ต่อจากความเดิมตอนที่แล้ว...
“บ้าน”...ฉันไม่อยากอยู่ (1)
"บ้าน"...ฉันไม่อยากอยู่ (2)
“บ้าน”...ฉันไม่อยากอยู่ (3) : วัยรุ่น ลมร้อน
เช้าวันนี้...คงไม่มีเหตุการณ์ตื่นเต้นเกิดขึ้นกับชีวิตฉันอีกหลังจากจัดการกับความวุ่นวายเมื่อวานลงได้ และเช้านี้ในขณะที่ดิฉันจัดการเรียนการสอนอยู่ก็มีอาจารย์ท่านหนึ่งมาตามให้ไปรับโทรศัพท์ “อาจารย์วิจิตราเหรอครับ ผม......ครับ อาจารย์ว่างหรือเปล่าครับ เรียนเชิญอาจารย์ที่ห้องนะครับ” ดิฉันรีบถามถึงเหตุผลในการนัดเจอครั้งนี้ ปลายสายบอกถึงเหตุผล... “อะไรนะคะ!! หูดิฉันคงไม่ได้ฝาดไปนะ...ค่ะ!! ค่ะ!! ดิฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ แต่ขอดิฉันมอบหมายงานให้เด็กก่อนนะคะ”.... “ครับ...อาจารย์ ผมจะรออาจารย์ครับ” พูดจบดิฉันใจเต้นตูมตาม โถ!! ชีวิตคุณครู “วิจิตรา”
เปิดประตูห้อง...เอี๊ยด!!!... “สวัสดีครับอาจารย์....สวัสดีค่ะอาจารย์” เสียงทักทายประสานกันจนฉันไม่ทราบจะรับไหว้และทักทายใครก่อนหลังดี...ทั้งครู ทั้งผู้ปกครอง และเหล่าเด็กนักเรียนชายตัวดีของดิฉันนั่งล้อมวงกันที่โต๊ะ นักเรียนของดิฉันนั่งหน้าเขียว ๆ แดง ๆ เหมือนไฟจราจร บางคนหน้าผากบวมเป่งเท่าลูกมะนาว... “ใช่ค่ะ...เมื่อวานเกิดการชกต่อยกันในชั่วโมงเรียนของดิฉัน” ดิฉันรีบเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง และต่อมาฉันได้รับทราบเรื่องราวว่ามีการนัดเจอกันที่หน้าโรงเรียนในตอนเย็นเลิกเรียน...ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน แต่คนหนึ่งแยกตัวออกจากกลุ่มเนื่องจากเป็นเด็กที่ตั้งใจเรียน หลังจากนั้นจึงถูกลอยเพแต่เขาจะมีเพื่อนต่างสถาบันเยอะมาก คู่กรณีอีกฝ่ายเป็นลูกคนมีอันจะกินและภายในกลุ่มจะเป็นเครือญาติกันจึงเป็นกลุ่มที่เหนียวแน่น และทราบว่าหลังจากหมดชั่วโมงเรียนของดิฉันเด็กนักเรียนทุกคนก็เข้าเรียนในรายวิชาอื่น ๆ กันตามปกติ แต่นักเรียนที่แยกตัวออกจากกลุ่มด้วยความโกรธแค้นที่ถูกลุมแบบสุนัขหมู่ในชั้นเรียนจึงโทรไปหาเพื่อนต่างสถาบันให้รวมรวมสมัครพักพวกพร้อมอาวุธครบมือ ทั้งท่อแป๊บ ไม้ มีด ปืน ให้มานั่งซุ่มรออยู่แล้วหน้าโรงเรียนส่วนนักเรียนอีกฝ่ายก็รวบรวมพักพวกเช่นกันแต่เป็นในชั้นเรียน เมื่อคู่กรณีเดินตรงดิ่งไปหน้าโรงเรียนตามเวลานัดหมายคือ เลิกเรียน ในขณะที่เดินข้ามถนนตรงเกาะกลางของถนนซึ่งก็ไม่ทันได้ระวังว่าจะมีเพื่อนมาซุ่มรออยู่แล้ว อีกฝ่ายวิ่งมาตะลุมบอนดูแทบไม่ทันว่าใครเป็นใคร แต่งานนี้รู้ว่าท่อแป๊บถูกใช้ประโยชน์มากที่สุดโดยการทุบตีไปตามร่างกายของคู่กรณีซึ่งได้แต่ปัดป้อง เสียงเอะอะโวยวายทำให้ยามหน้าประตูรีบวิ่งออกไปดูเห็นเหตุการณ์จึงรีบแจ้งไปยังฝ่ายปกครอง และรีบเป่านกหวีด กลุ่มนักเรียนตกใจนึกว่าตำรวจจึงรีบสลายตัวภายในพริบตา เหลือไว้แต่พวกที่โดนทำร้ายนอนสะบักสะบอมเป็นแถวอยู่ที่เกาะกลางของถนน...
ดิฉันถูกเชิญตัวมาเนื่องจากถูกพาดพิงจากเหตุการณ์ต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการยืนยันว่าเด็กไม่ได้โกหก ดิฉันคุยกับผู้ปกครองและนักเรียนอยู่ครู่ใหญ่ ๆ ทุกอย่างคลี่คลายลงไปในทางที่ดี คือ ทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเอาความกันเนื่องจากทุกคนเป็นเพื่อนกินเพื่อนนอนคลุกคลีตีโมงกันมาก่อนและพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็รู้จักเพื่อนของลูกทุกคนเป็นอย่างดี พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเหตุการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นกับลูกหลานของตน เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนรักกันมากแต่ก็ไม่ทราบว่ามีเรื่องบาดหมางอะไรกันจึงทำให้ต้องแยกกลุ่ม ผู้ปกครองคนหนึ่งบอกดิฉันว่าสิ้นเทอมนี้จะส่งลูกชายไปเรียนกรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้เจอหน้ากันเกรงจะมีเรื่องตามมาอีก และนักเรียนส่วนที่เหลือก็ถูกแยกห้อง บางคนย้ายแผนก บางคนพักการเรียน แต่ทุกคนโดนภาคฑัณ...
ฉันนั่งทบทวนถึงเหตุการณ์ดังกล่าว การก่อพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงในแต่ละครั้งของเด็กนั้น มาจากหลายสาเหตุปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมากเพราะโดยส่วนใหญ่แล้วปัญหาจะมุ่งไปทางด้านจิตใจของเด็กโดยเฉพาะ เพราะเหตุที่เกิดไปกระทบหรือบั่นทอนจิตใจจึงทำให้เกิดการไม่ยอมด้วยคนทุกคนมีเกียรติมีศักดิ์ศรีไม่มีใครน้อยไปกว่าใคร แต่นั่นก็ไม่ใช่คำตอบของการเกิดเหตุเสียทั้งหมดยังมีเหตุปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว วัด โรงเรียน ชุมชน สิ่งแวดล้อมที่รายล้อมรอบตัวเด็กล้วนมีผลต่อพฤติกรรมดังกล่าวทั้งสิ้น
บันทึกฉบับต่อไป...ดิฉันขอสะท้อนความคิดของตัวเองซึ่งเป็นครูผู้สอนคนหนึ่งที่มองเด็กและเยาวชนกับความเป็นไปของการก่อเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง และแนวทางในการจัดการแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าวให้ลดน้อยลงไปจากสังคมค่ะ