ชีวิตคือความใส่ใจในแต่ละขณะ


การรับรู้ในแต่ละขณะ คือชีวิตของเราที่เป็นอยู่ในขณะนั้น

ณ ขณะนี้มีหลาย ๆ สิ่งเกิดขึ้นต่อหน้าเรา มีการกระตุ้นการรับรู้ของเราอยู่ตลอดเวลา  สมองของเรากำลังรับข้อมูลอยู่ว่า ตอนนี้มือขวาของเรากำลังทำวางอยู่บนเมาส์ มือซ้ายกำลังวางบนโต๊ะ เสียงเพื่อนข้างๆ พูดเรื่องวันหยุด อย่างไรก็ตามเราคงจะยังไม่ใส่ใจต่อข้อมูลที่ได้รับ จนกว่าจะได้อ่านมาถึงตรงนี้ มีข้อมูลต่าง ๆ มากมายเข้าสู่การรับรู้ของเราอยู่ตลอด แต่คนเรามีสมองที่คอยทำงานกลั่นกรอง เลือกรับรู้เฉพาะข้อมูลที่ใส่ใจในขณะนั้น ไม่อย่างนั้นเราคงเต็มไปด้วยข้อมูลไปหมด จนทำอะไรไม่ถูก

จะเห็นว่า ข้อมูลที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจนั้นจะทำให้เราเกิดความไม่สบายใจได้   ก็ต่อเมื่อมันสามารถผ่านการกลั่นกรองเข้ามาสู่การรับรู้ของเรา เรารู้สึกเจ็บปวดก็ต่อเมื่อเรา   ใส่ใจรับรู้ว่าเรากำลังเจ็บปวด

เราคงเคยได้ยินว่า ขณะเกิดอุบัติเหตุ คนเรายังทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง แม้จะบาดเจ็บอยู่ แต่พอวิกฤติการณ์นั้นผ่านพ้นไปแล้วกลับรู้สึกเจ็บปวด หรือหมดสติไป   คนที่ถูกสะกดจิตเราสามารถแทงเข็มทะลุผิวหนังได้ โดยที่เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด

สิ่งที่เกิดขึ้นกับความคิดก็เป็นเช่นเดียวกัน เมื่อเราไม่ใส่ใจต่อความคิดหรือความรู้สึกที่เศร้า เราก็จะไม่เศร้า ในขณะที่คนที่กลัวการเดินทางโดยเครื่องบิน กำลังรู้สึกอร่อยอยู่กับรสชาติของอาหาร ความกลัวนั้นก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา

ความรู้สึกต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในตัวเราทั้งที่ดีและไม่ดีล้วนเป็นไปตามหลักการนี้ทั้งสิ้น    ความชื่นชมต่อนาฬิกาใหม่ของเราหายไป เมื่อเราเกิดรู้ว่ามันเป็นของปลอม   ความรู้สึกโรแมนติคที่มีต่อแฟนหายไป เมื่อหัวหน้าโทรศัพท์มาตำหนิเรื่องงาน

การรับรู้ในแต่ละขณะ คือชีวิตของเราที่เป็นอยู่ในขณะนั้น

ชีวิตคือสติในปัจจุบันขณะ

หมายเลขบันทึก: 89912เขียนเมื่อ 12 เมษายน 2007 10:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 มีนาคม 2012 17:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)
 แต่ความรู้สึก มักจะผันแปลรวดเร็ว สลับสับเปลี่ยนเหมือนไม่ทันรู้ว่าทำอะไร เป็นความขาดสติใช่ไหมคะ
  • ใช่ครับ เห็นด้วยครับ
  • และหากรับรู้แล้วปล่อยวาง ให้มันแค่ผ่านมาและไปเท่านั้น
  • แต่ยากที่สุดเลย
  • มีแต่ไหลไปตามความรับรู้นั้น นาน ไม่นานขึ้นกับแต่ละคน  เพราะเราไม่ได้ฝึกมาอย่างนั้น ชีวิตเราถูกฝึกการรับรู้และลิ้มรสของการรับรู้นั้น
  • ให้สติดีครับ บันทึกนี้
  • อ่านแล้วคิดตาม ก็เป็นอย่างที่คุณหมอเขียนจริง ๆ ด้วยค่ะ
  • ขอบคุณมากค่ะ ที่เขียนได้เห็นภาพชัดเจน ทำให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติมค่ะ
  • อ่านแล้วก็เห็นด้วยค่ะ แต่ก็เป็นการยากมากจริงๆที่จะไม่ใส่ใจต่อความคิดความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาในแต่ละวันเหตุจากข้อมูลที่ได้รับมากมายซึ่งขาดการกลั่นกรองอย่างที่ อจ.ว่า บางครั้งทำให้เราเศร้าหมอง เจ็บปวด และบั่นทอน ในการหาวิธีแก้ไขเหมือนการบาดเจ็บทางจิตใจ คงต้องใช้เวลาฝึกฝนการเลือกรับรู้ข้อมูลค่ะ
  • ขอนำพรปีใหม่ไทย สุขกาย สุขใจ ในเทศกาลเย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์นะคะ

อ่านแล้วนึกต่อไปถึง ละครทีวีเรื่อง House ค่ะ

(ถ้าใครกลัว spoiler อย่ากด link อ่านนะคะ) 

ขอเล่าแค่สั้นๆว่ามีคนไข้เป็น conversion syndrome 
อาการทั้งหมด ไม่ว่าจะรู้สึก เวียนหัว อาเจียน ผื่นขึ้น ล้วนเกิดขึ้นมาเพราะในหัวคิดไปเอง กลัวติดโรคจากคนที่อยู่ใกล้มากซะจน จิตทำให้ร่างกายป่วย

สัญญา กับ สังขาร แรงมาก สติแพ้ รูป และ เวทนาเลยกลายร่างตามสังขารพาไปซะนั่น

ร่างกาย จิตใจเรานี่ มหัศจรรย์จริงๆเนอะคะ 

สวัสดีปีใหม่ค่ะ : )

 

 

ขอบคุณ คุณ ตันติราพันธ์ บางทราย มะปรางเปรี้ยว Laddawan และอ.มัทนา ที่แวะเยี่ยมครับ 
คุณบุญรุ่งครับจิตคนเราวิ่งเร็วมากๆ เผลอแป๊บเดียวไม่รู้ไปไหนต่อไหน ต้องฝึกสติมาคอยกำกับ 

ุณบางทราบและคุณโต้งครับ  ใช่ครับเรื่องนี้อ่านแล้วพอเข้าใจแต่ทำยากครับ โดยเฉพาะเวลาเรื่องแรงๆ มากระทบ ต้องอาศัยการฝึกพอสมควรเลยทีเดียว ขนาดว่าฝึกมาดีแล้วบางครั้งพอเจอเข้าจริงๆ ก็เป๋ได้เหมือนกันครับ

 อ.มัทครับ รู้สึกผมจะเคยอ่านของอ.สมชัย ที่ศิริราช ท่านเสนอชื่อโรคกลุ่มนี้ว่า โรคกายเหตุจิต สั้นๆ ได้ความหมายอย่างที่อ.มัทอธิบายไว้เลย เรื่องน่าสนใจนะครับ

 

สวัสดีค่ะอาจารย์ ^__^

"ชีวิตคือความใส่ใจในแต่ละขณะ " คำพูดประโยคนี้แม้สั้น กินความหมายลึกซึ้ง เข้าถึงสัจธรรมมากมายจังเลยค่ะ

ยิ่งคิด.. ยิ่งขยายกว้างออกไปได้เรื่อยๆ

ขอบคุณมากค่ะ

^__^

โปรดช่วยแนะนำกิจกรรมกลุ่ม หรือเดี่ยว(รายบุคคล) ที่จะให้คนที่เป็นผู้ใหญ่ทำงานแล้ว "รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้"

ผมกำลังออกแบบการเรียนการสอนวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตและงาน

ขอบคุณครับ

ชีวิต คือ ...

ผมคิดว่าคุณหมอคงไม่ได้ตั้งใจให้คำจำกัดความของคำว่าชีวิต แต่อยากบอกว่าชีวิตที่ดีควรเป็นอย่างไร

อ่านบันทึกนี้ของคุณหมอแล้วนึกนึงคำสอนของเซน (พุทธญี่ปุ่น) "ด้วยเหตุที่ไม่รู้ตัวอยู่ทุกขณะจิต เมื่อเกิดความคิดขึ้นจึงตั้งตัวไม่ติด พลัดตกลงไปในกระแสความคิดนั้น"

เพื่อนผมคนหนึ่งบอกว่า ชีวิตเป็นอะไรที่สลับซับซ้อนจนยากที่ภาษาธรรมดาจะอธิบายได้ บางครั้งมีปัญหามีความในใจที่บรรยายออกมาไม่ได้ ต้องใช้สัญลักษณ์ ภาษากวี นิทาน และคำพูดที่ดูเหนือจริง เหนือเหตุผลที่คนทั่วไปเข้าใจ หลายเรื่องของชีวิตจึงเป็นสิ่งที่ต้องเข้าถึงด้วยการสัมผัสเองโดย "ประสบการณ์ตรง"

เซนไม่ให้ความสำคัญกับการอธิบายอะไรมาก ไม่ต้องยกเหตุผลด้วย ให้สัมผัสเองด้วยประสบการณ์ตรงของตนเอง "ไร้คำพูด ไร้คำอธิบาย ไร้คำสอน ไร้ความรู้" ผมตีความเอาเองว่าคำว่า ไร้ หมายถึง อย่าไปยึดติด เพราะ "ยึดมั่นคราใด เป็นทุกข์ครานั้น"

โปรดสังเกตุคำ "ไร้ความรู้" คือไม่ต้องไปยึดติดแม้กระทั่งตัวความรู้ (หลุดกรอบไปเลย)

ผมก็เป็นทุกข์บ่อยเพราะ "เผลอตัว" (ไม่รู้ตัว) เช่น มีปัญหาในระดับบริหาร คุยกันไม่รู้เรื่องกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย รู้สึกเครียด พอออกต่างจังหวัดไปตามศูนย์เรียนรู้ต่างๆ พบคนทำงานในสนาม พบนักศึกษา มีเรื่องดีๆ (ที่น่าทึ่ง) เต็มไปหมด ตั้งหลักขึ้นมาได้ เอ๊ะก็ผลมันออกมาดีนี่ ข้างบนนั้นเถียงเรื่องอะไรกันอยู่ ไร้สาระ เราเองก็ร่วมวงไร้สาระมากับเขามาด้วยหรือนี่!!!

 

คุณสุรเชษฐ ครับ ขอบคุณที่ช่วยให้ข้อคิดที่ดีๆ เพิ่มเติมครับ 

"ด้วยเหตุที่ไม่รู้ตัวอยู่ทุกขณะจิต เมื่อเกิดความคิดขึ้นจึงตั้งตัวไม่ติด พลัดตกลงไปในกระแสความคิดนั้น"

ประโยคนี้ดีจังเลยครับ  ขอเอาไปจำไว้เตือนใจนะครับ 

ใช่ครับ เรื่องนี้ผมไม่ได้หมายถึงความหมายของชีวิตครับ เพราะไม่มีปัญญาไปให้ความหมายกับเขา แสวงหาเขาจนเหนื่อยแล้วครับ หลังๆ เลยเปลี่ยนมาว่าจะทำอะไรดีครับ แค่เรื่องจะทำอะไรดี นี่ก็แทบจะไม่ไหวแล้วครับ เลยมาตั้งตัวที่คำว่าอยู่กับปัจจุบัน ทำแต่ละวันให้ดีๆ เนี่ยละครับ ผมเองก็ทุกข์เพราะเผลออยู่บ่อยๆ ครับ บางทีก็นึกขำว่าบางเรื่องที่หงุดหงิดมันไร้สาระสิ้นดี แบบพอเรามองมันแบบตลกๆ เรื่องมันก็กลายเป็นไม่เป็นเรื่องไปซะนั่น

โจทย์เรื่องโปรแกรมรู้จักตนเองที่คุณสุรเชษฐ  ต้องการนั้น พอดีผมมีเพื่อนร่วมงานที่เขาถนัดครับ  ไว้แล้วอาทิตย์หน้าผมเจอเขา จะถามให้นะครับ

ขอบพระคุณมากครับ จะคอยติดตามครับ

ระหว่างรอนี่ เผอิญผมได้อ่านเรื่อง Ka-Poom มาทำอะไรที่ระยอง  น่าสนใจดีนะครับ ไม่ทราบว่าตรงกับที่คุณสุรเชษฐต้องการหรือเปล่า

ผมคลิกลิงก์ไปดูมาแล้วครับ ตรงครับ แต่ไม่มีรายละเอียด เลยขอให้ Ka-Poom มาทำอะไรที่ระยอง ช่วยขยายความจากที่ว่าได้ไปทำอะไร เพิ่ม "ทำอย่างไร" เข้าไปด้วย - ขอบคุณครับ

อ่านแล้วเห็นด้วยค่ะ

ว่าจริงๆๆด้วยนะคะ

ว่าชีวิต คือ ความใส่ใจในแต่ละขณะ

ยิ่งคิดตาม ยิ่งเห็นว่าจริงด้วยค่ะ

 

เป็นข้อคิดที่ดีค่ะ  

ทำให้ใจคอสงบลงมากขึ้น

อืมนั่นสิค่ะ ชีวิตอยู่แค่นี้ เฉพาะหน้าเราตอนนี้นี่เอง

ขอบคุณค่ะ  

 

 เรียนคุณหมอค่ะ

พยายามฝึกตนเองให้อยู่กับปัจจุบันขณะ ค่ะ

แต่ก็อด นึกถึง วันวานยังหวานอยู่ ไม่ได้ ก็มันเป็นความทรงจำดีๆ นะคะ

และเผลอด วาดหวัง ถึงอนาคต ซึ่งเป็นโครงการอันสวยหรู ไม่ได้อีกค่ะ

- Seize the Moment & Enjoy your time ค่ะ  

เหมือนกันกับ  คุณ poo  เลย  กำลังอยู่ในช่วง fall  in love   ก็เลยไม่ค่อยอยู่กับปัจจุบันเท่าไร

คุณ poo และคุณ lek ครับ เห็นด้วยครับ การมีอดีตที่แสนหวานก็เป็นเหมือนมีร่มไม้ชายคาอยู่ในใจนะครับ  ยามใดที่เหนื่อยล้าก็พักหลับตามไปสู่ความสุขในอดีตเป็นครั้งครา  
คุณ lek ยิ่งดีไปกว่านั้นอีกปัจจุบันแสนหวานเลย ดีจัง  ^__^

แวะเวียนกลับมาอ่านอีกครั้ง และแจ้งให้ทราบว่า กำลังฝึกตนเองตามหลักพุทธศาสนา คือการตามรู้กายและจิต  และพอจะเห็นผลบางอย่างบ้างแล้ว แต่ในชีวิตที่อยู่ในสังคม ความต่อเนื่อง เหมือนที่คุณหมอบอก คือรู้ทุกขณะค่อนข้างยากค่ะ แต่จะพยายาม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท