เที่ยวทุ่งหน้าน้ำ (3) : ถอนกล้า .. การงานที่เต็มไปด้วยท่วงท่าแห่งดนตรี


การถอนกล้า ถือเป็นนาฏกรรมที่เต็มไปด้วยศิลปะและท่วงทำนองที่ชวนหลงใหลเป็นที่สุด

บ่ายคล้อยก่อนเข้าสู่ห้วงค่ำของเย็นวานนี้  ฝนตกหนักราวกลับฟ้ารั่วอีกครั้งหลังจากทิ้งช่วงไปเสียนาน   ฝนกระหน่ำเช่นนั้น  ผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงบ้านและท้องทุ่งของตนเอง  รวมถึงการหวนคิดถึงบันทึกเที่ยวทุ่งหน้าน้ำที่ยังเขียนไม่จบและทิ้งร้างไว้เสียพักใหญ่  -

   

ถอนกล้า  หรือที่ชาวบ้านของผมเรียกอย่างคุ้นชินว่า ดกกล้า  คือห้วงบรรยากาศที่ผมอยากจะนำมาบอกกล่าวและเป็นเรื่องเล่าอันต่อเนื่องจากการหว่านกล้าที่เขียนถึงไปแล้วก่อนหน้านี้

หลังจากที่มีการหว่านกล้า หรือ ตกกล้า  ไปสักพัก  ซึ่งใช้เวลาประมาณ  20 – 30  วัน   ต้นกล้าก็สามารถหยัดยืน ชูใบโบกพลิ้วล้อลมและเริงเล่นกับลมฝนอย่างไม่สะทกสะท้าน  และนั่นก็หมายถึงว่า  ต้นกล้าพร้อมแล้วสำหรับการถูกถอนออกจากแปลงนาไปสู่การปักดำ     

   

 

ผมชื่นชอบภาพความเคลื่อนไหวของชีวิตของผู้คนในแปลงนาในช่วงของการถอนกล้าเป็นยิ่งนัก  การเคลื่อนไหวของสรีระประหนึ่งการโยกไหวไปตามเสียงดนตรีแห่งชีวิต   หลังที่ก้มต่ำมือที่ยื่นไปคว้าหมับต้นกล้าและเหนี่ยวดึงขนานกับพื้นเคลื่อนไหลเป็นจังหวะอย่างต่อเนื่องราวกับไม่มีแรงเสียดทานใด ๆ  จากผืนดินที่ซุกหลบอยู่ใต้ท้องน้ำในแปลงนา

   

ภาพของคนในครอบครัวที่สวมเสื้อแขนยาวขาดเว้าแหว่งและเต็มไปด้วยคราบเหงื่อไคลก้ม ๆ  เงย ๆ  ถอนกล้าอยู่ในแปลงนา  คือ  ภาพชีวิต  ที่ผมจดจำอย่างแม่นยำ   บ่อยครั้งผมพาตัวเองเดินเล่นในแปลงนาที่พวกเขากำลังถอนกล้าอย่างไม่รู้เหนื่อย   ผมชอบมองดูหน้าดินใต้ผืนน้ำในแปลงกล้าที่มองเห็นเนื้อดินสีดำเข้ม   รวมถึงเศษกล้าลอยเคว้งอยู่เหนือผิวน้ำอย่างเบาสบาย

   

การถอนกล้า ถือเป็นนาฏกรรมที่เต็มไปด้วยศิลปะและท่วงทำนองที่ชวนหลงใหลเป็นที่สุด  -

การเหนี่ยวดึงต้นกล้าขึ้นมาเต็มกำมือแล้วเอารากต้นกล้าฟาดกับข้างเท้าเพื่อให้ก้อนดินหลุดร่วงออกจากรากต้นกล้า ถือเป็นขั้นตอนที่ต้องใช้ความ ชำนาญ  ระมัดระวังไม่น้อยไปกว่าการถอนกล้า  เพราะแรงเกินไปต้นกล้าก็สุ่มเสี่ยงต่อการบอบช้ำ   เบาเกินไปก้อนดินหรือแม้แต่เม็ดดินก็ยังจะเกาะกุมรากต้นกล้าอยู่เหมือนเคย  จากนั้นก็รวบต้นกล้าเป็นมัด  ขนาดใหญ่   ใช้ตอกมัดให้แน่นและโยนไปรวมเป็นกลุ่มไว้   รวมถึงการใช้มีดอันคมตัดใบมัดกล้าฉึก  เดียวก็เป็นสรรพเสียงที่ผมชอบฟังมากไม่แพ้กัน

   

ผมเคยยืนมองแปลงกล้าจากบนคันนา  .. ภาพที่เห็นคือความพลิ้วไหวของใบกล้าที่เรียวงามและเนียนงามราวกับผืนพรมสีเขียวอันอ่อนนุ่มและเบาบาง   ขณะที่บางมุมก็เว้าแหว่งอันเกิดจากการถูกถอนด้วยแรงคนบางครั้งเมื่อดุ่มเดินท่องเท้าไปในแปลงกล้าก็พานพบแมงดานาว่ายวนอย่างน่ารัก ...

   

บางครั้งผมนั่งอยู่บนคันนาเห็นแต่ละคนแข่งขันการถอนกล้าอย่างสนุก  มีเสียงเพลงเสียงหัวเราะระคนอย่างมีชีวิต   ขณะที่วิทยุทรานซิสเตอร์ก็ทำหน้าที่กล่อมขับอย่างไม่ย่อท้อ  

   

 

(เมื่อครั้งที่ผมยังเด็ก)  ...  แปลงกล้าเป็นเหมือนอีกดินแดนหนึ่งในความนึกฝันของผม..  แปลงกล้า -  เป็นทุ่งหญ้าเขียวงามและอ่อนหวาน,  เป็นราวกับเมืองอีกเมืองหนึ่งที่ตั้งอยู่บนผืนน้ำอันไพศาล   ใต้ผืนน้ำมีผืนดินแผ่นใหญ่ซุกตัวอย่างสงบเงียบ   มีสิ่งมีชีวิตหลากชนิดเคลื่อนตัวอยู่ตามพรมเขียวอันอ่อนหวาน  และภายในดินแดนนั้นก็เต็มไปด้วยเส้นทางอันหลายหลากสาย  .. คดเคี้ยว  วกวน  แต่ก็ชวนให้เดินทางเป็นที่สุด  !

   

และสิ่งหนึ่งที่ผมจดจำได้เสมอก็คือ   ห้วงเวลาของการถอนกล้านั้นมักมีขึ้นในช่วงบ่ายคล้อย  หรือไม่ก็เป็นช่วงเย็นย่ำที่แดดโรยราแสงกล้าไปแล้ว   และมัดกล้าก็จะถูกจัดเรียงไว้เป็นกลุ่มใหญ่   ครั้นรุ่งเช้าหลังการไถคราดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   มัดกล้าเหล่านี้ก็จะถูกลำเรียงไปจัดวางเรียงรายไว้เพื่อรอการปักดำ  ซึ่งเรียกว่า รายกล้า   แต่ภาษาถิ่นอีสานที่บ้านผมคุ้นชินกันในชื่อ  ยายกล้า

   

ผมไม่ใคร่แน่ใจนักว่าปีนี้  ลงน้ำจะมีปลา ลงนาจะมีข้าว    แต่การได้สัมผัสจริงกับนาฏกรรมชีวิตของคนคุ้นเคยที่คุ้นชินอยู่กับวิถีทุ่งนั้น   ผมเห็นพวกเขาไม่เคยสิ้นหวังต่อชะตากรรมเหล่านี้  ..หลังยังคงสู้ฟ้า หน้ายังคงสู้ดิน ... และมีรอยยิ้มแต้มแต่งท้องทุ่งเสมอ    

ผมได้แต่ภาวนาว่า  เข้าพรรษาปีนี้ฝนจะมาเยือนท้องทุ่งอย่างเป็นมิตร ,  ต่อเนื่องและเนิ่นนานอย่างอาทร  มิใช่แห้งโหยร้างหาย  หรือไม่ก็หนักหน่วงจนเป็นพายุท่วมทุ่ง

ผมปรารถนาอยู่อย่างแรงกล้าที่จะเห็นต้นกล้าที่ถูกถอนขึ้นจากแปลงและถูกปักดำลงในผืนดินที่เต็มไปด้วยความหวังเหล่านี้  สามารถเติบใหญ่  ชูใบเขียวงามล้อเล่นกับท้องทุ่ง  รวมถึงการเปลี่ยนสีใบไปสู่การสร้างทุ่งให้เหลืองเรืองรองทายท้าสายลมหนาว 

ทุ่งนาไม่เคยร้างกลิ่นอายแห่งความฝัน ... ผมคิดและเชื่อเช่นนั้นเสมอมา

 

  

 

๑๕  กรกฎาคม..

คืนที่ผมไม่ตก

แต่ต้นกล้าหลายต้นงอกงามและเติบโตอยู่ในหัวใจของผม

หมายเลขบันทึก: 111829เขียนเมื่อ 15 กรกฎาคม 2007 21:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (28)
รูปถ่ายออกมาเหมือนจะไม่ร้อน แต่จริงๆ ร้อนเปล่าครับ?
สวัสดีครับ  บ่าววีร์
P
อากาศวันนั้นไม่ร้อน..  มีฝนโปรยเม็ดเบาบาง  แต่ช่วงนี้ร้อนน่าดูทีเดียว   กระนั้นการงานในท้องทุ่งก็ไม่อาจรอให้อากาศร้อนเลือนหาย  ... ยังคงต้องตรากตรำและสู้ทนต่อไปครับ

สวัสดีครับ

สบายดีนะครับผม เข้ามาแล้วดีมากๆ เลยครับ ทำให้ผมนึกและรื้อบรรยากาศออกมาหมดเลยครับ

ฤดูถอนกล้ากันแล้วนะครับ เร็วจังครับ..ที่บ้านผมยังไม่ได้ทำกันเลยครับ

เดี๋ยวจะตามไปอ่านตอนก่อนหน้านี้ด้วยครับ เคยคิดแผนจะเขียนเรื่องทำนาครับ พี่เขียนแล้วจะดีมากๆ ครับ ผมค่อยมาเสริมครับ

ปล. ผมขอรบกวนสักเรื่องนะครับหากมีโอกาสเหมาะนะครับ คือผมอยากได้ภาพต้นกล้า อ่อนๆ ถ่ายทั้งรากทั้งลำต้น ไม่ทราบจะได้ไหมครับ อยากศึกษาระบบรากต้นกล้าหน่อยครับ ทิ้งมาแสนนานครับ.... หากมีโอกาสประจวบเหมาะนะครับ ผมอยากเห็นโครงสร้างของต้นข้าว โดยเฉพาะรากของเค้านะครับ (หากดูในเนทยากมากๆ ครับ)

วิถีชีวิตเป็นดั่งงานศิลปะ ที่งดงามนะครับ

ผมอ่านบันทึกพร้อมจินตนาการ ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของต้นกล้าไปด้วย มีความสุขดี

ต้นกล้าเขียวขจี กับ ความสดใส ไร้พิษในใจ ของชาวนา

ขอบคุณบันทึก ง่าย  และ งาม ครัม

นึกว่ากล้องช่วยครับ. ผมเคยถ่ายรูปมาแดดร้อนมากๆ แต่รูปออกดูเย็น. -_-! 

สวัสดีค่ะคุณพนัส

  • สบายดีไหมค่ะ
  • การร่วมมือร่วมใจของคนเริ่มหายากแล้วค่ะ
  • ชอบที่จะเห็นอะไรเขียว ๆ สงสัยลมคงเย็นด้วยค่ะ
  • เดี๋ยวนี้การดำนาเริ่มหายไป แต่เป็นการหว่านแทน เพราะง่าย และเร็วค่ะ  แต่ข้าวไม่ค่อยมีคุณภาพ
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับ 

P

ช่วงนี้เป็นหน้านาที่เข้าสู่โค้งสุดท้ายของการปักดำแล้วก็ว่าได้  

ยินดีครับ  ,  จะพยายามถ่ายภาพเกี่ยวกับต้นกล้าดังที่ต้องการให้นะครับ  แต่ไม่แน่ใจว่าตอนนี้จะพอมีกล้าหลงเหลืออยู่บ้างหรือเปล่า  กระนั้นก็จะพยายามอย่างเต็มที่ -

ผมว่าคุณเม้งก็น่าจะเขียนเรื่องการทำนาได้ดี   ส่วนที่ผมเขียนบันทึกนั้นไม่เน้นรายละเอียดเกี่ยวกับการทำนา   แต่เน้นการเล่าเรื่องเชิงความทรงจำเป็นหลัก  ดังนั้นถ้า G2K  ของเรามีคนเขียนเรื่องการทำนาที่เป็นระบบ ขั้นตอนและเน้นสาระความรู้ก็น่าจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว... ผมจะรออ่านนะครับ

และยืนยันจะพยายามบันทึกภาพโครงสร้างต้นกล้าให้นะครับ

ขอบคุณครับ

  • คุณแผ่นดินยังใช้ภาษาบรรยายวิถีชาวิสานได้ดีเหมือนเคย
  • แถมมีรูปภาพเติมเต็มทุกถ้อยคำด้วย
  • มาซึมซับวิถีไทยค่ะ
  • ผมชอบรอยยิ้มของลุงหนวด
  • สวัสดีครับ :-)

สวัสดีครับ คุณพนัส ปรีวาสนา

  • แผ่นดินยังคงมีความหวัง
  • แผ่นดินยังคอยรวงข้าว ฟ่อนข้าว และคันเคียว
  • ภาพชีวิตที่ได้มองเห็น คือ ความจริงของคนไทยที่กำลังเหลืออยู่เพียงบางส่วน
  • ขอบคุณ แผ่นดินที่นำเอามาย้อนรากเหง้า ให้ได้เห็นวิถีชีวิตที่กำลังจะถึง "ขาลง"

 

อ่านและดูสัมผัสได้ถึงกลิ่นไอแห่งท้องทุ่งเลยค่ะ...

เอ๊ วันที่พี่เจี๊ยบไป กทม. แล้วโทรหาพี่พนัส แต่พี่นัสไม่รับสาย คงเป็นเพราะมัวอยู่กะท้องนาจนลืมโทรศัพท์หรือเปล่าคะ

สวัสดีครับคุณแผ่นดิน

ขอบพระคุณมากๆ เลยครับ สำหรับโครงสร้างต้นกล้าครับ ผมกลับไปก็คงจับอยู่กับการเกษตรนี่หล่ะครับ เพียงต้องทำงานมาร่วมกับคณิตศาสตร์คอมพิวเตอร์ เพื่อการเกษตรครับ เราต้องหาแนวทางในการพัฒนาเพื่อทำความเข้าใจการโตของเค้า แล้วสนับสนุนการโตของเค้า และอยู่กับเค้าอย่างเข้าใจครับ

สิ่งที่ผมชอบมากอีกอย่างหนึ่งลืมบอกไปครับ ปกติคนเราอยู่กับลม และลมก็อยู่ในตัวเรา แต่เราไม่สามารถจับลมได้ ไม่สามารถจะทาสีให้กับลมได้ สิ่งที่ผมรู้สึกว่าเราเห็นลมได้อีกทางหนึ่งก็คือ การเห็นการพลิ้วของยอดต้นกล้าอ่อนๆ ครับ จะเห็นแนวการพัดของลมได้เป็นอย่างดีครับ เหมือนว่าลมกำลังวาดภาพบนผืนยอดต้นกล้าอ่อนครับ เวลาผมเห็นต้นกล้าในนาทีไร สิ่งที่ผมคิดถึงคือ เด็กๆ ในประเทศของเราครับ กว่าจะได้ผลผลิตพวกเค้าต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้มากมายครับ ดังนั้นการทำนาคือครูเราเลยครับ เป็นตำราเล่มหนึ่งที่สามารถสัมผัสรับรู้ได้ทั้งกายและใจครับ

ขอบคุณมากครับ

ขอบคุณนะคะ

เรื่องเล่า รูปภาพ ได้บรรยากาศมากๆเลยค่ะ

ทำให้มีโอกาสสัมผัสกับท้องทุ่ง วิถีการงานที่เต็มไปด้วยศิลปะ

รู้สึกสดชื่น มีพลังค่ะ ^__^

สวัสดีครับ คุณเอก

P

ชีวิตของชาวนายังคงเป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย  สมถะ  .. และงดงามเสมอ  หากแต่ในความเรียบงามนั้นก็ยังคงอัดแน่นด้วยการขับสู้กับชะตากรรมอันแร้นแค้นของปากท้องอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

ผมดีใจเหลือเกินครับที่เกิดมาในท้องทุ่งและมีพ่อและแม่ที่ไม่เคยสูญเสียศรัทธาต่อทุ่งข้าว  ..

ขอบคุณครับ -

 

สวัสดีครับ

  • ชอบเรื่องเล่านนี้อีกแล้วครับ
  • ขอบคุณภาพแห่งความทรงจำครับ
  • ครั้งหนึ่ง  นานหลายปีที่ผมได้ทำเช่นนนี้ครับ
  • สนุกมากๆครับ  ตามประสาเด็ก

สวัสดีอีกรอบครับ

P

ยืนยันภาพที่ปรากฏ ตัวจริง เสียงจริง  ไม่มีเทคนิคใด ๆ  .. บรรยากาศสด ๆ  ถูกบันทึกด้วยช่างภาพมือฝึกหัดอย่างผมเอง ...

ผมชอบสีสันที่เป็นธรรมชาติในภาพเหล่านี้มากครับ  ยิ่งสีเขียวอันอ่อนเบาของต้นกล้านั้น  ยิ่งดูยิ่งสดชื่นและมีชีวิตเป็นยิ่งนัก

สวัสดีครับ อ.ราณี

P
  • เห็นเงียบไปนาน  แต่ก็ระลึกถึงเสมอนะครับ
  • ตอนนี้การลงแขกทำนามีให้เห็นน้อยมาก  หรือแทบจะเรียกว่าแทบจะไม่มีแล้วก็ว่าได้
  • แทบบ้านผมยังคงทำนาด้วยการปักดำ.. พึ่งพาดินฟ้าอากาศเหมือนดังอดีตอย่างไม่ผิดเพี้ยน
  • แตกต่างก็แต่การไถคราดที่ใช้ "ควายเหล็ก"  มารับบทบาทแทนควายทุ่ง ..
  • สองสามวันที่ผ่านมาฝนตกหนักและถี่ครั้ง.. ผมเลยอดที่จะเขียนบันทึกในเรื่องเหล่านี้ไม่ได้
  • ทุ่งนาช่วงนี้สีเขียวเริ่มห่มคลุมแต้มท้องทุ่งบ้างแล้วครับ...  ไม่นานต้นกล้าจะยืนต้นเป็น "ต้นข้าว"  เขียวงามระบัดใบและโยกไหวไปตามแรงฝนแลแรงลมอย่างไม่สะทกสะท้าน
  • ถ้ามีโอกาสจะพยายามเก็บภาพต่าง ๆ ไว้ให้มากที่สุดครับ
  • ....
  • หวังว่าอาจารย์คงสบายดีนะครับ
  • ส่วนผมยังคงไล่ล่าความฝันอย่างไม่เปลี่ยนแปลง

สวัสดีครับ

P
  • การเขียนถึงท้องไร่ท้องนา  หรือแม้แต่ความทรงจำในวัยเด็ก
  • ถือเป็นการเยียวยาตนเองจากสังคมที่เต็มไปด้วยความผันแปร
  • และย้ำเตือนถึงรากเหง้าที่มาที่ไปของตนเอง
  • ถึงแม้บางคำ, บางประโยค  จะดูหม่นเศร้าไปบ้าง - แต่ก็ฉายชัดว่าไม่เคยสิ้นหวัง
  • ...
  • ผมมีความสุขเสมอที่ได้เขียนถึงเรื่องเหล่านี้
  • ...
  • ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ

P
  • เท่าที่ผมสังเกตดูลุงหนวด  แกมีความสุขกับหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างยิ่ง
  • นั่นคือ
  • ตัดใบกล้า, และนำมัดกล้าไปวางเรียงรายไว้ตามแปลงนาที่จะปักดำ
  • รอยยิ้มนั้น... ไม่ปรากฏร่องรอยความสิ้นหวังเลยใช่ไหมครับ

สวัสดีครับ

P
  • จริงดังที่กล่าว ,  ช่วงนี้ดูเหมือนภาพชีวิตของชาวนาดังที่นำเสนอนั้นจะเป็นช่วง "ขาลง"  กันทั้งนั้น
  • ลุ้นว่า  อีกไม่นานจะเข้าเดือน 8  ฝนจะมาอีกระลอกหรือเปล่า  ถ้าไม่ตก  เห็นทีนาแล้ง  ข้าวกล้าตายกันทั่วทุ่งเป็นแน่ครับ
  • แต่อย่างไร... ผมก็ไม่สิ้นหวัง
  • และแผ่นดินก็ไม่สิ้นหวังที่จะเห็นข้าวกล้าเติบโตเป็นลมหายใจของท้องทุ่งสืบต่อไป
  • ...
  • ขอบพระคุณครับ

สวัสดีครับพี่พนัส

ผมอยู่ได้สบายทุกวันนี้ ก็เพราะทวด ปู่ย่า ตายาย ที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ส่งพ่อ แม่ ผมได้เรียน

บุญนั้นเลยตกมาสู่รุ่นผม

ใครว่าทำนาง่าย ปีนี้พ่อผมลงมือไปบริหารจัดการทำเอง กลับไปบ้านนอกเกือบทุกเสาร์อาทิตย์

แต่ที่แตกต่างกัน คือ ทุกวันนี้เราเป็นคนทำนาที่เพียงแต่บริหารจัดการ เพราะมีเครื่องทุนแรงเยอะ ทุกขั้นตอน

ต่างกันอดีตที่ต้องหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน ตั้งแต่ควายไถ่ จนเอาขึ้นเล้า ทำเองทั้งสิ้น

ขอบคุณครับ

 

น้องนุ้ย...

P

ช่วงนี้เราวุ่น ๆ อยู่กับการงานเหลือทนเลยนะ   หวังว่าคงมีความสุขกับการทำงานนะครับ

ช่วงแม่หมูไม่อยู่  เป็นช่วงที่ชีวิตสาละวนอยู่กับการเป็นพ่อบ้าน   ไปไหนมาไหนก็หลงลืมโทรศัพท์เฉยเลย

แต่ก็ดีนะ....  สงบเงียบดี

สวัสดีครับ

P

พรุ่งนี้,  คิดว่าจะพาครอบครัวไปท่องเล่นแถวใกล้ ๆ  ที่พัก  เผื่อเจอะเจอผู้คนกำลังถอนกล้า  คงได้เก็บภาพทั้งปวงนั้นมาฝาก .. แต่ตอนนี้ขออนุญาตนำข้อความของคุณเม้งมากล่าวซ้ำอีกรอบ  เพราะผมชอบมาก ..

สิ่งที่ผมชอบมากอีกอย่างหนึ่งลืมบอกไปครับ ปกติคนเราอยู่กับลม และลมก็อยู่ในตัวเรา แต่เราไม่สามารถจับลมได้ ไม่สามารถจะทาสีให้กับลมได้ สิ่งที่ผมรู้สึกว่าเราเห็นลมได้อีกทางหนึ่งก็คือ การเห็นการพลิ้วของยอดต้นกล้าอ่อนๆ ครับ จะเห็นแนวการพัดของลมได้เป็นอย่างดีครับ เหมือนว่าลมกำลังวาดภาพบนผืนยอดต้นกล้าอ่อนครับ เวลาผมเห็นต้นกล้าในนาทีไร สิ่งที่ผมคิดถึงคือ เด็กๆ ในประเทศของเราครับ กว่าจะได้ผลผลิตพวกเค้าต้องผ่านกระบวนการเรียนรู้มากมายครับ ดังนั้นการทำนาคือครูเราเลยครับ เป็นตำราเล่มหนึ่งที่สามารถสัมผัสรับรู้ได้ทั้งกายและใจครับ

...

ขอบคุณครับ

 

 

สวัสดีครับ

P

 

ผมเชื่ออยู่อย่างแรงกล้าว่า  มนุษย์ต่างเรียนรู้จากผืนดินเป็นอันดับแรก ,  ส่วนตัวหนังสือในโรงเรียนเป็นการเรียนรู้ในลำดับต่อมา   แต่สำหรับชาวนานั้น   ท้องนาเป็นหนังสือและคัมภีร์ที่ศึกษาได้อย่างไม่รู้จบเลยทีเดียว

...

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ   ...

P

คิดถึงลูกอีสานที่มีเลือดท้องทุ่งอย่างเข้มข้นเสมอ, นะครับ

ทุกครั้งที่เขียนบันทึกในแนวนี้   ผมก็รู้สึกราวกับว่าตนเองกำลังทำนา - หากแต่เป็นการทำนาใน "นากระดาษ" ... ขณะที่พ่อแม่พี่น้องทำนาอยู่ในท้องทุ่งอันไพศาล

การทำนาในกระดาษ หรือการทำนาบนกระดาษ  ถือเป็นหน้าที่ของลูกชาวนาอย่างผมที่จะต้องบอกเล่าเรื่องราวแห่งท้องทุ่งด้วยถ้อยคำ...และถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่เหล่านี้,  อย่างน้อยก็ได้ยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของพ่อและแม่ที่ยังกรำงานในทุ่งนาอย่างไม่เคยสิ้นหวัง ..

...

ขอบคุณมากครับ

สวัสดีครับ น้องแจ๊ค

P

จริงดังที่แจ๊คว่า หรือตั้งข้อสังเกตนั่นแหละ  คือ ...

ใครว่าทำนาง่าย ปีนี้พ่อผมลงมือไปบริหารจัดการทำเอง กลับไปบ้านนอกเกือบทุกเสาร์อาทิตย์

แต่ที่แตกต่างกัน คือ ทุกวันนี้เราเป็นคนทำนาที่เพียงแต่บริหารจัดการ เพราะมีเครื่องทุนแรงเยอะ ทุกขั้นตอน

....

เครื่องทุนแรงเป็นผลิตผลอันทันสมัยจากมันสมองของมนุษย์ที่ขยับตัวและก้าวก้าวเข้ามา  หรือแม้แต่กระโจนเข้ามาทำหน้าที่ทดแทนวัฒนธรรมการทำนาในแบบดั้งเดิม

การลงแขกช่วยเหลือกันไม่มีอีกแล้ว  หรือถ้ามีก็คงน้อยมาก  แถว ๆ บ้านจ้างดำนาวันละประมาณ 120  บาท,  แต่ฤดูเกี่ยวข้าวจ้างแพงกว่านี้ครับ

....

ดีครับที่ภูมิใจในความเป็นชาวนา... พี่เองก็ศรัทธาต่อวิถีอาชีพนี้เป็นที่สุด

ขอบคุณครับ

แนะนำพิเศษสำหรับชาวอีสานนะคะ http://www.esanclick.com

สวัสดีครับ..วิถีอีสาน

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ นะครับ
ผมเป็นลูกอีสานพันธุ์แท้..
และหลงรักความเป็นอีสานอย่างไม่รู้ลืมเลยทีเดียว
แล้วยังไง จะแวะไปเรียนรู้ที่เว็บนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท