การเป็นตัวของตัวเอง คือ การใช้เวลาที่ตัวเองสามารถทำในเชิงรุก หรือริเริ่มการคิดและทำอะไรได้ด้วยตัวเอง เช่น เวลาที่ใช้สำหรับการคิดปรับปรุงงานด้วยตนเอง จัดทำแผนงานของตัวเอง คิดและตัดสินใจทำด้วยตนเอง ทำการวิจัยและพัฒนาด้วยตนเอง ฯลฯ
จุดแข็ง : มีทิศทางที่ชัดเจนในการนำพาชีวิตตนเองสู่จุดหมายที่ต้องการ สามารถเตรียมความพร้องเพื่อปฏิบัติการได้คล่องตัวกว่า คล่องตัวในการจัดสรรเวลาได้ดีกว่า
จุดอ่อน : เสียเวลาทำต้องลองผิดลองถูกด้วยตนเอง ตั้งต้นทำได้ช้ากว่า
การเป็นคนทำตามผู้อื่น คือ ใช้เวลาที่ตัวเองทำเป็นฝ่ายรับจากผู้อื่น เป็นเวลาที่ถูกผูกพันกับผู้อื่น เช่น ต้องเข้าประชุมตามคำสั่งเร่งด่วนของหัวหน้า เป็นนักเรียนหรือนักสึกษาซึ่งต้องทำตามคำสอนของคุณครู/อาจารย์ เป็นพนักงานใหม่ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างฝึกงาน การเลียนแบบผู้อื่น การแต่งตัวตามกระแสแฟชั่น การซื้อของมาใช้ตามคำโฆษณาในสื่อ ฯลฯ
จุดแข็ง : เรียนรู้ได้รวดเร็วตามแบบที่ดีของผู้อื่น (ผู้สอน) ทำให้ดูกลมกลืนเข้ากับสังคมสิ่งแวดล้อม
จุดอ่อน : ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่อยซึ่งอาจไม่จำเป็น ทำให้มีของติดตัวรกรุงรัง ง่ายต่อการถูกชี้ชวนโดยกระแสทางสื่อต่าง ๆ
ในชีวิตแห่งความเป็นจริงแล้วเราจำเป็นต้องมีการใช้เวลาทั้งสอบแบบ บางครั้งก็ต้องทำทั้งสองแบบคู่กันไป เช่น การเลียนแบบแล้วจึงพัฒนา (C & D : Copy & Development ) หมายถึงการเลียนแบบเพื่อให้ใกล้เคียงกับผู้อื่น แล้วจึงต่อยอดด้วยการพัฒนาด้วยตนเอง เพื่อทำให้ยืนอยู่ในตำแหน่งที่เด่นพิเศษเป็นการเฉพาะตัว (Be Only One มิใช่ Be The Top One)
เป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะตัว มีเสถียรภาพสูง คนอื่นเลียนแบบได้ยาก
เป็นคนสุดยอด หรือเป็นแช๊มป์นั้นมันหนาว มีเสถียรภาพต่ำ เพราะอาจถูกคนมาท้าชิงแล้วโค่นได้ทุกเวลา
ข้อสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะพึงรักษาความสมดุล ระหว่างการใช้เวลาทั้งสองแบบ หรือจะทำไปพร้อมกัน อย่างลงตัวได้อย่างไร ? จึงจะสอดรับกับ "บริบท" ในแต่ละย่างก้าวแห่งการดำเนินชีวิตของเราต่างหาก
สวัสดี คุณอรุฎา นาคฤทธิ์ :