น้องฟุงตามคุณพ่อคุณแม่ไปออสเตรเลียตั้งแต่อายุ 2 ขวบ ซึ่งตอนนั้นน้องฟุงยังไม่พูดเป็นคำๆเลยด้วยซ้ำ (เป็นเด็กพูดช้าที่เริ่มพูดเป็นคำๆเมื่ออายุ 2 ขวบเหมือนพี่วั้นกับพี่เหน่น) แต่ฟังรู้เรื่องและสื่อสารตามแบบเด็กๆกับพวกเราได้ ดังนั้นพอไปถึง แล้วเราพาไปเป็นเพื่อนของลูกเพื่อนอีกทีเพื่อสมัครสถานดูแลเด็กในมหาวิทยาลัย (UNICare) กลับกลายเป็นน้องฟุงไม่ยอมกลับ แต่ลูกเพื่อนร้องไม่ยอมอยู่ เราเลยต้องสมัครให้น้องฟุงได้อยู่ที่นั่นด้วย น่าแปลกที่เด็กๆเขาสื่อสารกันได้อย่างรวดเร็วง่ายดาย พูดไม่เป็นภาษาอะไรกันสักหน่อย แต่เห็นเล่นกันคุยกันจุ๊กจิ๊กๆ ไปแอบฟังก็ไม่รู้เรื่องเลย ภาษาต่างดาวอะไรก็ไม่รู้ น่าขำจริงๆ
ดังนั้นในวัย 3 ขวบที่น้องฟุงพูดเก่งขึ้น ภาษาแรกที่น้องฟุงพูดได้ก็คือไทยปนอังกฤษ เรื่องที่เราจำได้กันและมักจะเล่าเสมอ แต่ยังไม่ได้เคยเขียนเก็บไว้ใน GotoKnow คือเรื่องที่จะเอามาเล่าในบันทึกนี้ ว่าเด็กๆเค้าก็มีความคิดของตัวเองที่บางครั้งพวกเราผู้ใหญ่อาจจะไม่ได้รู้เลย
เรื่องมีอยู่ว่า น้องฟุงนั่งเล่นง่วนอยู่มุมหนึ่งของห้อง โดยมีคุณแม่นั่งอยู่ไม่ห่างนักที่โต๊ะข้างๆ คุณพ่อนอนดูทีวีอยู่อีกมุม และมองเห็นน้องฟุงนั่งเล่นเงียบๆ คุณพ่อก็เลยตะโกนข้ามห้องมาถามคำถามยอดฮิต
คุณพ่อก็เลยถามต่อ
น้องฟุงก็ตะโกนข้ามไปว่า
น้องฟุงก็ตอบว่า
คุณพ่อชักสนุก
น้องฟุงก็ยังตอบกลับอยู่ว่า
คุณพ่อถามต่ออีก
น้องฟุงพูดเบาๆกับตัวเอง (แต่คุณแม่ได้ยิน...) "Silly daddy, I don't want to talk to you anymore...." ก่อนที่จะตะโกนตอบด้วยเสียงที่คุณพ่อได้ยินว่า
คุณแม่เลยชักกลัวว่า ถ้าขืนคุณพ่อถามคำถามยอดฮิตพวกนี้ต่อไปอีก น้องฟุงคงจะเลิกคุยด้วยแน่ๆเลยต้องรีบบอกให้รู้ว่า น้องฟุงต่อว่าคุณพ่อว่ายังไง เล่นเอาพวกเราขำแทบแย่ ค่อยรู้ตัวขึ้นมาว่า น่าจะคุยหรือถามอะไรที่มันสร้างสรรค์กว่านี้ได้แล้ว กับหนุ่มน้อยๆคนนี้
สวัสดีค่ะ คุณโอ๋-อโณ
สวัสดีครับคุณโอ๋
มาทักทายครับ และจะมาอ่านประสบการณ์
ของคุณโอ๋ ด้วยครับพอดีลูกต้นหลิว
ขอผมอายุ 1 ขวบ 3 เดือน จะได้เรียนรู้
เพื่อได้ศึกษาเป็นแนวทางครับ
ขอบคุณครับ
Silly daddy, I don't want to talk to you anymore
... ดูดีๆ มันคือคำเตือนสติ จากผู้ใหญ่ ตัวเล็กๆ ถึงผู้ใหญ่ตัวโตๆ ครับ ว่าอย่าเผลอ อย่าเพลินครับ
สำหรับผมกลับไม่ค่อยกล้าพาลูกสาวมาเรียนที่สิงคโปร์ครับ กลัวติดเสียงสำเนียง ซิงกลิซ
แต่จะว่าไปก็เถอะ ถึงซิงกลิช เขาก็เก่งภาษาอังกฤษกว่าคนบ้านเราหลายช่วงตัวเลยนะครับคุณโอ๋
สวัสดีค่ะพี่โอ๋(Smart mom)
คุณติ๋ว คะ รู้สึกว่าไม่รู้ใครจะปราบใครนะคะ น้องฟุงเริ่มจะเปลี่ยนจากเด็กกล้าหาญมาเป็นเด็กขี้เขินแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าระบบหรืออะไรนะคะ เดี๋ยวนี้เขาจะพูดในบ้านมากกว่านอกบ้านค่ะ และมีอะไร"คมๆ"น้อยลงมาก
คุณประเสริฐ ยังมีเวลาในการปั้นหนูต้นหลิวได้อีกนานค่ะ บทเรียนใน GotoKnow มีมากมายให้ปรับใช้กับลูกเราค่ะ แต่ต้องไม่ลืมว่าเด็กทุกคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่เราต้องเข้าใจเค้าให้มากและส่งเสริมสิ่งดีๆที่มีในตัวเขาให้ได้เกิดประโยชน์ทั้งกับตัวเขาเองและคนอื่นๆ
ขอบคุณที่มาช่วยเติมเต็มค่ะ คุณ Kati เรามักจะลืมว่าเด็กๆก็มีความคิดของเค้าเองจริงๆค่ะ
คุณพี่ Handy คิดเหมือนกันอีกแล้วค่ะ (แปลกจัง....) ที่เอามาเขียนเพราะตัวเองรู้สึกอย่างนั้นด้วยค่ะ แปลกใจตัวเองด้วยว่า มีอีกหลายๆอย่างที่น้องฟุงเคยพูดให้อึ้ง ทึ่งและงง แต่ทำไมจึงจำประโยคนี้ได้เต็มๆกว่าอันอื่นๆก็ไม่ทราบค่ะ
อ.ธนพันธ์ กลัวในสิ่งที่ควรกลัวค่ะ ติดแน่นอนนะคะ เพราะเค้ามีเอกลักษณ์มากๆ แค่มีเพื่อนคุยด้วยบ่อยๆก็ยังเผลอเลยค่ะ เพราะภาษาซิงกลิชนี่ฟังสนุกกว่าเยอะ คิดว่าให้เด็กๆฟังเสียงที่ถูกต้องจากเจ้าของภาษานั้นๆดีกว่าค่ะ ถ้าจะให้เก่งภาษาก็ต้องเริ่มจากการทำให้เขาชอบก่อนเป็นอย่างแรก สำเร็จแน่นอนค่ะอยู่ที่ไหนก็ไม่สำคัญ ไม่ต้องไปเมืองนอกก็ยังได้ค่ะ เอาตัวเองเป็นประกันได้เลย อยู่เมืองไทยมาตลอดเกือบ 30 ปี ไปญี่ปุ่นก็คุยกับคนญี่ปุ่นพอได้ ไปออสเตรเลียก็ได้รับคำชมว่าภาษาดี (แต่มีสำเนียงไทยชัด...แฮ่ะ แฮ่ะ...)
น้องต้า คะ ดีใจจังที่ได้เจอน้องต้าที่นี่ คิดถึงแทบทุกวันเลยค่ะ เชื่อว่าเราต้องได้เจอกันสักวันค่ะ ขอให้ความดีของพวกเราทั้งหลายปกป้องน้องต้าด้วยนะคะ น้องฟุงมักจะเป็นที่รักของคุณครูเสมอค่ะ น่าจะสำหรับคุณครูต้าด้วยแน่ๆ