เข้าประชุมอบรม KM กับ ท่านอาจารย์ ดร.ประพนธ์

สรุปบรรยากาศ และ KM ที่ได้รับจากท่านอาจารย์ ดร.ประพนธ์

วันนี้ (9 มิย.2550)ได้เข้าประชุมอบรม KM ในสถานศึกษา จากท่านอาจารย์ ดร.ประพนธ์ ที่โรงเรียนสตรีประเสริฐศิลป์ จังหวัดตราด เป็นผู้จัด บรรยากาศโดยทั่วไปเป็นบรรยากาศแบบสบายๆ กึ่งวิชาการ กึ่งเป็นกันเอง ความรู้ที่ท่านอาจารย์นำมาถ่ายทอดในวันนั้นมีมากมายหลายประเด็น จะขอนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพียงบางประเด็น 1.จากประโยคที่ว่า Knowledge is Power ท่านว่าไม่น่าจะเหมาะสมสำหรับความรู้ในยุคปัจจุบัน เพราะจะเป็นความรู้ที่หยุดนิ่ง ปัจจุบันต้องเปลี่ยนเป็น Knowledge sharing is power นั่นคือ ความรู้ในตำราไม่พอ เราต้องดึงเอาความรู้ที่มีอยู่ขึ้นมาใช้ (ทั้ง tacit และ explicit) 2.การดึงเอาความรู้ที่มีอยู่ ขึ้นมาใช้โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า KM ซึ่ง KM เป็นเครื่องมือผ่อนแรงในการเรียนรู้และพัฒนางาน โดบ KM เป็นเพียงเครืองมือชนิดหนึ่ง ต้องนำมาเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ 3. การนำ KM มาใช้ ไม่สามารถใช้ได้ทุกเรื่อง ใช้ได้ในกรณี การแชร์ความสำเร็จ การแชร์ความรู้ ในกรณีแก้ปัญหา ระดมความคิด หรือ ตัดสินใจ ต้องใช้เครื่องมืออย่างอื่น ไม่ใช่ KM 4.การทำ KM ต้องเริ่มที่ KM ปัจเจก/ใจ และสิ่งที่สำคัญของ KM ปัจเจกที่ต้องพิจารณา คือ Mental modelซึ่งจะเป็นตัวตีความข้อมูลผ่านจิตใต้สำนึก ถ้าจิตใต้สำนึกมีแต่ขยะ การตีความก็จะมีปัญหา ต้องแก้โดย อยู่กับปัจจุบัน KM ปัจเจก/ใจ ท่านอาจารย์เรียก ความรู้สึกตัว 5. เมื่อทำ KM ปัจเจกผ่าน จึงมาทำ KM กลุ่ม ในขั้นนีท่านอาจารย์เรียก ความรู้สึก เป็นขั้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 6.KM ระดับองค์กร คือ ทำทั้งระบบในองค์กร ในขั้นนี้ เรียกความรู้ หรือ Explicit 7.KM ถ้าไม่ทำ ไม่รู้...ยังมีอีกหลายประเด็นเด็ดๆครับทีไม่ได้เขียน วันนี้ขอนำมาเล่าแค่นี้ก่อนครับ ก่อนจบก็ต้องขอขอบคุณคณะผู้บริหารและคณะครูโรงเรียนสตรีประเสริฐศิลป์เป็นอย่างสูงครับ ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นโดยไม่รู้สึกตัวว่าเป็นส่วนเกิน ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์ ดร.ประพนธ์ ที่กรุณาให้เกียรติสนทนาด้วยอย่างเป็นกันเองทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง ความดีของคณะครูโรงเรียนสตรีฯ และ ของท่านอาจารย์ ดร.ประพนธ์ ผมขอตอบแทนด้วยการนำ KM ไปขับเคลื่อนในโรงเรียนครับ