มหาสารคาม : เมืองที่ประชาชนมีความสุขมากที่สุดในประเทศ


         จากการสำรวจของกรมสุขภาพจิต ได้แถลงผลสำรวจความสุขคนไทยจากจังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้แบบประเมินดัชนีชี้วัดความสุขคนไทยของกรมสุขภาพจิต 15 ข้อพบว่าคนไทยส่วนใหญ่มีความสุขระดับปกติ เพศชายมีความสุขในระดับมากกว่าเพศหญิง โดยเพศชายมีความสุขระดับมาก 47.30 % เพศหยิงมีความสุขระดับมาก 24.49 % ทั้งนี้เนื่องจากเพศหญิงต้องพ่วงกับภาระทั้งในบ้านและนอกบ้านมากกว่า โดยผู้ที่แต่งงานแล้วมีความสุขมากกว่าคนโสด หากแบ่งตามภาคพบว่าภาคอีสานมีความสุขมากที่สุด ภาคใต้มีระดับความสุขน้อยที่สุด

        จากการวิเคราะห์ผู้ทำการสำรวจมีความเห็นว่าคนในภาคอีสานเน้นความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่นในครอบครัว มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นห่วงเป็นใยกัน จึงมีความสุขมากกว่าภาคอื่น แม้ว่าทางด้านเศรษฐกิจจะยากจนกว่าภาคอื่นก็ตาม

สิ่งที่ทำให้คนไทยมีความสุข 10 อันดับแรกประกอบด้วย

  1. มีชีวิตครอบครัวที่ไม่แตกแยก
  2. มีเงินพอใช้ไม่เป็นหนี้
  3. ได้อยู่กับคนที่รัก
  4. ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
  5. เหตุการณ์บ้านเมืองสงบสุข
  6. เป็นที่ยอมรับของคนรอบข้าง
  7. ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
  8. มีสภาพแวดล้อมที่ดี
  9. มีชีวิตปลอดภัย
  10. สังคมมีคุณธรรมจริยธรรม

ที่มา : กรมสุขภาพจิต

หมายเลขบันทึก: 69069เขียนเมื่อ 24 ธันวาคม 2006 09:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กันยายน 2012 11:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)
     ขอบคุณท่านวิชิตมากครับ เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากครับ ผมกำลังตาม Review เรื่องนี้อยู่ครับ อีกสักประมาณ 2 เดือน (ตามแผน) จะมี R2R: ความสุขของคนพิการ จว.พัทลุง ออกมาครับ ผมใช้แบบประเมินดัชนีชี้วัดความสุขคนไทยของกรมสุขภาพจิต 15 ข้อนี้ ด้วย แต่จะเพิ่มเติมข้อมูลเชิงคุณภาพ ด้วยการทำ Fucus Group ของแต่ละอำเภอด้วย แล้วจะได้นำมาเล่าให้อ่านกันนะครับ
  • โถ..พี่กำลังเขียนเรื่องเมืองสารคามในฐานะเมืองที่น่าอยู่ (มีความสุขที่สุด) อยู่พอดี
  • แต่เดี๋ยวเปลี่ยนทางลมในมุมอื่นแล้วกัน
  • วิชิต น่าจะเอาภาพถ่ายป้ายที่บ่งบอกว่ามหาสารคาม คื อเมืองที่ได้รับการยกย่องว่ามีความสุขมาให้ดูประกอบบ้างก็น่าจะดีนะ ครับ (พี่ก็ถ่ายเก็บไว้บ้างแล้ว)

 

 

  • ผู้ที่แต่งงานแล้วมีความสุขมากกว่าคนโสด จริงหรือครับ ? (หมายถึงจริงในทางปฏิบัติหรือความเป็นจริง)
  • "แม้ว่าทางด้านเศรษฐกิจจะยากจนกว่าภาคอื่นก็ตาม" สะท้อนให้เห็นว่า เงิน ไม่ใช่ ดัชนีวัดความสุข ของคนภาคอีสาน
  • ขอบคุณครับ

นั่นสิคะ  แต่งงานแล้วมีความสุขกว่าเป็นโสดจริงเหรอ  จะได้แต่งมั่ง แต่คงต้องหาเหยื่อมาแต่งด้วยก่อน อิอิ ^_^

ใช่ๆ   ^__* ขอบคุณค่ะ คุณวิชิต 

ที่แน่ๆ  อย่างนึงที่ทำให้ แถว มมส. เราน่าอยู่เพราะมี

 

      แท้จริงแล้วการดำเนินชีวิตแบบพอเพียงมีมานานเพียงแต่นักวิชาการเพิ่งตื่น.......

      คนอีสานไม่ต้องการอะไรมาก แม้ไม่มีเงินก็อยู่ได้ คนอีสานยึดการดำเนินชีวิตแบบพอเพียงมานานแล้ว มีครอบครัวที่อบอุ่น อยู่แบบเครือญาติ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน สังเกตง่าย ๆๆ คือ งานบุญในหมู่บ้าน

ว้าย  กดเร็วไป  ยังไม่ทันย่อรูปเลย  ขอโทษนะคะ

Happy News 2007

โปรแกรมจัดการภาพอย่างง่ายจาก Google
Photo Organizer Program

ความน่าอยู่อันหนึ่งของสารคาม ที่กรมสุขภาพจิตอาจไม่ได้มอง หรือในช่วงที่สำรวจอาจจะยังไม่มี ขอนำเสนอเพื่อเป็นมุมมอง ให้เห็น

1. เป็นเมืองที่มี บังกาโล  หรือ เรียก ไพเราะ ว่า รีสอร์ท หรือ เรียก ธรรมดา ๆ ว่า  ม่านรูด มากที่สุดในภาคอีสาน ทั้งสี่มุมเมือง และ ในชนบท ที่ติดถนนดำผ่าน 

2.  มีหอพัก บ้านเช่า แมนชั่น หรือ อะไร ที่ให้เช่า เป็นรายวัน รายเดือน รายเทอม มากอีกเหมือนกัน

3. มีเมืองที่เกิดใหม่ จากการย้ายมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ออกไปอยู่ที่ตำบล ท่าขอนยาง ตำบลขามเรียง  จาก พื้นฐานตำบล กลายเป็น อบต และกำลังจะเป็นเทศบาล แต่ การดูแล สาธารณะ ยังอยู่ในระดับไม่ได้มาตรฐานที่ควรจะเป็น ส่งผลให้ นิสิต นักศึกษา คาดว่า  จะเป็นโรคปอดมากที่สุด แห่งหนึ่งในอนาคต ถ้ายังเป็นอย่างนี้อยู่

4. เป็นเมืองที่มีจักรยานยนต์ น่าจะมากที่สุดเหมือนกัน เพราะ แค่ นิสิตนักศึกษาสองสถาบันหลักระดับอุดมศึกษา เกือบ สี่ห้าหมื่นคน และอุบัติเหตุจากจักรยานยนต์ก็มากที่สุด

5.เป็นเมืองที่ทำมาค้าขายเรื่องอาหารและสินค้าเกี่ยวกับวัยรุ่น ดีที่สุด ทำอะไรก็ได้ขาย แต่อย่าแพงนัก

6. มีร้านขายแอลกอฮอล์ มากที่สุด ทุกมุมเมือง

สรุป สารคามเป็นเมืองที่มีความสุขที่สุด (ต้องมีเงินบ้างอย่างน้อยพอซื้อหมูปิ้งหน้าหอไม้ละสองบาทสามไม้ข้าวเหนียวสี่บาท อาหารเช้ารวมสิบบาทก็อิ่ม)แต่อย่าลืมสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเมื่อขับขี่ และยืดอกพกถุงเมื่อจะต้องต่อสู้ ห้ามประมาทเด็ดขาด ถ้าต้องการชีวิตยืนยาว ควรละ เส้นทางอโคจร สำหรับผู้รักเรียนใฝ่รู้)

หลงตัวเอง หลอกได้แม้กระทั่งตัวเอง น่าจะบอกว่าเมืองที่คนที่อื่นที่เคยมาอยู่ที่นี่แล้วได้ออกไปอยู่ที่อื่นที่ไหนก็ได้ในประเทศแล้วจะรู้สึกมีความสุขที่สุดไม่อยากกลับมาเหยียบเมืองนี้อีก มีแต่คนเห็นแก่ตัว จ้องจะดูดเลือดนิสิตนักศึกษาที่ต้องเงินมาประเคนให้ แลกกับคุณภาพชีวิตต่ำๆของแพงที่สุดในอีสาน มหาวิทยาลัยไม่น่ามาตั้งอยู่ที่นี่เลย ถ้าไปตั้งอยู่ที่อื่นเจริญไปถึงไหนแล้ว ไม่มีบรรยากาศวิชาการ สิ่งแวดล้อมแย่ที่สุดในประเทศ จอมสร้างภาพหลอกตัวเอง กบในกะลากระจอกที่สุดในอีสาน ลองไปคุยกัคนที่นี่ดู มัวแต่หลงอยู่กับอดีตไม่รู้จักพัฒนา เชิญมีความสุขกันต่อไปไม่มีใครเขาอยากมาอยู่หรอกถ้าไม่จำเป็นหรือเอนท์ที่อื่นไม่ติด

มหาสารคามเตือนระวังโรคจิตจากความเครียด [ อ่าน 51 ]

เตือนระวังโรคจิตผลกระทบจากภาวะเครียด

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม เตือนประชาชนระวังโรคจิตที่เกิดจากภาวะเครียด สภาพสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ ทั้งให้เกิดอาการกังวล นอนไม่หลับ และมีอาการทางร่างกาย เช่น เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไม่สดชื่น

นายคำรณ ไชยศิริ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยด้านจิตสูงขึ้น ในจังหวัดมหาสารคาม มีประชาชนพยายามฆ่าตัวตายตั้งแต่เดือนมกราคม - ปัจจุบัน พบประชาชนพยายามฆ่าตัวตาย จำนวน 86 คน ฆ่าตัวตายสำเร็จ จำนวน 14 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย สาเหตุของปัญหาโรคจิต เกิดจากภาวะเครียด ปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วิธีการป้องกันคือสังเกตพฤติกรรมของตัวเอง หากมีอาการวิตก กังวล นอนไม่หลับ เก็บตัวอยู่คนเดียว ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง การแก้ไขเบื้องต้นจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ วันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน รับประทานอาหารให้ดีมีประโยชน์ ต่อร่างกาย ไม่โกธร ไม่เครียด ไม่วิตกกังวล หางานอดิเรกที่ชอบทำ เช่น การอ่านหนังสือ ร้องเพลง เล่นกีฬา ดูทีวี และปรับตัวให้มีความสุขในชีวิตประจำวัน

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม ย้ำประชาชนทุกคน จะต้องดูแลเอาใจใส่ สุขภาพของตนเอง โดยการปฏิบัติด้วย 6 อ. คือ รับประทานอาหารดีมีประโยชน์ ออกกำลังกายทุกวัน ๆ ละ 30 นาที รักษาอารมณ์ด้วยความมีเหตุมีผล จัดการด้านอนามัยชุมชน สิ่งแวดล้อมให้ปลอดโรค อโรคยา คือการดูแลสุขภาพไม่ให้เป็นโรคเรื้อรัง และ ลดละเลิกอบายมุข จะส่งผลให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ มีปัญหาด้านจิตใจสามารถรับบริการได้ที่โรงพยาบาลชุมชน และโรงพยาบาลมหาสารคาม

อรณต วัตฒะ / ข่าว

ถูกต้องแล้วครับพี่น้อง...อย่ามาเรียนที่นี่เลยครับ เพราะมันเป็นเมืองที่ไม่น่า อยู่เลยซักนิด อย่ามาอยู่ให้คนที่นี่เอารัดเอาเปรียบเลยครับ ผมอยูมาหลายปีถูกเอาเปรียบมาตลอด คอยจ้องแต่จะกอบโกยเอากับนักศึกษา อากาศก็เต็มไปด้วยมลพิษ อาหารการกินก็เป็นพิษ(ถ้าไม่มีผงชูรสคงทำกับข้าวไม่เป็น) คนก็เป็นพิษ(เห็นแก่ตัวที่สุดในโลก)สรุปคือสิ่งแวดมันเป็นพิษ แล้ว มันจะเป็นเมืองที่มีความสุข ที่สุดในประเทศได้ไง?(คิดได้ไง เอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย โปรดบอกผมหน่อย ผมอยากรู้จริงจริง) ผมอยู่มา หลายปีทำไมผมไม่มีความสุขสักนิด(สักนิดก็ไม่มี) อยากจะหนีไปให้พ้นๆ แต่แต่ก็แสน ลำบากเพราะการจะเดินทางไปไหน รถโดยสารก็ไม่ค่อยมีต้องเสีย เวลาเป็นวันๆ ***ไม่อยากอยูครับไม่อยากอยู่อีกแล้ว มันตั้งเป็นจังหวัดได้ยังไง ถ้าจบออกไปได้ ถ้าไม่จำเป็นจริงจริง จะไม่ขอมาที่นี่อีกเลย ค่าครองชีพแพงบรรลัย ที่อยู่อาศัย(หอพัก)ไม่ต้องพูดถึง ผมว่าเผลอๆแพงกว่าในกรุงเทพอีก ต้องอยู่ด้วยความหวาดระแวงตลอ ดเวลา ***ขอสนับสนุนกระทู้ด้านบนครับว่าจริง (เขาคงโดนมาคล้ายผม) ขโมย โจรเยอะครับแต่ตำรวจไม่เคยทำอะไรได้(หรือจะเป็นลูกหลานเค้าผมก็ไม่รู้เหมือนกัน)เห็นจับแต่มอเตอร์ไซด์ จับแต่คนที่ไม่มีทางสู้ เก่งจริงๆครับขอชมเชย มมส.เป็นมหาวิทยาลัยที่มีรถบรรทุกวิ่งพลุกพล่านมากยังกับทางหลวงแผ่นดินสายต่างๆในประเทศ(แถมขับเร็วอีกต่างหาก ไม่รู้จะรีบไป.....ที่ไหนกัน)เขาไม่รู้หรือยังไงว่านี่คือสถานศึกษา เลยทำให้อุดมไปด้วยฝุ่น นักศึกษาที่นี่พร้อมที่จะเป็นโรคระบบทางเดินหายใจและดวงตาอักเสบได้อยู่ตลอดเวลา เส้นทางจะเข้ามหาวิทยาลัยเกิดอุบัติเหตุทุกวันครับ ผมอยู่ที่หอได้ยินเสียงรถพยาบาลเปิดหวอวิ่งวันละหลายๆรอบ ตายไปก็ไม่รู้กี่ศพแล้วสงสารน้องๆที่ต้องมาเรียนที่นี่ ****อย่าเลยครับ อย่าโกหกหลอกลวงตัวเองอีกเลย อย่าบอกว่าตัวเองเป็นเมืองการศึกษาอีกเลยครับ ไม่อายเค้าบ้างหรือ อย่ามาบอกว่า"สารคามเมืองน่าอยู่"อีกเลยครับ มันทุเรศ ! คุณอาจจะหลอกคนอื่นได้ แต่คุณหลอกตัวเองไม่ได้หรอก (โกหกได้แม้กระทั่งตัวเอง เก่งเนอะ)....สุดท้ายแล้ว ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องทุกท่านที่ต้องมาตก ระกำลำบากที่เมืองนี้ด้วยกัน ขอจงยืนหยัดต่อสู้ต่อไป สักวันหนึ่งพวกเราจะได้กลับบ้านกันครับ....แล้วเราจะไม่กลับมาเหยีบที่นี่อีกเลย ....................ลาก่อนครับ

   สารคามน่าอยู่ครับ เห็นคุณแม่บอกว่าถ้าผมโต มีงานทำแล้วจะกลับไปอยู่สารคาม  แต่ไม่รู้จะประกอบอาชีพอะไร คุณลุงว่าเปิดศูนย์คุมองจะเป็นไงบ้างครับ  คุณแม่อยู่ นาดูนครับ

บังกะโลพรึ่บเต็มเมือง-มหาสารคาม เมืองแห่งการศึกษาเปิดเพียบ ผู้ประกอบการเปิดเป็นบังกะโลให้เช่าแบบชั่วคราว-ค้างคืนคล้ายม่านรูด

สร้างก่อนขออนุญาตทีหลัง หากไม่ผ่านยอมถูกปรับวันละ 50 บาท ผู้ปกครองโวยห่างโรงเรียนแค่ 150 เมตร นักศึกษาเผยใช้เป็นรังรักชั่วคราวราคาถูก เจ้าของกิจการเผยรายได้ดีกว่าหอพัก

เกิดธุรกิจห้องเช่าแบบชั่วคราวในรูปแบบของรีสอร์ท หรือบังกะโล ให้บริการคล้ายม่านรูด ในหัวเมืองหลายจังหวัดภาคอีสาน เปิดให้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะที่ จ.มหาสารคาม ธุรกิจบังกะโลก็มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วจา กกข้อมูลของนายทะเบียน ผู้ดูแลการจดทะเบียน ปรากฏว่า ใน จ.มหาสารคาม มีอาคารที่เปิดในลักษณะโรงแรม รีสอร์ท และบังกะโล รวมแล้วประมาณ 61 แห่ง อยู่ในเขต อ.เมือง จ.มหาสารคาม 37 แห่ง ต่างอำเภอมีการเปิดดำเนินการ 24 แห่ง ได้รับอนุญาตแล้ว 14 แห่ง ยังไม่ได้รับอนุญาต 47 แห่ง สำหรับสถานบริการที่ยังไม่ได้รับอนุญาต บางแห่งทางราชการได้ลงบันทึกว่าอยู่ในขั้นตอนระหว่างดำเนินการ ซึ่งปรากฏว่าสถานบริการบางแห่งเปิดกิจการมาเป็นเวลานานนับสิบปี ก็ยังคงอยู่ในขั้นตอนที่อยู่ระหว่างดำเนินการ เพราะมีโทษปรับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เจ้าของกิจการบังกะโลรายหนึ่ง กล่าวว่า ผู้ใช้บริการร้อยละ 50 เป็นวัยรุ่น ข้าราชการมีประมาณร้อยละ 20 เหตุที่เปิดกิจการบังกะโลเนื่องจากลงทุนไม่มาก แต่มีกำไรดี โดยต้นทุนก่อสร้างห้องละประมาณ 200,000 บาท เฉลี่ยรายได้ต่อห้องวันละประมาณ 300 บาท เดือนละประมาณ 9,000 บาท ปีละประมาณ 100,000 บาท หักค่าใช้จ่ายแล้ว ปีหนึ่งจะมีรายได้ประมาณห้องละ 70,000 บาท ใช้เวลาไม่เกิน 3 ปีก็ได้ทุนคืน ซึ่งรายได้ดีกว่าเปิดหอพักที่มีรายได้เดือนละประมาณ 3,000 บาทเท่านั้น ช่วงปิดเทอมก็ไม่มีรายได้

ถนนอันตราย ปัญหาที่ไม่ได้รับการเยียวยา

26 September 2009 One Comment

Rate This

Quantcast

accidentฤดู กาลเปิดเทอมใหม่ปี 2552 ในมหาวิทยาลัยมหาสารคามมีความคึกคักกว่าหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องจราจรบนท้องถนนที่มีรถวิ่งเข้า–ออก ในมหาวิทยาลัยไม่เว้นแต่ละวัน ความคึกคักที่เข้าขั้นวุ่นวายนี้สร้างความหนักใจแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่าง มาก เนื่องจากความไม่สะดวกจากการเดินทางในเวลาเร่งรีบ โดยเฉพาะช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วนตั้งแต่ 08.00-10.00 และ 15.00-19.00 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่มีรถวิ่งบนถนนหลายร้อยคัน ทำให้ผู้ที่เดินทางสัญจรไปมาต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ถนนเส้นหลักที่ตัดผ่านมหาวิทยาลัยมหาสารคาม จากหน้าป้อมตำรวจอำเภอกันทรวิชัยบ้านท่าขอนยางไปจนถึงบ้านขีตำบลขามเรียง ถือเป็นถนนสายสำคัญที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้งสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน ไม่น้อย โดยเฉพาะกับนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามที่จำเป็นต้องใช้ถนนสายนี้ในการสัญจร ไปมา เพราะเป็นทางผ่านไปสู่หอพักต่างๆรวมถึงร้านขายอาหารและร้านสะดวกซื้ออื่นๆ

นายสมศักดิ์ การะเกด อายุ 34 ปี พ่อค้าขายผลไม้ริมถนนท่าขอนยาง-ขามเรียง กล่าว ว่าจำนวนรถที่วิ่งบนถนนสายนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการจราจรบนท้องถนน ทั้งอุบัติเหตุและปัญหาฝุ่นละออง โดยเฉพาะวันที่มีตลาดนัดคลองถมจำนวนรถที่วิ่งบนถนนจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น บางครั้งมีรถติดยาวนาน ทำให้การเดินทางค่อนข้างลำบาก

ตลาดนัดคลองถม ที่มีในตอนเย็น ทั้งที่ตั้งอยู่ในมหาวิทยาลัยและที่ทางโค้งบ้านท่าขอนยางหรือที่นิสิตทั่วไป เรียกกันว่า คลองถมทางโค้ง ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์จะมีความหนาแน่นกว่าปกติ ทำให้การจราจรติดขัด ที่สำคัญตลาดนัดคลองถมทั้งสองแห่งนี้ผลัดมาเป็นประจำตลอดสัปดาห์ จึงทำให้การสัญจรบนท้องถนนสายท่าขอนยาง- ขามเรียง เนืองแน่นไปด้วยรถและมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นให้เห็นจนชินตานางสาวรพี พร ตะบุตร นิสิตชั้นปีที่ 3 คณะ การบัญชีและการจัดการมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เปิด เผยว่า เคยประสบอุบัติเหตุจากการจราจรบนถนนสายนี้สองครั้ง เนื่องจากความไม่ปลอดภัยของพื้นถนนที่ไม่ได้มาตรฐานและความประมาทของผู้ใช้ รถที่ไม่เคารพกฎจราจร ทำให้เกิดความหวาดระแวงในการใช้เส้นทางและเพิ่มต้องความระมัดระวังมากขึ้น

สถิติ การเกิดอุบัติเหตุที่ใช้บริการรถพยาบาลของงานสวัสดิภาพนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคามตั้งแต่วันที่ 1-24 เดือนมิถุนายน พบว่ามีอุบัติเหตุจากการจราจรที่เกิดขึ้นกับนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามจำนวน 39 ราย บุคลากร 2 ราย และบุคคลทั่วไป 13 ราย รวมผู้ประสบอุบัติเหตุจากการจราจรทั้งสิ้น 54 ราย โดยมีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยมหาสารคามจำนวน 17 ราย และภายนอกมหาวิทยาลัยจำนวน 37 ราย ซึ่งยังไม่รวมถึงการเกิดอุบัติเหตุจากการจราจรที่ไม่ร้ายแรงถึงขั้นต้องใช้ รถพยาบาล

ความหนาแน่นและการเพิ่มจำนวนขึ้นของยานพาหนะเหล่านี้ ยังเพิ่มจำนวนของฝุ่นละอองที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ รวมทั้งสร้างความรำคาญแก่ผู้ที่พักอาศัยอยู่ริมถนน นอกจากนี้อาหารที่วางขายข้างถนนตลอดสายมักมีฝุ่นละอองเกาะติด ไม่มีคุณภาพและเสี่ยงต่อการเกิดโรค

ดังนั้นหน่วยงานที่รับผิดชอบควร เร่งป้องกันและแก้ไขปัญหานี้ เช่นการอำนวยความสะดวกในเรื่องการเดินทางแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนและคนเดินทางเท้า ซึ่งอาจเป็นการทำป้ายจราจรหรือสัญลักษณ์จราจรเพื่ออำนวยความสะดวกและป้องกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นในเดินทาง

แม้ปัญหาจราจรบนถนนสายท่าขอนยาง-ขาม เรียงจะยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ แต่ก็ไม่มีใครสามารถรับรองความปลอดภัยแก่ชีวิตและทรัพย์สินของนิสิตหรือ บุคคลทั่วไปที่ใช้เส้นทางนี้ได้ จำนวนรถที่เพิ่มขึ้นในทุกปี อาจกลายเป็นปัญหาเรื้องรังที่สร้างความเหนื่อยหน่ายให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ทั้งเรื่องอุบัติเหตุและฝุ่นละอองที่คละคลุ้งซึ่งอาจนำไปสู่โรคระบบทางเดิน หายใจขั้นร้ายแรง ดังนั้นก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ไขทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงควรหัน มาให้ความสนใจ ตระหนักและรับรู้ว่าปัญหาเหล่านี้ควรได้รับการอย่างเอาใจใส่อย่างจังจริง เสียที

เมืองของแพงจริงๆไม่เฉพาะในงานกาชาดเท่านั้น แต่วิถีชีวิตโดยทั่วไปทั้งเมืองแพงแทบทั้งสิ้น นี่แค่เรื่องอาหารนะ ถ้าไม่นับอาหารอีสานแล้ว อาหารไทย ก๋วยเตี๋ยว อาหารตามสั่งที่นี่แพงไม่สมกับคุณภาพ เพราะคนทำขายมันไม่เคยกินของอร่อย วัตถุดิบห่วยๆคล้ายอาหารสัตว์ เอาแต่เศษกระดูก โครงไก่ เศษเนื้อ มาทำ นับชิ้นได้ ผัดกระเพรามีแต่ถั่วกะข้าวโพด ก๋วยเตี๋ยวมีลูกชิ้นขนาดเล็กๆสองลูก น้ำ้ก็ไม่ร้อนแค่อุ่นๆ ขาหมูก็เหนียวหนืด ดูดูไปคุณภาพอาหารที่นี่ส่วนใหญ่ไม่ควรจะเกินจานละยี่สิบบาทด้วยซ้ำ ถ้าของดีๆอร่อยสะอาดมีคุณภาพแพงเท่าไรก็มีคนกิน ไม่ต้องด่าสาปส่งตามหลัง ผงชูรสใส่เข้าไปให้ตายก็ไม่อร่อย ไม่รู้จักจรรยาบรรณคนทำอาหารขาย ส่วนใหญ่ทำเป็นงูๆปลาๆก็ยังมาทำขาย แล้วยังบริการแย่ บางร้านกวน ต.ด้วยซ้ำ ปากต่อปาก วันหลังใครเขาจะไปกินของมัน เดี๋ยวนี้เขาจึงนิยมทำกินเองดีกว่า กว่าจะหาเจ้าดีๆเจอ ต้องสุ่มเสี่ยงกับความผิดหวังเคียดแค้นกับอาหารเลวๆชั้นต่ำตลอด จึงไม่แปลกที่จะมีร้านใหม่ๆหน้าเดิมๆเปิดๆย้ายๆเจ๊งๆอยู่ทั่วเมือง ถ้าจะลองร้านใหม่ๆต้องถามก่อนว่าเขาเคยกิน หรือเคยเข้าใจอาหารประเภทที่เขาทำมามากแค่ไหนในชีวิตหรือในประเทศไทย คุณภาพ ราคา มันแย่เท่าอาหารของมหาสารคามไหม? ร้านดีๆก็มีแต่น้อยมากๆ ...น้อยจริงๆ(ขอชื่นชมร้านดีๆมีจรรยาบรรณ)

เมืองของแพง แล้งน้ำใจ ไร้มารยาท ขาดวินัย ไม่มีระเบียบ มักง่าย ไม่ยอมรับความจริง

แล้วไอ้พวกส.ส.ในพื้นที่ทั้งหลายที่มันมักพูดว่า ยินดีรับใช้ประชาชนมันหายหัวไปไหนกันหมด ถึงปล่อยให้ชาวบ้านลำบากเดินทางมาถึงทำเนียบ เรื่องสันดานตำรวจที่มหาสารคามมันห่วยสุดๆมีมานานแล้วแต่ไม่เป็นเรื่อง จับหมวกกันน๊อคแมร่ง 2 ทุ่มยังจับเฉยชาวบ้านเดือดร้อนไปตามๆกันเป็นเวลาพักผ่อนต้องวิ่งออกมาแก้ ปัญหาให้ลูกที่บางทีต้องออกไปซื้ออาหารเย็นมาทานกัน แต่ไม่ได้ทานต้องไปโรงพัก ทีแมร่งรถบรรทุกดินวิ่งปล่อยดินหล่นเรี่ยราดเกลื่อนเมือง ไฟท้าย ไฟเลี้ยวก็ไม่มี ไม่เห็นแมร่งจับเพราะรถดินเขาจ่ายค่าอาหารหมามั้ง บ่อนเถื่อน โต๊ะบอล หวย ชุมที่สุดแต่แบะๆๆ มีนายดาบคอยตามเก็บส่วยจัดสรรให้นายมัน ยศแค่นายดายแต่บ้านหลังละเป็นล้านๆ ถ้าประเมินจากรายได้เงินเดือนระดับนี้แล้วไม่น่าเป็นไปได้เพราะอาชีพเสริมก็ ไม่มี สุดทุเรศจริงๆตำรวจเมืองมหาสารคาม ถ้าหน่วยเหนือกล้าเอาจริงลองส่งลูกน้องไปสืบดูสิ แต่ว่าสืบได้ความแล้วฟันจริงๆนะวะ ไม่ใช่สืบได้ความแล้วเรียกมา(แบ่งกันมั่งโว๊ย) ปฏิรูปตำรวจได้แล้ว ลดอำนาจ เลิกยศเพราะมันบ้าดาวกันเหลือเกิน

เอดส์ระบาดเมืองแห่งบังกะโล

นายแพทย์สุชาติ ทองแป้น หัวหน้ากลุ่มงานเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่าโดยรวมสถานการณ์ผู้ป่วยโรคเอดส์และติดเชื้อยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ข้อมูลล่าสุดพบผู้ป่วยเอดส์ในพื้นที่แล้ว กว่า 2,900 รายเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วในช่วงเดียวกัน กว่า 100 ราย ส่วนใหญ่พบในกลุ่มอายุ 25-29 ปี ร้อยละ 28.5

ทั้งนี้ สิ่งที่น่าห่วงซึ่งนับเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขคือเริ่มพบผู้ป่วยเอดส์ และผู้ติดเชื้อมีอาการในกลุ่มอายุน้อยลงกลุ่มอายุที่พบต่ำที่สุดคือ 10-14 ปี ร้อยละ 0.2 จากเมื่อก่อนอยู่ในวัยแรงงานหรือวัยทำงาน จึงขอฝากเตือนถึงพ่อแม่ผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลาน สร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว รวมถึงน้องๆ เยาวชนที่กำลังอยากรู้อยากลอง ขอให้รู้จักวิธีการป้องกันตนเอง ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย นอกจากจะสามารถป้องกันโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้แล้วยังเป็นการ ป้องกันการตั้งท้องที่ไม่พึงประสงค์ อีกทั้งยังช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนที่อาจจะมีการติดเชื้อได้อีกด้วย และในวันที่ 1 ธันวาคมของทุกปีเป็นวันเอดส์โลก

ลูกน้ำ-ยุงลาย ระบาดหนักในมหาสารคามเดือนเดียวป่วยเพิ่ม 100 ราย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 31 สิงหาคม 2555 10:58 น.

   มหาสารคาม - สถานการณ์โรคไข้เลือดออกระบาดเพิ่มไม่หยุด ล่าสุดพบผู้ป่วยพุ่งสูงกว่า 400 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมากว่า 100 ราย ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกพ่นยากำจัดยุง หวั่นหน้าฝนระบาดหนัก

   นายแพทย์ปิติ ทั้งไพศาล นายแพทย์เวชกรรมป้องกัน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า โรคไข้เลือดออกกลายเป็นโรคประจำถิ่น ซึ่งการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นในจังหวัดมหาสารคาม ส่วนใหญ่จะแพร่ระบาดในพื้นที่ซ้ำซาก ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งขณะนี้หลายพื้นที่เริ่มมีฝนตกทำให้การแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้น

   จากข้อมูลระบาดวิทยาสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ ตั้งแต่เดือนมกราคม จนถึงวันที่ 23 สิงหาคม 2555 มีจำนวน 465 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 48.53 ต่อแสนประชากร แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ซึ่งสูงกว่าเดือนที่ผ่านมาถึง 132 ราย

   กลุ่มอายุที่พบมาก คือ กลุ่มอายุ 10-14 ปี รองลงมา คือกลุ่มอายุ 5-9 ปี และ 15-24 ปี โดยพบการระบาดมากที่อำเภอกันทรวิชัย เมืองมหาสารคาม พยัคฆภูมิพิสัย วาปีปทุม และแกดำ

   ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกพ่นสารเคมีกำจัดลูกน้ำยุงลาย เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดของเชื้อไข้เลือดออกตามบ้านเรือน หมู่บ้านที่เคยเกิดการแพร่ระบาด และตามโรงเรียนต่างๆ ในส่วนของประชาชนทั่วไปควรหมั่นสำรวจจุดน้ำขังรอบๆ บริเวณบ้าน กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ใส่ทรายอะเบทในน้ำ และหมั่นสังเกตอาการบุตรหลาน

   ทั้งนี้ หากพบว่ามีอาการไข้สูง หน้าแดง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน และอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ให้รีบพาไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท