(๑)
ผมหลงรักหน้าฝนไม่น้อยไปกว่าหน้าหนาว แต่ทั้งสองฤดูกาลก็ถือเป็นฤดูกาลแห่งชีวิตของผมทั้งสิ้น ลมหนาวเป็นห้วงแห่งการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากทุ่งรวงทอง ส่วนลมฝนเป็นห้วงแห่งการเริ่มต้นของชีวิตและสรรพสิ่ง
มนุษย์เรียนรู้จากธรรมชาติก่อนเสมอ (ผมเชื่อเช่นนั้น) เพราะกว่าจะเรียนรู้ชีวิตจากตัวหนังสือก็ต้องรอให้ถึงวัยเข้าเรียนโน่นแหละ (หรือท่านว่าไม่จริง)
บุญบั้งไฟ ... เป็นสิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการเรียนรู้ชีวิตจากธรรมชาติ ถึงแม้บุญบั้งไฟจะเป็นเพียงวิถีวัฒนธรรมของ “ลูกอีสาน” แต่นั่นก็คือหนึ่งในภาพสะท้อนอันแจ่มชัดว่ามนุษย์มีวิถีความเชื่อและความศรัทธาต่อธรรมชาติเช่นไรบ้าง รวมถึงมิติเหนือธรรมชาติที่มนุษย์เองก็เชื่อและศรัทธาอย่างแน่นหนัก
(๒)
๒ มิถุนายนที่ผ่านมา เป็นอีกวันที่ผมอยากเก็บมาเล่าต่อมิ่งมิตร -
วันนั้น ผมตื่นตอนตี 5 เพื่อมาร่วมกิจกรรมวัน “ก้าวแรกก้าวใหม่” โดยปีนี้เป็นปีแรกที่จัดพิธีให้นิสิตใหม่ทำการปฏิญาณตนเป็นนิสิต มมส จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ทั้งวัน ปิดงานด้วยการบายศรีสู่ขวัญ รับขวัญ “ผู้มาใหม่” เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสถาบัน
อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้น นิสิตใหม่ที่มาในโครงการส่งเสริมเยาวชนดีเด่นด้านศิลปวัฒนธรรมร่วม 50 คน กลับไม่สามารถอยู่ร่วมงานได้ เพราะมีหน้าที่ที่ต้องไปร่วมขบวนแห่บั้งไฟในชุมชนบ้านนางใย ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยมี คนกิจกรรม (คุณสุริยะ สอนสุระ) เป็นกัปตันทีมในนามมหาวิทยาลัย
กิจกรรมเช่นนี้ถือเป็นพันธกิจอันสำคัญของมหาวิทยาลัยที่ต้องจัดกิจกรรมร่วมกับชุมชน ... เป็นกิจกรรมที่ร้อยรัดให้มหาวิทยาลัยไม่หลุดหายไปจากสังคมท้องถิ่นอันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย
แต่ครั้งนี้ ต้องยอมรับว่าระยะทางจากมหาวิทยาลัยไปยังชุมชนนั้นไกลมากโข - ไกลกว่าทุกชุมชนที่เราไปร่วมมาในแต่ละปี แต่เราก็เต็มใจที่จะไปร่วม เพียงเพราะรู้สึกว่า กิจกรรมนี้คือ “ตัวตน” ของมหาวิทยาลัย
(๓)
คุณสุริยะ ไม่ได้หารือในรายละเอียดกิจกรรมอันใดกับผมนัก หรืออาจจะเป็นเพราะเห็นผมมีพันธะอันหน่วงหนักรุมเร้าอยู่ก็เป็นได้ อย่างไรก็เถอะ, ถึงแม้เราจะไม่มีโอกาสได้คุยกันมาก แต่ผมก็เชื่อในศักยภาพว่าเขาจัดการได้ ซึ่งหมายถึงจัดการได้ดีอย่างไม่ต้องสงสัย โดยมีทีมงานจาก “ชมรมนาฏศิลป์และดนตรีพื้นเมือง” (วงแคน) เป็นพี่เลี้ยงในการขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลัง
งานนี้ผมไม่มีโอกาสได้ร่วมเดินทางไปกับพวกเขา เพราะจำต้องอยู่ดูแลงานในมหาวิทยาลัย แต่สิ่งที่ผมสนใจใคร่รู้มากที่สุดเกี่ยวกับบุญบั้งไฟครั้งนี้ก็คือ การเปิดเวที “ครั้งแรก” ให้นิสิตใหม่ในโควตาศิลปวัฒนธรรม ได้แสดงศักยภาพในทางดนตรีและนาฏศิลป์พื้นอย่างเป็นทางการ
พวกเขามีเวลาฝึกซ้อมร่วมกันได้ไม่ถึง 3 วัน แต่ผมก็เชื่อว่าพวกเขามีความสุขที่จะเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมนี้ ผมคิดเอาเองว่าพวกเขามีเลือดความเป็น “ลูกอีสาน” อยู่อย่างเข้มข้น เพียงแว่วยินดนตรีก้องดังขึ้นก็คงไม่ยากต่อการขยับกายและใจ ร่ายรำไปอย่างมีชีวิต
(๔)
จะว่าไปแล้ว, ผมไม่รู้หรอกว่านิสิตใหม่เหล่านี้ รู้เรื่องรู้ราวกับคำว่าบุญบั้งไฟสักแก่ไหนกัน หรือรู้แต่เพียงว่าเป็น “งานบุญ” ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่จากภาพที่ประมวลมาเห็นได้ชัดว่าท่ามกลางเปลวแดดอันแรงร้อนนั้น พวกเขามีรอยยิ้มและเริงร่าต่อหน้าที่นั้นอย่างน่ายกย่อง
ผมไม่รู้เลยว่าพวกเขารู้เรื่องพญาแถนแค่ไหน ?
รู้เรื่องผาแดงนางไอ่บ้างหรือเปล่า ?
รู้เรื่องฝนฟ้าหรือไม่ ?
รู้เรื่องคติชนในบทขับเซิ้งมากน้อยแค่ไหน ? ...
แต่ผมก็ตั้งใจไว้ว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ น่าจะให้คุณสุริยะ ได้เสริมสร้างความรู้เหล่านี้แก่พวกเขาอย่างจริงจัง เพราะผมคงเศร้าใจอยู่ไม่ใช่น้อยหากรับรู้ว่า ลูกหลานอีสานในโควตาที่ผมต้องดูแลนั้น เล่นดนตรีและร่ายรำอย่างมีชีวิต แต่กลับไม่รู้เลยว่า “บุญบั้งไฟ” เป็นจั๋งได๋แน !
แน่นอนครับ, สอบสัมภาษณ์ปีหน้า ผมจะฝากประเด็นไปกับคณะกรรมการให้ลองถามพวกเขาดูสิว่า รู้จัก “ฮีตสิบสอง – คองสิบสี่” บ้างหรือไม่ ...
อย่างน้อยจะได้ชวนให้เขาได้กลับไปทบทวนความรู้ในเรื่องวัฒนธรรมอันเป็นรากเหง้าของท้องถิ่นตนเองอีกสักครั้ง !
หมายเหตุ :
กิจกรรมครั้งนี้เป็นเสมือนการรับน้องของชาววงแคนที่พาน้อง ๆ ไปร่วมกิจกรรมกับชุมชน ... เพราะนี่คือพันธกิจที่พวกเขาจะต้องเป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยในการออกไปช่วยเหลือชุมชนในด้านวัฒนธรรมและยังต้องมีอีกหลายครั้งและหลายชุมชน
สวัสดีค่ะ อาจารย์
สวัสดีค่ะคุณแผ่นดิน...แผ่นดิน
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับ
รู้เรื่องผาแดงนางไอ่บ้างหรือเปล่า ?
หนองแห่งนี้...เคยมีนิทานกล่าวไว้...
เรื่องราวของผาแดงนางไอ่...
ตราไว้เป็นรอยสืบมา...ฮา ๆ เอิก ๆ
( เพลง ) ร้องโดย...หยาดนภาลัย
ชอบชมประเพณีอีสาณของเฮา...ครับ
สวัสดีค่ะ
ได้ยินข่าวว่า วันหยุดนี้ ตัวแทนงานกิจกรรมจะไปร่วมงานบุญบั้งไฟเหรอคะ คงเป็นพี่ยะกะนัวเนียใช่ไหมคะ เอ๊ แล้วไปร่วมงานบุญบั้งไฟที่ไหน เหรอคะ
สวัสดีค่ะพี่พนัส
วันนี้ฝากเว็บไชต์ชมรมศึกษาผลงานวิทยากร เชียงกูลให้พี่พนัสที่ตกลงเป็นสมาชิกชมรมได้ศึกษาดูและช่วยเสนอแนะด้วยค่ะ ตอนนี้หน้าตาพอดูได้แค่นั้นเอง ในฐานะหนึ่งในสมาชิกชมรมค่ะ
ดีใจมากครับที่ครูอ้อยบอกกล่าวว่าชอบบันทึกที่ผมเขียน,
ความใฝ่ฝันของผมคืออยากให้บันทึกทุกบันทึกมีชีวิตและมีเกร็ดคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อผู้อ่านได้บ้าง หรือจะเป็นแต่เพียงความรื่นรมย์ทั่วไปก็สุขใจแล้วครับ
คำว่าหน้าที่ก็คือหน้าที่คำนี้คงถุกต้องนะครับ แต่ผมเองเชื่อนะครับว่าคนพวกนี้ที่ได้ออกไปร่วมงานกับทางหมู่บ้านนี้นะเข้า สายเลือดแห่งอีสาน มากพอ เค้ามีความรักและศรัทธาในสิ่งที่พวกเค้าได้กระทำในวันนั้น ผมเชื่ออีกว่าถึงเอาพิธีบายศรีสู่ขวัยมาจักให้เด้กพวกนี้เป็นสิบเป็นร้อยครั้ง เค้าก้อไม่ไม่ความสุขที่เค้าได้ทำอย่างนี้เป็นแน่
อีสาน : สายเลือดของเด็กวงแคน
อีสานบ้านเฮา...เดือนหกมีบุญบั้งไฟ แล้วภาคใต้ละครับมีประเพณีใดบ้าง
แต่ที่แน่ ๆ วันนี้กองกิจการนิสิต จะไปร่วมเซิ้งบั้งไฟกับชาวอำเภอกันทรวิชัย - ก็คงได้นำภาพมาแลกเปลี่ยนอีกรอบ
สบายดีนะครับ...
สวัสดีครับ นายบอน
วันนี้..คุณสุริยะ ก็จะพาน้อง ๆไปร่วมบุญบั้งไฟที่โคกพระ - กันทรวิชัย ผมไม่ได้ร่วมเดินทาง เพราะมีประชุมนอกรอบเรื่องระเบียบกิจกรรมกับผู้นำองค์กร
นานมากแล้วผมไม่มีโอกาสได้สัมผัสบรรยากาศเช่นนี้ และเห็นด้วยที่คุณบอนจะรวบรวมเรื่องราวและภาพเหล่านี้ไว้อย่างเป็นรูปธรรม
แล้วที่กมลไสยล่ะครับ... เป็นไงบ้าง
หนูนิด . |
วันนั้นต้องขออภัยจริง ๆ ที่ไม่มีโอกาสได้ต้อนรับ (ขับสู้) อย่างที่ควรจะเป็น เพียงเพราะภาระด่วนและเป็นเรื่องอันใหญ่อันโตที่พี่ต้องแก้ปัญหาของมวลชน เลยทำให้ไม่ได้ดูแลมิ่งมิตร
ยินดีและดีใจที่จะได้เป็นสมาชิกคนรัก อ.วิทยากร ฯ เป็นอย่างยิ่ง เพราะถึงแม้ในวัยนี้ พี่เองก็รู้สึกอยู่ตลอดเวลาว่า ตนเองยังคง "มาหาความหมาย..."
ขอบคุณอีกครั้ง -
สวัสดีครับ คุณน้องสภา
ชาววงแคน น่าจะมีความสุขกับการได้ทำหน้าที่เหล่านั้น ยิ่งน้องใหม่ก็น่าจะตื่นเต้นไม่เบา เพราะเป็นงานแรกในสถานภาพของการเป็นนิสิต
แต่สิ่งที่ต้องคิดระยะยาวคือการวางแผนพัฒนานิสิตใหม่เหล่านี้ให้เรียนรู้และสัมผัสจริงกับความเป็นวัฒนธรรมอีสานให้ลุ่มลึกมากกว่าเดิม อย่างน้อยการมาในโควตาศิลปวัฒนธรรมก็คือก้าวแรกที่จะนำไปสู่การเรียนรู้ในเรื่องเหล่านี้
เราต้องช่วยกัน !
งานบั้งไปแถวๆอำเภอกันทรวิชัย มีวันไหนบ่างละคับ
ช่วยบอกผมทีนะอยากไปดูนะคับ