Dr. Kao ผู้อาวุโสซึ่งทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้นักวิจัยใน ITRI เป็นคนที่มีบุคลิกยิ้มแย้ม ละมุนละไม คล้าย ๆ กับท่านอาจารย์ (รัฐมนตรี) ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ถ้ามีการโหวตก็คงเป็นคนหนึ่งที่น่าจะได้รับคะแนนสูงสุดในบรรดาวิทยากร เขาผู้นี้ได้ให้คำถามเชิงปรัชญาที่ลึกกว่าและเป็นสากลกว่า NSDB ด้วย นั่นคือให้เรา...
สองคำถามนี้ องค์กรวิจัยเชิงอุตสาหกรรมควรจะต้องตอบตัวเองให้ได้โดยเร็ว
ข้อคิดหนึ่งก็คือ การรู้จักลูกค้าของเราเท่านั้นไม่พอ เราต้องรู้จักไปถึงลูกค้าของลูกค้าด้วย หรือบางทีก็ต้องรู้จักแม่ของลูกค้า เมียของลูกค้า เป็นต้น (เช่นกรณีผ้าอ้อมเด็ก คนซื้อไม่ใช่คนใช้) กลไก NSDB จะช่วยให้เราเกิดวัฒนธรรมใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับการเข้าไปดูความต้องการของผู้ใช้มากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
กลไกเสริมในเรื่องนี้ที่จำเป็นต้องมีคือ market intelligence, industry analysis มิฉะนั้นผู้วิจัยจะทำการบ้านไม่ถูกว่า จะเอาอะไรไปคุยกับลูกค้า หรือแนะนำลูกค้าอย่างไร ในจังหวะเวลาไหน
อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะมีประโยชน์หากนำมาใช้กับองค์กรวิจัยของไทยได้ คือการต้องมี Control Gate ในแต่ละขั้นตอนของการบริหารโครงการ/โปรแกรม เมื่อผ่าน gate ที่ 1 จึงจะไปถึง gate ที่ 2 ฯลฯ
นอกจาก Control Gate แล้ว ยังต้องกำหนดให้มี Decision Check Point (DCP) เืพื่อให้แน่ใจว่าเกิดการตัดสินใจเมื่อต้องตัดสินใจ
จะว่าไป ทั้งสองกลไกนี้เป็นส่วนหนึ่งของ technology roadmap (TRM) อยู่แล้ว
ไม่มีความเห็น