ได้ทราบข่าวจากท่านอาจารย์วิจารณ์ พานิช ว่าอยากจะให้พวกเราแจ้งเรื่องดี ๆ ในทุกมุมของสังคมเข้ามาในแพลนเน็ต goodnews จึงขออนุญาตเล่าเรื่องดี ๆ ที่เกิดในสุพรรณบุรี บ้างนะคะ ก็ไม่ทราบว่าจะพอเข้าเค้าหรือไม่ ลองดูค่ะ
คือเมื่ออังคารที่ 5 ก.ย. ที่ผ่านมานี้ ดิฉันได้มีโอกาสเข้าไปสังเกตการณ์การพบปะพูดคุยระหว่างผู้ปกครองนักเรียนของโรงเรียนวัดท่าไชย โดยที่ผู้ปกครองเขาไม่รู้ตัวว่าเราทำ KM กัน รู้ก็ว่าเป็นการเชิญผู้ปกครองมาประชุม และเหตุที่มาก็เพราะโรงเรียนแจ้งว่าบุตร-หลานของพวกเขาเป็นเด็กเรียนเก่ง มีผลการเรียนดี ทางโรงเรียนจะส่งเสริมให้ลูก-หลานของเขาเก่งยิ่งขึ้นอีก แต่ต้องมารับหนังสือและแบบฝึกที่โรงเรียนจะให้ฟรี ๆ ไปช่วยฝึกที่บ้านด้วย
โดยเฉพาะช่วงนี้ ระหว่างวันที่ 9-19 ก.ย.49 โรงเรียนในสุพรรณบุรีจะปิด เนื่องด้วยคุณครูหลาย ๆ คนต้องไปปฏิบัติหน้าที่ในการแข่งขันกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 35 “สุพรรณบุรีเกมส์” ทางโรงเรียนก็คาดหวังว่าผู้ปกครองจะช่วยกระตุ้น และช่วยสอนลูก ๆ หลาน ๆ ที่บ้านได้ด้วย
ในช่วงเช้าเป็นกลุ่มผู้ปกครองช่วงชั้นที่ 2 (ป.4-6) และช่วงชั้นที่ 3 (ม.1-3) และในช่วงบ่ายเป็นกลุ่มผู้ปกครองช่วงชั้นที่ 1 (ป.1-3) เพราะเป็นเด็กเล็ก ๆ พ่อแม่มาประชุมเสร็จแล้วจะได้รับลูกกลับบ้านได้เลยในตอนเย็น
จากข้อมูลที่ได้รับจากท่าน ผอ.ฉลวย วงศ์ขวัญเมือง ผอ.รร.วัดท่าไชยแห่งนี้ ทราบว่ากิจกรรมนี้มีนักเรียนได้รับการส่งเสริมถึง 181 คน โดยคิดเป็นนักเรียน 5 คน ต่อ 1 วิชา ชั้นที่อยู่ช่วงชั้นที่ 1 และ 2 ชั้นละ 4 วิชา คือ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และ ภาษาอังกฤษ ส่วนชั้นที่อยู่ในช่วงชั้นที่ 3 ชั้นละ 5 วิชา คือเพิ่มวิชาสังคมศึกษาฯ อีก 1 วิชา
ผอ.ฉลวยแจ้งว่าในช่วงแรกนี้ที่ต้องคัดนักเรียนในจำนวนเท่านี้ซึ่งเป็นเด็กเรียนดีก็เพราะโรงเรียนมีงบประมาณอยู่น้อย ใจจริงอยากจัดให้นักเรียนมากกว่านี้แต่ตอนนี้ยังไม่มีทุน ครูทุกคนก็กำลังคิดหาวิธีอยู่ เผื่อปีหน้าจะขยายเพิ่มขึ้น และจะลองดูในรอบนี้ก่อนว่าจะได้ผลดีขึ้นอย่างที่คาดหวังหรือไม่ ซึ่งดิฉันก็ว่าถ้าครูช่วยสร้าง ผู้ปกครองช่วยเสริม ครูช่วยนำ ผู้ปกครองช่วยหนุน ช่วยกันแบบนี้น่าจะไปได้ดี ขอให้โรงเรียนแข็งขันอย่าแผ่วเป็นใช้ได้
เรื่องการกวดขันการเรียนให้บุตร-หลานนั้นถ้าเป็นในตัวเมืองที่ผู้ปกครองมีความรู้สูงสักหน่อยก็มักจะเห็นความสำคัญ โดยอาจจะสอนเสริมได้เองหรือให้ไปเรียนเสริมจากที่ต่าง ๆ ก็ตาม แต่ระดับบ้านนอกอย่างเรา ลุง-ป้า-น้า-อา ทั้งหลายท่านก็ไม่ค่อยได้สนใจเนื่องจากภารกิจการทำมาหากินนั้นก็เหนื่อยพอแรงอยู่แล้ว เพราะส่วนใหญ่จะมีอาชีพรับจ้างทั่วไปกันซะเยอะ เรื่องเรียนของลูก-หลานก็ปล่อยให้ครูเขาจัดการไป
ดังนั้นการมาพบกันในครั้งนี้ได้ช่วยให้ผู้ปกครองเรียนรู้ด้วยกันเองว่า บางคนนั้นมีเทคนิควิธีการดูแลลูก-หลานของเขาอย่างไร จึงมีผลการเรียนดีตั้ง 4-5 วิชา ในขณะที่บางคนมีลูกที่มีผลการเรียน 1 หรือ 2 วิชา โดยที่คุณครูไม่ต้องคอยบอกเชียว
ดิฉันไปสังเกตว่าบรรยากาศการแลกเปลี่ยนนั้นดีทีเดียว แรก ๆ ก็ขัดเขิน แต่พอมีคนเริ่มไปบ้างคราวนี้ก็อยากจะพูดคุยกันมากขึ้น มีบางคนนำเสนอวิธีดูแลลูกที่ดิฉันคิดไม่ถึงว่า ป้า ๆ ลุง ๆ ชาวบ้านอย่างเราจะรู้จักใช้ เช่นบอกว่า
เขาจะกอดและหอมลูกทุกวันก่อนไปโรงเรียนและเมื่อกลับมาจากโรงเรียน ตั้งแต่ลูกเด็ก ๆ จนกระทั่งตอนนี้ลูกโตอยู่ชั้นมัธยมฯ แล้ว ก็ยังกอดและหอมลูกอยู่ (ทำให้นึกถึงตอนที่ตัวเองยังเด็ก ๆ แม่ของดิฉันไม่เคยทำอย่างนี้เลย แม่บอกว่าอายเขา…จะไม่ยอมให้เรากอดทั้งที่เราอยากกอดและหอมแม่บ้าง…จึงแอบนึกชื่นชมคุณน้าท่านนี้ไม่ได้ที่แสดงความรักต่อลูกโดยใช้สัมผัสทางกายเสมอ ๆ) และจะถามลูกทุกวันว่ามีการบ้านไหม ให้ทำการบ้านก่อนแล้วค่อยช่วยงานบ้าน คุณน้าบอกว่าลูกสาวตั้งใจเรียนและมีความผูกพันกับแม่ เชื่อฟังแม่และไม่ดื้อรั้น…ฟังแล้วชื่นใจค่ะ
มีคุณพี่ผู้ชายท่านหนึ่งคนนี้เขามีลูกชายเรียนอยู่ชั้น ป.5 บอกว่าการดูแลนั้นต้องเน้นเรื่องให้กินข้าวเช้าทุกวันจะได้มีเรี่ยวแรงไปเรียน ท้องอิ่ม สมองจะได้ปลอดโปร่ง และที่น่าสนใจอีกอย่างคือคุณพี่เขาบอกว่า เน้นให้ออกกำลังกาย ให้เล่นกีฬา จะได้แข็งแรงไม่ขี้โรค แล้วจะได้ไม่มีเวลาไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับยาเสพติดอีกด้วย…เป็นไงคะ ชาวบ้านเดี๋ยวนี้เขารู้จักการรักษาสุขภาพกันเป็นอย่างดี แสดงว่าอนามัย / สาธารณสุข เขาทำงานเผยแพร่ความรู้กันดีเข้าถึงชาวบ้านค่ะ
ที่จริงยังมีเรื่องเล่าดี ๆ ของผู้ปกครองบรรดาลุง-ป้า-น้า-อาอีกหลายคน และยังมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในโรงเรียนแห่งนี้อีกหลายเรื่องด้วยกัน ดิฉันนั้นชื่นชมว่า ท่านผอ.ฉลวย ท่านเป็นคนใส่ใจในเรื่องของการพัฒนาส่งเสริมนักเรียนทุก ๆ ด้าน แต่ไหนแต่ไรมากิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ ก็เป็นเพราะทั้งผู้บริหารฯ และคุณครูทุกคนต่างทุ่มเทประโยชน์ให้กับลูกศิษย์ทั้งนั้น ดูเหมือนทุกคนทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย ทั้งงานวิชาการ งานกิจกรรมนักเรียน ที่มุ่งพัฒนาลูกศิษย์ให้เป็นคนดี คนเก่ง และอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุข และคิดว่า เวลาที่เหลืออีก 8-9 ปีก่อนเกษียณ ผอ.ฉลวย ท่านก็จะไม่หยุดการทำงานเพื่อลูกศิษย์ และก็จะพาครูทำเรื่องดี ๆ ให้กับลูกศิษย์อยู่เสมอ
ดูเหมือนว่าดิฉันจะชื่นชมผู้บริหารฯ และครูในโรงเรียนนี้เสียเหลือเกิน ที่รู้ความเป็นมาเป็นไปของที่นี่ก็เพราะว่า สมัยก่อนที่ดิฉันยังเป็นครูน้อยในโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอสองพี่น้องนี้ เคยคิดอยากเขียนย้ายมาเป็นครูที่นี่ เพราะศรัทธาในลักษณะการทำงานของผู้บริหารฯ และคุณครูทุกคนที่นี่ แม้จะเป็นโรงเรียนที่อยู่ไกลจากบ้านของดิฉันอยู่มากก็ยินดีจะมาร่วมงานด้วย แต่ด้วยโชคชะตามานั่งในตำแหน่งศึกษานิเทศก์เสียก่อน ที่ตั้งใจไว้เลยชวดไป
เนื่องจากโรงเรียนมีเรื่องดี ๆ เยอะ เล่าสามวันก็ไม่จบ เอาเป็นว่าคราวหน้าดิฉันจะเล่าเรื่องการใช้ ICT ในการเรียนการสอนของโรงเรียนนี้ดูบ้าง เพราะเขาเป็นโรงเรียนประถมฯ ที่เด่นเรื่องนี้อยู่พอควร สำหรับใครที่อยากจะมาเยี่ยมชม หรือดูงานที่โรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งทราบว่าทางโรงเรียนรับแขกอยู่บ่อยครั้ง ติดต่อได้ที่ ผอ.ฉลวย วงษ์ขวัญเมือง ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดท่าไชย (ประชานุกูล) ต.บ้านท่าไชย อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี โทร.035-417-111 หรือ โทร.081-928-9045 อีเมล์ [email protected] หรือจะลองไปเยี่ยมชมทีเว็บไซด์ของโรงเรียนดูก่อนที่ http://www.thachi.com ก็ได้ค่ะ
ขอบพระคุณท่านอาจารย์ ดร.จันทวรรณ มากค่ะ ตามไปดูในบล็อกของคุณหญิง และได้ทราบเรื่องแล้ว ดีใจมาก ๆ ค่ะ เป็นรางวัลที่มีคุณค่าทางจิตใจ และเป็นกำลังใจในการทำงานเพื่อการศึกษาต่อไปค่ะ
ขอแสดงความยินดีด้วยคนครับ อ.เขียนน่าอ่านและได้สาระมากครับ