ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงของหาดใหญ่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2543 เกิดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งในทันทีและต่อเนื่อง หากไม่ได้ร่วมทุกข์ด้วยกันในภาวะพิบัติครั้งนี้ คงยากที่จะมีความรู้สึกร่วมกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้น อุทกภัยครั้งนี้รุนแรงเป็น 2 เท่าของปี 2531 ย่านตลาดกิมหยงแหล่งซื้อหาของกินของใช้ที่นักท่องเที่ยวนิยมน้ำท่วม 2 – 3 เมตร น้ำท่วมครั้งนี้ยาวนาน 3 – 7 วัน ขาดไฟฟ้าขาดน้ำกินน้ำใช้และอาหาร ในพื้นที่ 20 กว่าตารางกิโลเมตร ประชากรเกือบ 200,000 คน คนจำนวนไม่น้อยบ้านชั้นเดียวของเขาถูกน้ำท่วมจมหายไปขาดทั้งที่อยู่อาศัยและทรัพย์สิน ชีวิตนับแสนคนต่างได้ร่วมทุกข์ร่วมกันแต่สิ่งสำคัญประการหนึ่งคือเราได้เรียนรู้ร่วมกันถึงภาวะที่ต้องพึ่งตนเองและพึ่งพาอาศัยกันเพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตในครั้งนี้และในอนาคต
1. เมื่อโรงพยาบาลศูนย์หาดใหญ่ถูกน้ำท่วม
อำเภอหาดใหญ่ มีลักษณะพิเศษทางระบบบริการสาธารณสุขหลายประการจากจำนวนประชากรในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ประมาณ 150,000 คน นอกเขต 150,000 คน และผู้ไม่ได้ขึ้นทะเบียนรวมทั้งผู้เดินทางเข้าออกแต่ละวันอีกกว่า 200,000 คน อำเภอนี้ไม่มีโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์หาดใหญ่เป็นทั้งโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลประจำอำเภอ มีโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีโรงพยาบาลเอกชนอีก 3 – 4 แห่ง มีโรงพยาบาลค่ายเสนาณรงค์ มีคลินิกเอกชนกว่า 100 แห่ง แต่ที่พิเศษคือมีศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลนครหาดใหญ่ อีก 15 แห่ง ซึ่งนอกเวลาราชการมีแพทย์จากโรงพยาบาลหาดใหญ่ไปร่วมให้บริการ 5 แห่ง
แต่เมื่อน้ำท่วมหาดใหญ่ โรงพยาบาลหาดใหญ่ซึ่งเมื่อปี 2531 พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลกระทบนอกจากคลังยาซึ่งอยู่ใต้ดิน ปีนี้น้ำท่วมโรงพยาบาลหาดใหญ่จนถึง OPD และ ER ซึ่งสูงกว่าระดับพื้นดินเกือบ 1.5 เมตร พร้อมกับน้ำท่วมโครงสร้างพื้นฐานของเมืองและตัวเมืองลงไปเกือบ 2 – 3 เมตร อาจจะเรียกได้ว่ามีเพียงโรงพยาบาลสงขลานครินทร์และโรงพยาบาลค่ายเสนาณรงค์เป็นเพียง 2 โรงพยาบาลกับสถานพยาบาลระดับคลินิกหรือศูนย์บริการสาธารณสุขอีกไม่กี่แห่งที่รอดพ้นจากน้ำท่วมครั้งนี้
3 นาฬิกาหลังเที่ยงคืนวันที่ 21 พฤศจิกายน 2543 พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่พักในโรงพยาบาล ถูกระดมกันมาขนยาจากคลังยาชั้นใต้ดิน เจ้าหน้าที่ชายช่วยกันขนกระสอบทรายไปปิดทางลงชั้นใต้ดิน ตึกอุบัติเหตุใหม่ซึ่งเป็นห้องควบคุมระบบไฟฟ้าของตึกใหม่
6 นาฬิกา น้ำท่วมเลยขอบกั้นของชั้น 1 น้ำเข้าคลังยาใหญ่ แต่เราขนได้เกือบ 60 เปอร์เซ็นต์ มากระจัดกระจายอยู่ตึกอำนวยการชั้น 1
7 นาฬิกา มีเสียงเรียกใครเป็นผู้ชายไปช่วยขนกระสอบทรายจากห้องควบคุมมากั้นน้ำที่โรงไฟฟ้าเก่าเพราะน้ำสูงเกินที่จะกันที่ตึกใหม่ได้แล้ว
9 นาฬิกา หลังจากทุ่มเทปกป้องจุดวิกฤต น้ำเริ่มทรงตัว หาดใหญ่น้ำท่วมหมดแล้ว ผู้มีประสบการณ์น้ำท่วมปี 2531 บอกว่าน้ำท่วมเท่ากับปี 2531 แล้ว ไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดับ น้ำประปาหยุดไหล โทรศัพท์ไม่สามารถใช้งานได้ ถัดจากนั้นอีกครึ่งชั่วโมง ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินของโรงพยาบาลขัดข้อง
10 นาฬิกา ความไม่แน่ใจว่าระบบไฟฟ้าจะแก้ไขได้หรือไม่ ICU เปลี่ยนเครื่องช่วยหายใจเป็น Bird คลังเลือดเตรียมขนย้ายเลือดไปโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ คนไข้หนักที่ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจที่ใช้ระบบไฟฟ้าเตรียมส่งโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ การเดินทางถูกตัดขาด เรือไม่สามารถเข้าโรงพยาบาลได้เพราะน้ำเชี่ยว รถบรรทุกของทหารได้รับการติดต่อ ทีมทหารถูกส่งเข้ามา เราเปิดประตูทางด้านหลังซึ่งรถชนิดพิเศษซึ่งสูงจากพื้นดินเกือบ 1.5 เมตรเข้ามาได้
11 นาฬิกาถึงเที่ยง เรี่ยวแรงที่ยังมีอยู่ของคนที่สามารถเข้ามาทำงานได้หรือตกค้างจากเมื่อคืน ถูกระดมกันเพื่อเลือกทางรอดที่ดีกว่าให้ผู้ป่วย การลำเลียงโดยทางรถจึงเริ่มขึ้นจนเสร็จสิ้น
ระบบไฟฟ้าฉุกเฉินถูกซ่อมแซมและดูเหมือนว่าจะใช้ได้อีกครั้ง ระดับน้ำเริ่มทรงตัว เราหวังว่าน้ำจะลด คนขับรถเตรียมรถแลนด์รุ่นเก่าซึ่งเราเตรียมไว้ออกหน่วยช่วยผู้ประสบอุทกภัยออกมาเพื่อออกไปติดต่อหาน้ำมันมาใช้กับระบบไฟฟ้าสำรอง เพราะคาดว่าการไฟฟ้าคงหยุดจ่ายไฟต่อเนื่องอีก 1 – 2 วัน (ในความจริงไฟฟ้าถูกจ่ายอีก 5 วันถัดมา) เราหวังว่าน้ำจะลด แต่คงต้องเตรียมการไว้ก่อน รถพอจะวิ่งไปได้โดยยึดกลางถนน ระดับน้ำทรงตัวผู้คนเริ่มเดินไปมาหาสู่กันแต่เราพบว่าหาดใหญ่ได้จมลงใต้น้ำแล้ว ปั๊มน้ำมันต่าง ๆ ถูกน้ำท่วม รถน้ำมันซึ่งต้องมาส่งให้โรงพยาบาลติดอยู่นอกเมือง หน่วยงานต่าง ๆ แม้แต่ดับเพลิงหรือกู้ภัยจมอยู่ใต้น้ำ เรากลับโรงพยาบาลและหวังว่าน้ำจะลด เราคงต้องช่วยตัวเอง ตลอดทางแม้ว่าเป็นวันแรกหลายคนเริ่มพบกับความยากลำบากทั้งการหาอาหารและความเจ็บไข้ไม่สบายของเขา สถานพยาบาลที่ไม่ถูกน้ำท่วมก็ห่างไกลออกไป โรงพยาบาลหาดใหญ่ ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองก็อยู่กลางน้ำเช่นกัน เรายังหวังว่าน้ำจะลดอย่างไรก็ตามเราเปิดประตูด้านหลังให้คนป่วยสามารถเดินทะลุมายังตัวโรงพยาบาลซึ่งยังคงเปิดห้องฉุกเฉินทำการตลอดเวลา ตั้งแต่เช้าเชือกถูกขึงด้านหน้าโรงพยาบาลไว้เพื่อให้คนไต่เข้ามา ชุดชูชีพที่กลุ่มงานเวชกรรมสังคมเตรียมไว้ในการออกหน่วยช่วยผู้ประสบอุทกภัยถูกนำมาให้เจ้าหน้าที่ที่คอยไปรับคนหน้าโรงพยาบาลเรายังหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการบรรเทาทุกข์ให้คนหาดใหญ่
ตั้งแต่เย็นวันที่ 22 พฤศจิกายน 2543 เราได้ประสบกับความรู้สึกร่วมกันการพึ่งตนเองและพึ่งพาอาศัยกันในหมู่ผู้ร่วมทุกข์กันในโรงพยาบาลทั้งผู้ป่วย ญาติและเจ้าหน้าที่ เมื่อเย็นนั้นน้ำเริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ฝนกระหน่ำลงมาอย่างไม่สิ้นสุด ไฟดับทุกอย่างมืดมิด มีแต่แสงจากไฟฉายและเทียนไข ผู้คนที่เดินไปมาหากันไม่สามารถไปมาถึงกันอีก ตึกอำนวยการน้ำเริ่มเข้า ยาจากชั้น 1 ถูกระดมกันไปช่วยขนขึ้นไปชั้น 2 ในโรงพยาบาลอาหารเริ่มร่อยหรอเพื่อเลี้ยงผู้ป่วย ญาติและเจ้าหน้าที่
วันพฤหัสที่ 23 พฤศจิกายน 2543 ระดับน้ำท่วมไม่มีวี่แววว่าจะหยุด ฝนยังคงกระหน่ำ เมืองเงียบสะงัด ทุกอย่างเหมือนกับจะหยุดนิ่งนอกจากสายน้ำ ผู้พักอาศัยในบ้านพักของโรงพยาบาลถูกประกาศให้ย้ายไปอยู่บนตึก รถยนต์จมนิ่งใต้สายน้ำ บ้านอาจไม่ปลอดภัยแม้ชั้น 2 สถานีวิทยุที่ออกอากาศได้เริ่มแจ้งข่าวการขอความช่วยเหลือ เรายังคงไม่มีไฟฟ้า น้ำประปา น้ำฝนพอเป็นที่พึ่ง ผู้ป่วยหนักเริ่มไม่ปลอดภัยในโรงพยาบาลใหญ่ เย็นวันที่ 23 ฟ้าเปิด หน่วยสื่อสารติดต่อกับเฮลิคอปเตอร์ของราชนาวีได้ การลำเลียงผู้ป่วยชุดใหญ่เพื่อส่งไปโรงพยาบาลสงขลานครินทร์จึงเริ่มขึ้น โชคดีที่ตึกใหม่มีลานสำหรับเฮลิคอปเตอร์บนดาดฟ้าชั้น 10 โชคดีที่ทุกคนที่อยู่ในโรงพยาบาลร่วมแรงร่วมใจกัน เปล 1 เปลใช้คนประมาณ 10 คน ผลัดเปลี่ยนกันแบกหามไปทั้งเจ้าหน้าที่และญาติ กว่า10 เที่ยวที่เฮลิคอปเตอร์มารับผู้ป่วยหนักกว่า 60 คนจากโรงพยาบาลหาดใหญ่ไปโรงพยาบาลสงขลานครินทร์
เมื่อเราขึ้นไปชั้นบนสุดของตึกเราได้เห็นโชคร้ายและวิบัติภัยของโรงพยาบาลหาดใหญ่ เราอยู่กลางเวิ้งน้ำสุดลูกหูลูกตา บ้านชั้นเดียวจมอยู่ใต้น้ำ บ้านชั้นเดียวที่ยังเหลืออยู่มีผู้คนขึ้นไปอยู่อาศัยบนหลังคา ท่ามกลางความหนาวเย็นของสายฝน เราได้ตระหนักว่าเรายังห่างไกลจากความทุกข์ของชะตากรรมของคนอีกมากมาย สายน้ำ ความเงียบ ความมืดของค่ำคืนของเรายังอยู่ท่ามกลางหมู่มิตรที่พึ่งพาอาศัยกันได้ แต่คนจำนวนไม่น้อยยังอยู่กับความเดียวดายและหิวโหย เราพลัดพรากจากพ่อแม่และมิตรสหาย แต่เรารู้ว่าเขาอยู่ในที่ปลอดภัย แต่หลายคนไม่สามารถจะรับรู้ได้ เราเริ่มขาดแคลนอาหารแต่หลายครอบครัวไม่มีอาหาร เย็นวันที่ 23 พฤศจิกายน 2543 เมื่อฟ้าโปร่งอยู่ชั่วขณะ เราได้ยินเสียงเฮลิคอปเตอร์บินไปมา แต่เมื่อมืดลงเราได้มีโอกาสแค่รับฟังการเรียกหาความช่วยเหลือผ่านทางสถานีวิทยุสงขลานครินทร์ และสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ซึ่งรับข้อมูลจากกลุ่มผู้ที่ยังมีโทรศัพท์มือถือติดต่อได้ แต่เราก็ตระหนักว่าจริง ๆ แล้วเราได้อยู่ในความมืดมิดและเงียบสะงัดที่ธรรมชาติได้พิชิตพวกเราลงอย่างราบคาบ เสียงขอความช่วยเหลือครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งไม่สามารถได้รับการตอบสนอง เรายิ่งตระหนักว่ามีคนอีกมากทุกข์ยากมากกว่านี้หลายเท่าที่ไม่สามารถแม้แต่จะเอาชีวิตรอดจากสายน้ำ ที่หาทางรอดบนความเวิ้งว้างของกระแสน้ำรอบด้าน (เมื่อน้ำลด 1 เดือนถัดมาผู้เขียนได้ตระหนักถึงวุฒิภาวะของคนหาดใหญ่ที่ผ่านภัยพิบัติอย่างตระหนักต่อตนเองและการดำรงอยู่ของชีวิต) ความเงียบและมืดมิดของคืนวันที่ 23 สายฝนที่โปรยปรายเป็นระยะ ความคิดคำนึงของแต่ละคนคงล่องลอยไปตามความเชี่ยวกรากและมืดมนของกระแสน้ำที่ตนเองได้ประสบ
เราต่างประสบภัยพิบัติครั้งนี้ในห้วงน้ำต่อเนื่องมาอีก 2 วัน หลายพื้นที่กินเวลาเกือบ 1 สัปดาห์ แต่วิบัติภัยต่อเนื่องจากความสูญเสียยังยาวนานกว่านั้น โรงพยาบาลเองคงต้องอาศัยเวลาฟื้นฟูเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 1 เดือนและอีกยาวนานจากนั้น ประชาชนหรือแม้แต่พวกเราเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ประสบภัยพิบัติทั้งชีวิตทรัพย์สินยังคงประเมินไม่ได้ว่าเราจะสามารถฟื้นฟูมันให้กลับสู่สภาพเดิมได้หรือไม่ หรือได้เมื่อใด แต่ที่สำคัญคงเป็นความทรงจำที่ดำรงอยู่ แม้ว่าหลายคนอาจจะเก็บมันไว้ลึก ๆ เพื่อไม่ให้มันแปรเป็นความเศร้าโศกจากความสูญเสียที่เกิดขึ้น
ปล.เป็นความรู้จากเอกสารที่ผมได้รับมาจาก นพ.อมร รอดคล้าย ตามบันทึก ก็เพราะ GotoKnow.Org อีก(ครั้ง) ครับ
อ่านต่อ ตอนที่ 2 บทที่ต้องเรียน และ ตอนที่ 3 หลังอุทกภัยผ่านไป
ไม่มีความเห็น