เทคนิคการอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย: Tacit knowledge ของคนยะลา


เฮลิคอปเตอร์จากค่ายคอหงส์บินถี่ขึ้นทุกวัน คงบินไปยังสามจังหวัดอย่างแน่นอน แล้วอีกสักพักก็จะมีข่าวออกตามมาจากสื่อโทรทัศน์

เมื่อเช้านี้ก็เช่นกัน ดิฉันได้ยินเสียงฮ.ตั้งแต่เช้ามืด ดิฉันนั่งทำงานอยู่ก็อดที่จะนึกถึงอนาคตของหาดใหญ่เมืองใหญ่ที่เงียบเหงาลงทุกวันไม่ได้

วันก่อนนี้ก็เป็นเรื่องของข่าวลือ ทีมงานของเราจะออกไปซื้อของเข้าห้อง Lab แล้วก็ตัดสินใจไปไม่ออกไป เพราะเพื่อนของทีมงานโทรมาบอกว่า มีข่าววางระเบิด จริงไม่จริงไม่ทราบได้ แต่ก็ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า

ข่าวเหล่านี้ออกมาเรื่อยๆ จนหลายคนชินแล้วเลิกสนใจ แต่ถ้าถามคนสามจังหวัดชายแดนนั้นไม่เหลืออีกแล้วซึ่งพฤติกรรมการเพิกเฉยเช่นนี้

ดังเช่น รุ่นน้องของดิฉันที่อยู่ที่ยะลา ได้เล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ของการอยู่อาศัยในตัวจังหวัดอย่างถึงพริกถึงขิง

ทำให้ดิฉันรับรู้ถึง ความเครียด ความกังวล ความกระตือรือร้นที่จะต้องระมัดระวังตัว ความโกรธ ความไม่เข้าใจ ความขัดแย้ง ความสับสน และ ความเศร้า

ความรู้สึกในแง่ลบเหล่านี้ สะสมกลายเป็นพฤติกรรมของคนในพื้นที่ที่ต้องต่อสู้เพื่อตนเองและครอบครัว พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วย ความตื่นตัวและระมัดระวังตนอย่างมากและตลอดเวลา

และไม่น่าเชื่อว่า คนเหล่านี้มีเทคนิคการดูแลตนเองในการอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหลายเทคนิค ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับคนหาดใหญ่ที่ข่าวลือช่วงนี้มีมากจนน่าเป็นห่วง

เทคนิคเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นจากการที่ได้พูดคุยกันสองสามครั้ง เช่น

- หน้าบ้านไม่ควรวางถังขยะ กระถางต้นไม้ หรือ ที่ใส่ของใดๆ

- ตรวจส่องดูแลรถทุกคันที่มาจอดอยู่หน้าบ้าน ถามเขาไปเลยว่า จะไปไหน จอดนานไหม ไม่ต้องมัวแต่เกรงใจ

- ไม่ควรอยู่ในที่ชุมชนในช่วงคนพลุกพล่าน เช่น เสาร์อาทิตย์ช่วงบ่าย เป็นต้นไป

- ไม่ควรจอดรถใกล้กับรถที่สภาพค่อนข้างเก่า ส่วนถ้าจอดติดกับรถใหม่ จะต้องสำรวจดูความเรียบร้อยของรถ

- ไม่ควรยืนบริเวณเสาอาคาร โดยเฉพาะเสาที่อยู่ใกล้กับถังขยะ

- เวลาขับรถให้คอยสังเกตว่ามีรถน่าสงสัยคอยขับตามหรือไม่ เป็นต้น

ดิฉันชวนให้น้องคนนี้มาเล่าประสบการณ์ชีวิตของเขาอย่างต่อเนื่องลงในบล็อกในฐานะผู้สื่อข่าวประชาชนคนหนึ่ง แต่ความกระทบกระเทือนใจคงมีมากเกินไปกว่าความอยากที่จะเขียนบรรยายออกมา

ไม่อยากให้วัวหายแล้วล้อมคอกในหาดใหญ่ การรณรงค์เผยแพร่ข้อมูลแนวทางการปฏิบัติตนของคนในพื้นที่เสี่ยงภัยสู่ประชาชนอย่างทั่วถึง และขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตาม น่าจะเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติโดยเร็ว

World Peace ...

ปล. ฮ.ที่ออกบินไปเมื่อเช้ามืด คงจะเกี่ยวกับการสูญเสียครั้งใหญ่ของคนอำเภอไม้แก่น ปัตตานี ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ

หมายเลขบันทึก: 104634เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2007 19:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 สิงหาคม 2013 10:32 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีค่ะ อาจารย์

ไม่รู้ว่าจะออกความคิดเห็นอย่างไร แต่เป็นห่วงเพื่อนๆทางใต้มากค่ะ

เขียนอย่างต่อเนื่องติดไว้ก่อน ขอเขียนเป็นครั้งๆไปนะค่ะ......

22 มิ.ย. 50 เวลา 6.30 น.
 ฟ้าครึ้มฝนตั้งแต่เช้า มีละอองฝนโปรยปราย อากาศเย็นสบาย  ฉันกำลังจัดการงานครัวตามปกติ
พลันเสียงดังก็เกิดขึ้น.....ตึมม......ทำลายความเงียบสงบของยามเช้า   เป็นเสียงที่ฉันสามารถรู้สึกได้ว่ามันคือ"เสียงระเบิด" แม้จะคาดคะเนได้ว่าเสียงที่เกิดคงไม่ใกล้แต่..คงไม่ไกล เพราะหูสามารถรับรู้ได้ถึงแรงอัดที่แทรกตัวอยู่ในอากาศ คำถามที่เกิดขึ้นมาตามมาก็คือ ...เกิดขึ้นที่ใด?...
 "ได้ยินเสียงอะไรมั้ยพ่อ?"ฉันออกจากครัวมาคุยกับพ่อ  พ่อพยักหน้าและเข้าใจในทันทีว่า เราคิดตรงกัน..ระเบิดแน่ๆ...คำถามต่อไป
 "แล้วแม่อยู่ไหน?" ฉันถาม วันนี้วันพระ แม่ฉันไปตลาดเช้าเพื่อซื้อของใส่บาตร เราสองคนพ่อลูก
ออกมาดูหน้าบ้าน มีชาวบ้านหลายคนเริ่มออกมาพูดคุยกันถึงต้นตอของเสียง มีรายหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านมาแล้วบอกว่าเกิดขึ้นหน้าร้านขายยาแถวทางรถไฟซึ่งเป็นตลาดสดตอนเช้า  ฉันเริ่มเป็นห่วงแม่
 "แม่จะไปอยู่แถวนั้นหรือเปล่า" คิดได้ฉันก็จับมอเตอร์ไซค์ขี่ไปหาแม่ที่ตลาดทันทีใช้เวลาไปถึงและตามหาแม่ไม่นาน ก็เห็นแม่ยืนซื้อของอยู่ด้วยท่าทีปกติ
 "ได้ยินหรือเปล่าแม่?" ฉันถาม
 "ร้านแถวทางรถไฟมั้ง" แม่ฉันตอบ
 "พ่อให้มาดูแม่หน่อย"ฉันพูดต่อด้วยความโล่งใจหลังจากที่พบว่าแม่ไม่มีที่ท่าว่าจะตกใจใดๆ
 "คิดอยู่แล้วว่าพ่อต้องให้ออกมาตาม" ฉันเลยแซวแม่กลับไปอย่างติดตลก
 "แหม ก็นึกว่าแม่จะเป็นผู้สื่อข่าวไปดูสถานที่เกิดเหตุกะเค้าบ้าง"
 "จะบ้าเหรอ" แม่ตอบอย่างขำๆ
 ฉันจึงรับหน้าที่ซื้อของต่อแล้วให้แม่กลับบ้านก่อน จากการพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าตามแผงที่ต้องไปซื้อ
คิดแล้วก็ขำ...เหมือนจะเกิดเหตุระเบิดซัก2-3 แห่ง เพราะสถานที่ที่บอกไม่ตรงกันเลย แต่สรุปๆแล้วก็อยู่ในบริเวณเดียวกัน แม่ค้าบางรายที่ตกใจมากก็รีบเก็บของกลับบ้านทันที่ไม่ขายของต่อทั้งๆที่เพิ่งจัดร้านวางขายของ ผู้คนต่างคนต่างจับกลุ่มคุยกัน สีหน้าบางคนก็เฉยๆ และบางคนก็วิตกอย่างเห็นได้ชัด แต่ความรู้สึกคงเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนเป็นเรื่องปกติ การค้าก็แย่ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินก็ไม่มี ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวง....ครั้งนี้มีใครบาดเจ็บ.. แล้วครั้งหน้าจะเป็นใคร.....
 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามมาในช่วงกลางวัน มีการขู่วางระเบิดตามธนาคาร และร้านค้าต่าง ๆ สร้างความ
ตื่นตระหนกให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ อย่างพี่ที่โทรมาเล่าให้ฉันฟังด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ แต่ฉันรู้ว่าตอนที่เกิดเหตุคงจะขำไม่ออกเป็นแน่
 "พี่อยู่แบงค์พอดี ตอนเข้าไป ไม่มีลูกค้าเลย กำลังหลงดีใจจะได้ไม่ต้องคอยนาน กำลังเขียนรายการอยู่ก็มีคนโทรเข้ามาพอพนักงานวางสายก็รีบพาพี่เข้าไปในห้องนิรภัย ไขกุญแจผิดๆถูกๆ มือไม้สั่นไปหมด พี่จะช่วยก็ไม่รู้ว่าดอกไหน"ฉันนึกภาพตามด้วยความรู้สึกลุ้นหมือนกัน
 "แล้วเป็นไงต่อพี่" ฉันถาม
 "พี่นึกถึงแม่ก่อน เพราะแม่พี่อยู่คนเดียว จึงโทรไปบอกแม่ว่าติดอยู่ในแบงค์เดี๋ยวจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนก่อน ไม่ต้องตกใจ พี่หลบอยู่ในห้องประมาณ 10 นาที ก็ดูทีท่าว่าไม่น่าจะเกิดอะไรเลยบอกพนักงานว่าจะกลับละ ตอนแรกเค้าก็ไม่อยากให้พี่ออกไป กลัวระเบิดจะวางอยู่ด้านนอกอาคาร เพราะตรวจดูในอาคารแล้วไม่มีวัตถุต้องสงสัยแต่สุดท้ายพี่ก็กลับออกมา ขากลับต้องผ่านอีกแบงค์ที่โดนขู่เหมือนกัน พี่งี้รีบบิดสุดชีวิตให้กลับถึงบ้านให้เร็วที่สุด"
 "เฮ้อ! ทำไมมันเป็นอย่างงี้เนี่ย..."ฉันถอนหายใจหลังจากที่ฟังพี่เค้าเล่าจบ แล้วก็มีการอวยพรให้ต่างคนต่างปลอดภัยก่อนวางสาย
 ผ่านมาถึงช่วงค่ำ ขณะดูรายการภาคค่ำ ก็เกิดไฟตก ไฟส่องสว่างดับ แต่ทีวียังติด อึดใจไฟก็มา ฉันเริ่มคิด
..เอาอีกแล้วต้องมีอะไรเกิดขึ้นซักอย่าง...เพราะฝนก็ไม่ได้ตก ฟ้าก็ไม่ได้คะนอง ทุกครั้งที่ไฟตกในลักษณะนี้ต้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบแน่ มองออกไปนอกหน้าต่างทุกอย่างก็สงบเรียบร้อย ไม่มีเสียงอื่นใดตามมา เช่นเสียงไซเรน
ฉันจึงดูรายการต่อไป ดึกคืนนั้น ประมาณตีหนึ่ง ก็เกิดไฟดับอีกครั้ง แล้วก็ติด
 "มันอะไรกันวันนี้!" ฉันบ่นกับตัวเอง
 เช้าวันถัดมา  มีพี่อีกคนหนึ่งโทรมาว่าวันนี้จะไม่มีไฟใช้นะเพราะเค้าจะซ่อมเสาไฟฟ้าที่โดนระเบิดไปเมื่อคืนฉันจึงโทรไปถามพี่ที่สามีทำงานที่การไฟฟ้าสอบถามข้อมูลที่แน่นอน เค้าบอกว่าไม่มีหรอก เค้าไม่ปล่อยให้ดับทั้งวันหรอกเพราะถ้าเมื่อคืนไฟดับแล้วก็มีไฟมา ก็แสดงว่าทางไฟฟ้าได้มีการสลับเอาไฟฟ้าจากจังหวัดปัตตานีมาให้ใช้แล้ว เพราะเดี๋ยว
นี้ไฟฟ้าเค้าเชื่อมถึงกัน หากที่ใดเกิดปัญหาอีกที่จะได้ส่งไฟให้ใช้ได้  .......จึงขอบคุณการไฟฟ้ามาณ ที่นี้.....
 ฉันได้แต่หวังใจว่าปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น คงคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น เมื่อมีเหตุความรุนแรง เราจะลดการสูญเสียลงได้เรื่อย ๆ ต่อมาก็จะมีการระงับเหตุ เพื่อลดการก่อเหตุ
 .......สุดท้าย ก็ขอให้เหตุการณ์ที่เกิดจบลง ไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีกเลย ......

สวัสดีค่ะ

       ดิฉันรู้สึกเป็นห่วงคนที่อยู่พื้นที่เสี่ยงภัยมากค่ะ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าตื่นเช้ามาจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ละวันที่ผ่านพ้นไปคงจะเกิดความรู้สึกที่หวาดระแวงมาก

น่าเห็นใจนะครับ มีใครจะคลี่คลายได้

เพื่อนพ้องผมอยู่แถบนั้นหลายคน บ่น เครียด เหมือนกัน

ขอไฮไลต์ tacit knowledge ในบันทึกครับ

เทคนิคเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นจากการที่ได้พูดคุยกันสองสามครั้ง เช่น

- หน้าบ้านไม่ควรวางถังขยะ กระถางต้นไม้ หรือ ที่ใส่ของใดๆ

- ตรวจส่องดูแลรถทุกคันที่มาจอดอยู่หน้าบ้าน ถามเขาไปเลยว่า จะไปไหน จอดนานไหม ไม่ต้องมัวแต่เกรงใจ

- ไม่ควรอยู่ในที่ชุมชนในช่วงคนพลุกพล่าน เช่น เสาร์อาทิตย์ช่วงบ่าย เป็นต้นไป

- ไม่ควรจอดรถใกล้กับรถที่สภาพค่อนข้างเก่า ส่วนถ้าจอดติดกับรถใหม่ จะต้องสำรวจดูความเรียบร้อยของรถ

- ไม่ควรยืนที่เสาโดยเฉพาะเสาที่อยู่ใกล้กับถังขยะ

- เวลาขับรถให้คอยสังเกตว่ามีรถน่าสงสัยคอยขับตามหรือไม่ เป็นต้น

ทุกข้อเป็นคำแนะนำที่ดี แต่ข้อแรกเป็นสุขนิสัย สมควรปฏิบัติให้เป็นประจำครับ จัดการกับขยะและความรกรุงรังเสียให้ดี ชุมชนความตกลงร่วมกันว่าจะจัดการอย่างไรกับที่ทิ้งขยะ อย่าเห็นแก่ความสะดวกเลยครับ

สวัสดีค่ะ

  •  "ความรู้สึกในแง่ลบเหล่านี้ สะสมกลายเป็นพฤติกรรมของคนในพื้นที่ที่ต้องต่อสู้เพื่อตนเองและครอบครัว พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วย ความตื่นตัวและระมัดระวังตนอย่างมากและตลอดเวลา"
  • เห็นด้วยค่ะ  เพราะอยู่จังหวัดยะลา เหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดบ่อย  จนเกิดอาการเก็บกดบ้างเป็นบางครั้ง อาจเป็นเพราะเหตุการณ์มันเกิดมา 3 ปีกว่า  ซึ่งถือว่ามันเรื้อรังเอาการ  ถ้าเปลี่ยนกับโรคร้าย ก็อยู่ในขั้นระยะเสี่ยง หรือระยะอันตรายทีเดียวแระ บางครั้งอารมณ์ก็อาจจะก้าวร้าว โมโหกับเหตุการณ์เป็นประจำ  เวลาขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำงาน ก็จะคอยหวาดระแวง ใครขี่มอเตอร์ไซด์มาประกบ  หรือติดไฟแดงนี่ จะคอยสอดส่องดูทางกระจกรถบ้างล่ะ หันไปดูตรงๆ บ้างล่ะ  แบบไม่ไว้ใจไปหมด  บางครั้งยังนึกอะไรเล่นๆ เลยว่า "ระหว่างที่รถติดไฟแดงอยู่นี่ ถ้าเกิดเกิดระเบิดขึ้นมา  หรือมีใครมายิงตอนนั้น เราจะทำอย่างไรดีหนอ  เราจะเจ็บและตายไหมหนอ ได้แต่คิดไปต่าง ๆ นานา จากความกลัว จนเกิดเป็นความเคยชิน  ชินชาจนเริ่มจะถอดใจกับเหตุการณ์เข้าไปทุกวัน  เพราะมันยังเกิดขึ้นทุกวัน  จะต้องมีคนบาดเจ็บ ล้มตายไปวันแล้ววันเล่า  มันน่าเศร้าใจนัก  ไม่รู้ว่าวันไหน เหตุการณ์เ้หล่านี้จะเวียนมาบรรจบที่ตัวเรา ได้แต่ภาวนาขอให้เรา และครอบครัว  และบุคคลร่วมชะตากรรมด้วยทั้งหลาย จงปลอดภัยจากเหตุการณ์ 3 จ.ชายแดนใต้ด้วยเถิด                

ขอบคุณทุกท่านค่ะที่ร่วมให้ความเห็น

อยากให้ท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน ช่วยเขียนเทคนิคในการระวังตนเองในการอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เพื่อเป็นแนวคิดให้แก่ท่านอื่นๆ ด้วยนะค่ะ

เทคนิคสำหรับที่สุดที่จะอยู่ในสามจังหวัดภาคใต้ได้ดีที่สุด คือ การปรับตัวให้อยู่กับความกลัวให้ได้ครับ 

ส่วนหากเราต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ก็ให้ทำใจเท่านั้นเองครับ

สำหรับผม ปลงได้เยอะแล้วครับ ฮาฮาฮา 

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาที่เกิดขึ้นประชาชนส่วนใหญ่ก็รู้สึกเบื่อและไม่ชอบ แปลกเหมือนกันทำไมคนกลุ่มนั้น เกิดขึ้นมาแล้วเพื่อตามฆ่ากันหรือไง เพราะวันๆ มีแต่เรื่องยิงๆระเบิดทางโน้น โรวตะปูเรือใบทางนี้ บ้างก็โดนเป้า บ้างก็เสียหลักบ้างก็เจ็บ บ้างก็เสียชีวิตไปเลย ความเสียหายทั้งหมดใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ

ที่ว่าหากใครจอดรถหน้าบ้านนั้น ให้รีบไปถามว่าจอดนานไหม ผมไม่เห็นด้วย แค่ดูรถแปลกๆ ก็อยากจะปิดกลอนประตูอยู่เงียบๆ แต่ถ้าจะให้ดีผมว่าเราหันมาทำบุญให้เยอะๆ ถ้าเป็นคนพุทธก็ขยันตักบาตร ไหว้พระ สำหรับมุสลิมก็อย่าลืมในพระเจ้า ขยันทำกิจวัตร ศาสนกิจและหมั่นขอดุอา (ขอพร) ให้ปัญหาเหล่านี้จบสิ้น แล้วโปรดประทานความสงบมาให้พวกเราไวไว

ขอความสันติสุขจงมีแด่พวกเราผู้ทรัทธาทุกคน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น คิดเสียว่าเป็นมูซีบ๊ะห์ชนิดหนึ่ง ที่เราต้องขอดุอาให้พ้นไปเร็วๆ

วัลอฮฮู อะลัม

ขอบคุณคุณ ม. ดาวู๊ด อับดุลลาตีฟ มากค่ะ ดีมากเลยค่ะที่กรุณาเข้ามาร่วมให้ความคิดเห็น ความคิดเห็นแตกต่างเป็นเรื่องดีค่ะ เพราะเทคนิคเหล่านี้ไม่มีใครบอกเราประชาชนตาดำๆ ว่าควรทำอย่างไรหรือไม่ควรทำสิ่งใดนะค่ะ

ขอขอบคุณมากสำหรับ สำหรับความรู้การอยู่ในพื้นที่สามจังหวัด ที่ไม่มีในห้องเรียน จะพยายามนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

  • เรียน อ.จันทวรรณ
  • ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ และความห่วงใยครับ

เห็นใจ ชาวใต้มาก ๆ  ปัญหานี้จะมีทางแก้ไขหรือเปล่าหนอ  ทำไมกลุ่มโจรใต้ เขาช่างไม่มีความเมตตา ไม่มีความรัก เอื้ออาทรให้สิ่งมีชีวิตที่ขึ้นชื่อว่า "คน" เลย  ขนาดสัตว์เดรัจฉาน  คนปกติทั่วไปยังไม่คิดจะฆ่าเลย  แต่คนไทยเหล่านี้เขาคือ  คน ....คน.....คน นะ ไม่ใช่  หมู หมา  กาไก่  นะเนี่ย มันทำได้ยังไง ...อำมหิตมาก...ถ้าจับได้  เอามันไปประหารชีวิตให้หมดไป....มันยังไม่สาสมกับสิ่งที่พวกมันทำเลย..............มาร่วมกันสาบแช่งให้ไอ้โจรใต้เหล่านี้  แพ้ภัยตัวเอง พ่ายแพ้อำนาจบารมีของพ่อหลวง แม่หลวงของเรา .. หากวันนั้นมาถึงเมืองไทย ดินแดนด้ามขวานคงกลับเป็นแผ่นดินธรรม  แผ่นดินทองอีกครั้ง   .......สู้ สู้ต่อไป ขอเป็นแรงใจให้คนด้ามขวาน  

สวัสดีค่ะ อ.   ดิฉัน ทำงานอยู่ไกลบ้านพอสมควร (จันทบุรี)  แต่ได้ติดตามข่าวสารแถวภาคใต้ตลอดเลย เพื่อน ๆ ที่นี่มักจะถามว่า มันเกิดอะไรกันแน่  ในความเป็นจริง คืออะไรนั้น ไม่ทราบได้ เพราะ เมื่อไรที่ กลับบ้านไปเยี่ยมแม่ที่ สงขลา  เพื่อน ๆ ก็จะเป็นห่วงในความปลอดภัยและ ถามเพื่อความแน่ใจเสมอ ๆ  ว่า กลับไปแล้วปลอดภัยแน่นะ 

มันคือสิ่งที่พวกเขาคิดเสมอว่า เมื่อไรที่ลงใต้ ย่อมไม่ปลอดภัย อีกแล้ว  ซึ่ง ไม่ได้พูดว่า 3 จังหวัดเสี่ยงภัย แต่ก็เหมารวมเลยว่า ลงใต้ คำเดียว

ผลกระทบมากมายเลยค่ะ  ทั้งราคาผลไม้ ธุรกิจการท่องเที่ยว  ได้ข่าวจากเพื่อน ๆ ทางหาดใหญ่เหมือนกันว่า เงียบจัง ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เคยเรียนอยู่ ทีนี่เลย ....

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท