      ชอบคำขาว"ฉันช่วยฉันในงานที่คิดว่าเป็นของฉัน  ฉันช่วยเธอในงานที่คิดว่าป็นของเธอ จนในที่สุดไม่มีงานของเธอมีแต่งานของฉัน ฉันและก็ฉัน" 

      การเอื้ออาทรช่วยเหลือกันในที่ทำงานเป็นเรื่องที่ดีและควรทำ แต่มันต้องมีขอบเขตกำหนดให้ชัดเจนก่อนที่จะเอื้ออาทรกันค่ะ

"วันนี้คุณช่วยใครหรือยัง"????? แต่อย่าลืมนะว่าคุณต้องช่วยตัวเองด้วย........ชอบคำขาวด้วยนะช่วยไปมางงเหลือเกิน แต่ก็ทำให้คิดแบบแตกต่างไปดี....

อ่านแร้วรู้สึกไม่ค่อยดีนะ

เข้าใจว่าคนในองค์กรคงมีปัญหากัน

แต่เรื่องอย่างนี้ อยากให้ระวังหน่อยถ้าจะมาคุยกันในบล็อก เพราะเข้าใจว่าบล็อกนี้ใครๆก็เข้ามาได้

(ผมได้ลองดูแล้ว ลองพิมพ์คำว่า "okls" ใน google บล็อกอันนี้จะขึ้นมาเป็นลำดับต้นๆ ต่อจากเว็บหลักของ รร.เรา) 

ถ้าเป็นคนที่เป็นคู่แข่งเรา หรือไม่ค่อยชอบ รร.เรา เข้ามาอ่านคงเพลินดี

การเปิดอกคุยกันนั้นดี แต่เรื่องแบบนี้ขอแนะนำว่าน่าจะคุยกันแบบ closed-door มากกว่า

อยากให้ระวังเรื่องภาพลักษณ์องค์กร อย่าให้กลายเป็นว่า คนนอกมารับรู้อะไรก้อได้หมด

"ท่านผู้บริหาร" ฝากดูหน่อยก้อแล้วกันนะ

เจตนาดี แต่การกระทำไม่ถูก ผลมันก็อาจจะไม่ดีได้

ด้วยรัก

อันนี้นพลักษณ์ช่วยได้นะ

คนที่แคร์เรื่องภาพลักษณ์มาก.... ก็มองว่าเป็นปัญหา

คนที่ไม่ต้องการความขัดแย้งมากนักในชีวิต.... ก็มองว่าเป็นปัญหา

คนที่ช่วยชาวบ้านมากไปโดยไม่ค่อยรู้ตัว... สักวันก็รู้สึกเหนื่อยหนัก ........ แล้วก็มองว่าเป็นปัญหาจากคนอื่น

คนที่ชอบใช้ชาวบ้านมากไป พอวันหนึ่งเขารู้สึกแย่.... ก็รู้สึกว่าคนอื่นมีปัญหาไม่ใช่ปัญหาของตัวเอง 

ถ้าชวนกันมาทำความรู้จักตัวเองกันให้มากๆ ... ลด ..ละ..เลิก  ... การโยนใส่เรื่องราวต่างๆว่าเป็นเพราะคนอื่น .... บรรยากาศน่าจะดีขึ้น

เช่น แคร์ภาพลักษณ์น้อยลง ปรับทัศนคติว่า นี่เป็นการเรียนรู้การจัดการความขัดแย้ง ก็จะได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้น

คนที่ไม่ชอบความขัดแย้ง ... ก็เรียนรู้ที่จะอดทน และอยู่กับความขัดแย้งทีละเล็กทีละน้อย โดยไม่ถอยหนี ... วันหน้าก็จะกล้าแกร่ง และอาจจะชอบความขัดแย้งเลยก็ได้

 คนที่ชอบช่วยงานชาวบ้าน .... ก็ได้บทเรียน ว่าวันหลังจะช่วยงานใคร ... ไตร่ตรองเสียก่อนบ้าง อย่ารับปากเขาทำงานให้ง่ายเกินไปนัก ... จะเหนื่อยหนัก

คนที่ชอบใช้งานชาวบ้าน ... ก็หัดเรียนรู้ที่จะพึ่งตนเองเสียบ้าง อย่าเอาแต่สนุก สบาย ตัวเองเป็นที่ตั้งมากไปนัก ... หัดเรียนรู้ และให้ซึ้งกับน้ำใจ ที่คนอื่นมีให้บ้าง

ถ้าเราหัดปรับ... แก้ ... พัฒนา ... ที่ตัวเราเอง....ด้วยใจที่ ใส เย็น ไม่โทษคนอื่น รวมถึงไม่โทษ ตัวเองด้วย....... สังคมน้อยๆ ที่อยู่ร่วมกัน ก็จะ .. ใส .. เย็น ... ไปพร้อมๆ กับ ใจของเราด้วย

อันนี้ นพลักษณ์สอนไว้ประมาณนี้

ผมจั่วหัวคำหลักว่านพลักษณ์แต่ยังไม่ได้เขียนเกี่ยวกับนพลักษณ์สักตอน

คุณ Ar ta pee เข้ามากระตุ้นต่อม แถมยังมาเทศนาซะยาว แต๊งหลายขอบคุณในความอาทร ว่าเเต่เป็นใครเนี่ย

ที่เขียนๆกันก็ไม่เห็นว่าจะเป็นความขัดแย้งอะไร(ลักษณ์๙กลับใจ) แถมรู้สึกครึกครื้นในความเห็นที่หลากหลาย

ชอบบบบบบบบ........

 

อ่านการแสดงความคิดเห็นของคุณ Ar ta pee รู้สึกดีจังค่ะ ถ้าคนบนโลกนี้คิดแบบคุณ Ar ta pee  ก็คงจะดีนะ โลกก็คงจะ ใส เย็น น่าอยู่มากๆ

 คุณ Ar ta pee ทำให้ tookie รู้สึกประทับใจอย่างแรงเลยค่ะทำให้ได้แง่คิดเพิ่มเติมอีกหลายอย่างค่ะ

ขออภัยที่เป็นคนนอก OKLS แล้ว เข้ามายุ่งเรื่องราวภายใน

ขอบคุณ ทุกท่านที่รับฟังความคิดเห็น

คุณย่งผู้น่ารัก ลองสืบดูสิว่า Ar ta pee เป็นใคร  ... ตอบถูกมีรางวัลให้ด้วยนะ...

สรุปแล้วเราจะโดนพิจารณาจากสิ่งที่เราทำไม่ใช่สิ่งที่เรารู้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท