ปีนี้มหาวิทยาลัยมหาสารคามได้รับนิสิตที่มีความพิการด้านการมองเห็นมากกว่าปกติ น้องๆ ก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจัดไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมก้าวแรก ก้าวใหม่ ( เมื่อวานนี้ ) และกิจกรรมปฐมนิเทศนิสิตใหม่ในวันนี้ โดยแต่ละกิจกรรมเราได้ปล่อยให้มนุษย์ตาบอดของเข้าไปร่วมกิจกรรมโดยที่ไม่มีพี่เลี้ยง ( อาสาสมัครของชมรมเพื่อนแก้ว ) เข้าไปประกบน้องแต่ละคน
เพื่อประโยชน์อย่างน้อย 2 อย่าง คือ
· ให้เขาได้ฝึกการดำรงชีวิตอย่างอิสระโดยที่ไม่พึ่งพาผู้อื่น หรือพึ่งพาน้อยที่สุด ( ในกรณีทั้งสองนี้น่าจะต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่น เนื่องจากนิสิตปีนี้เยอะมากแถมยังเป็นคนใจร้อนด้วยสิ การเคลื่อนที่ด้วยตนเองลำบากแน่ๆ ทำไมไม่ส่งอาสาสมัครเข้าไปช่วยหล่ะ )
· ให้เขาได้ได้พบปะพูดคุยกับเพื่อนในสาขาวิชา ( ถ้ามีอาสาสมัครเข้าไปด้วย เพื่อนนิสิตก็จะรู้เพียงแค่ว่ามีมนุษย์ตาบอดเข้ามาเรียนในสาขาวิชา ) เพื่อสร้างความสนิทสนมกับเพื่อนในสาขาวิชา ให้ได้เรียนรู้วิธีการช่วยเหลือ ( ถ้าเผื่อมีจิตใจที่จะช่วยเหลืออย่างจริงจัง ก็สมัครเป็นอาสาสมัคร )
ผมก็ได้เพียงเดินไปเดินมารอบๆ สถานที่ปฐมนิเทศเพื่อดูน้องๆ เดินไปเดินมาจนได้เจอคำถาม “ปีนี้เด็กตาบอดเยอะ วุ่นวายมากเลย ทำไมไม่เข้าไปดูแลน้อง” ผมก็ได้แต่ขานรับแล้วก็ยิ้ม แต่ผมก็รู้ว่าการปล่อยเขาเข้าไปตามลำพังนั้นได้ประโยชน์มากกว่าการที่เราจะเข้าไปดูแล แล้วผมก็พูดต่ออีกว่า “วันนี้ผมมาปฐมนิเทศเหมือนกันครับ”
คนทุกคนต้องการอิสระในการดำรงชีวิต มนุษย์ตาบอดก็ต้องการความอิสระในการดำรงชีวิตเพื่อที่จะได้ไม่เป็นภาระของใครเช่นกัน เมื่อคุณได้เจอมนุษย์ตาบอด และคุณมีจิตใจดีอยากไปช่วยเหลือ จงเดินเข้าไปหา แต่สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เมื่อจะเข้าไปช่วยเหลือเขา โปรดถามเขาก่อนว่า “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?”
( เพื่อที่จะไม่ได้เป็นการไปคิดแทนเขา )
พี่ว่าจะไม่พูดแล้วน๊า... 555
เพราะวันนี้พี่ก็โดน !!
ไม่อยากไปต่อความเลยนะเอก มุมมองของคนที่เห็นคนพิการ เป็นคนทุพลภาพ ก็งี้แหละค่ะ
นิสิตพิการ ก็คือนิสิตคนหนึ่ง เช่นกรณีน้องตาบอด ก็แค่เขามองไม่เห็น อื่นๆเขาไม่ได้แตกต่างจากนิสิตคนอื่นๆเลย
เด็กๆจะรู้สึกอย่างไรถ้าเรา ตามประกบเขาแจ เขาเป็นนิสิตมหาวิทยาลัยแล้ว ไม่ใช่เด็กประถม
หลายวันมานี่ คนอื่นๆจะรู้ไหมว่า..DSS เราทำอะไรบ้าง
เฮ้อ...พี่นึกว่า มีแต่พี่ที่เจอคำถามนะ ที่แท้เอกก็เจอหรอ
เอาเถอะ เขาไม่เข้าใจมั้งว่า
555 ว่าจะไม่ นะเนี่ย....
ทำไมถึงไม่ดูแลน้อง ดูเหมือนว่า หลายคนไค่อยที่จะใส่ใจเหลียวแลคนรอบข้างเสียแล้ว
หรือว่า น้ำใจไมตรีแห้งเหือดไปพร้อมกับอากาศที่ร้อนใน มมส.
ในอีกมิติหนึ่ง หลายคนพยายามที่จะช่วยเหลือแก่คนพิการ ทั้งการช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ จนถึงมากกว่านั้น
แต่คนพิการหลายท่าน ไม่ต้องการที่จะเป็นภาระของคนอื่นมากนัก
เหมือนอย่างที่น้องถ่ายทอดออกมา ซึ่งสายตาของคนปกติที่มองดูนั้น ชื่นชมอย่างมาก
ในบทบาทของ DSS ที่มีส่วนในการดูแลนิสิตเหล่านี้ ในอนาคต น้องๆย่อมสามารถก้าวเดินได้อย่างมั่นใจ
เหมือนกับการถ่ายทอดความรู้สึกผ่านบันทึกนี้ อย่างมั่นใจมากขึ้น
แบบนี้ อนาคตข้างหน้า ขอให้สดใสดั่งภาพที่นำมาฝากนะครับ
![]() |
![]() |
![]() |
นายบอน!-กาฬสินธุ์ |
![]() |
เปนบทความที่น่าอ่านจิงๆ
ชื่นชมในความคิด แล้วก็ขอปรบมือให้กับสิ่งที่พี่เอกทำอยู่
ถ้าคนบนโลกเอื้ออาทรต่อกันให้มากกว่านี้คงดีเนาะ
![]() |
พลอย TU |