ผมจะขอเล่าต่อจากตอนที่ 1 น่ะครับว่า เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความจริง อันกระจ่างว่า “การเรียนรู้คือหัวใจของความสำเร็จ” ถ้าหากจะพูดให้ชัดๆ ก็คือการเรียนรู้อาจจะเป็นหัวใจของความอยู่รอดขององค์กรอีกด้วย องค์กรเราเริ่มตระหนักแล้วว่า ต้องพึ่งพาอาศัยความรู้ในการทำงาน และสามารถใช้ความรู้ได้อย่างเหมาะสม จึงจะก่อให้เกิดผลงาน เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ แก่หน่วยงานและสังคม
ทีมงานเราเริ่มคิดนอกกรอบว่าองค์กรต้องมีระบบการทำงานขององค์กรเราที่ทุกๆคน มีส่วนร่วมในการสร้างมาด้วยกัน การสร้างระบบการทำงานขององค์กร เราได้ใช้เวทีตามระบบส่งเสริมการเกษตร และเก็บข้อมูลจากการลงไป ACTION ในระดับพื้นที่ ชุมชน มาวิเคราะห์ร่วมกัน แล้วสรุปบทเรียน มีอยู่ 7 องค์ประกอบ คือ
(1) แนวทางพัฒนาการเกษตรประจำตำบล เริ่มต้นจากกการจัดเวทีชุมชน โดยคณะกรรมการบริหารศูนย์บริการถ่ายทอดเทคโนโลยีการเกษตรประจำตำบล ร่วมกับอปท. ผู้แทนกลุ่มอาชีพต่างๆ ผู้แทนองค์การภาครัฐและเอกชน ให้มีการร่วมกันวิเคราะห์ศักยภาพพื้นที่และชุมชน ประกอบด้วยข้อมูลด้านกายภาพ ชีวภาพ เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อหาแนวทางพัฒนาด้านการผลิตและการตลาด กลุ่มอาชีพทางการเกษตรและวิธีปฏิบัติงานส่งเสริมการเกษตร
(2) กลุ่มอาชีพเป้าหมายในการผลิต ที่เกิดขึ้นภายใต้แนวทางพัฒนาการเกษตรประจำตำบล มีกลุ่มอาชีพที่มีอยู่เดิม หรือกลุ่มอาชีพที่เกิดขึ้นใหม่ เพื่อรองรับการสนับสนุนจากภาครัฐ เอกชน และแนวทางการพึ่งตนเอง โดยมีคณะกรรมการศูนย์บริการฯ และอาสาสมัครเกษตรเป็นผู้ประสานงานในระดับชุมชน
(3) แผนพัฒนากลุ่มอาชีพ กลุ่มอาชีพจะต้องมีการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มอาชีพ ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์จากแนวทางพัฒนาการเกษตรประจำตำบล ประกอบด้วย ทำกิจกรรมอะไร ทำไมถึงทำ ทำที่ไหน ใครทำ ห้วงเวลาที่ทำ ทำอย่างไร ได้แก่แผนลงทุน แผนถ่ายทอดเทคโนโลยี และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม โดยแผนต่างๆ จะต้องมีประโยชน์ต่อชุมชน
(4) สนับสนุนแผนพัฒนากลุ่มอาชีพ กลุ่มอาชีพเองจะต้องมองศักยภาพของตนเองว่า จะมีแผนพึ่งพาตนเอง และพึ่งภายนอกซึ่งรวมไปถึงการขอรับการสนับสนุนจาก อปท. และองค์กรภาครัฐ
(5) แผนปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร จะต้องมีความสอดคล้องกับแผนของศูนย์บริการฯ แผนพัฒนากลุ่มอาชีพ
(6) สนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรและแผนของศูนย์บริการฯ ปกติจะได้การสนับสนุนจากกรมส่งเสริมการเกษตร และ อปท.
(7) การติดตามประเมินผล โดยยึดหลักการประเมินผลตนเองแบบมีส่วนร่วมทุกระดับทั้งจังหวัด อำเภอ ตำบล กลุ่มอาชีพทางการเกษตร
จากที่ปฏิบัติงานตามระบบ 7 องค์ประกอบมาหลายปี ส่งผลให้บุคลากรทั้งระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล เกิดการพัฒนาฐานคิดเชิงระบบมากขึ้น และสามารถปฏิบัติงานในระดับองค์กรได้ พร้อมได้ถือปฏิบัติมาจนถึงปัจจุบันนี้ จนกลายเป็นองค์ความรู้เชิงทฤษฎีไปแล้วครับ ณ วันนี้เราสามารถพูดได้เลยว่า “องค์กรเราก้าวเข้าสู่ LO แล้ว มิฉะนั้นจะเอาอะไรไปตอบคำถามใน PMQA กันล่ะครับ”
(โปรดติดตามอ่านต่อตอนที่ 3)
สวัสดีครับ หนุ่มร้อยเกาะ ขอขอบคุณมากครับ ที่เข้ามาแวะเยี่ยมครับ ก็ต้องเรียนรู้ไปพัฒนาไปพร้อมฯกันนะครับ
แนวทางนี้สอดคล้องที่ ก.พ.ร. ให้มีตัวชี้วัดเป็นรายบุคคล โดยเฉพาะทราบว่ากรมฯ เร่งรัดให้มีแผนปฏิบัติงานเป็นรายบุคคล