พุทธทำนาย ๑๖ ข้อ (ข้อ๒-ข้อ๕)


พุทธทำนายข้อนี้พอมีตัวอย่างให้เห็นบ้าง เช่นลูกหลานของคนมีเงินและนักการเมือง เรียนจบใหม่ๆก็ลงเล่นการเมือง ได้เป็นรัฐมนตรีก็หลายคน

พุทธทำนาย ๑๖ ข้อ

(ต่อจากบันทึกที่แล้ว ข้อ ๑)

เนื้อหานี้ได้คัดลอกมาจากหนังสือ “พุทธทำนาย ๑๖ ข้อ”ที่เรียบเรียงโดยพระอาจารย์ทูล ขิปปปัญโญ วัดป่าบ้านค้อ จังหวัดอุดรธานี

โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านด้วยนะครับ

สุบินนิมิตข้อที่ ๒

พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสุบินเห็นต้นไม้นานาชนิดที่ยังไม่โตพอที่จะออกดอกออกผล  แต่ต้นไม้เหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยดอกและผล จนกิ่งก้านสาขาแทบจะรองรับดอกผลนั้นไม่ไหว 


พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า

อนาคตต่อไปภายภาคหน้าโน้น เด็กหญิงที่มีวัยอันยังไม่สมควรจะมีสามี  จะแต่งงานมีสามีตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะมีความกระสัน ใฝ่ฝันในราคะตัณหา ใจมีความอยากในกามารมณ์

บางคนมั่วสุมกันเยี่ยงสัตว์ดิรัจฉาน ไม่มีความละอาย  เมื่อตั้งครรภ์ขึ้นมาก็หาวิธีฆ่าลูกในท้องตัวเอง จึงเป็นบาปกรรมต่อไปในภายภาคหน้า

เด็กบางคนยังมีพ่อแม่เลี้ยงดูอยู่บ้าง เด็กบางคนพ่อแม่เลี้ยงดูไม่ไหว จึงปล่อยปละละเลยให้หาขอทานกินตามลำพัง เป็นเด็ดเร่ร่อนจรจัด ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีตระกูล ไม่มีการศึกษา ไม่มีที่พึ่งพา ไม่มีที่อยู่อาศัย ค่ำที่ไหนนอนที่นั่น อดบ้างอิ่มบ้าง น่าเวทนายิ่งนัก

เหตุการณ์อย่างนี้จะมีในภายภาคหน้าโน้น ใครได้ไปเกิดในยุคนั้นสมัยนั้น ก็จะต้องเจอเหตุการณ์อย่างนี้แล

เห็นไหมครับว่า “ภายภาคโน้น” ที่พระพุทธองค์ทำนายไว้ก็คือ “สมัยนี้” นี่แหละ ข่าวเด็กชายรุมโทรมเด็กหญิงมีเห็นทางหน้าหนังสือพิมพ์เป็นประจำ

สุบินนิมิตข้อที่ ๓

พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสุบินเห็นฝูงพ่อแม่โคทั้งหลายพากันดูดกินนมลูกของตัวเอง


พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า

อนาคตต่อไปภายภาคหน้าโน้น พ่อแม่ทั้งหลายจะได้อาศัยกินหยาดเหงื่อแรงงานของลูก อาศัยข้าวปลาอาหาร เครื่องอุปโภคบริโภคต่างๆที่ลูกแสวงหามาเลี้ยงดู พร้อมทั้งเงินทองก็ต้องแบ่งปันให้พ่อแม่ได้จับจ่ายใช้สอย

ในยุคนั้น พ่อแม่ต้องเอาอกเอาใจลูกยิ่งนัก ต้องประจบประแจงลูกอยู่เสมอ ถ้าพูดกับลูกดีๆ ลูกก็แบ่งปันเงินทองให้ใช้บ้าง ถ้าพ่อแม่พูดไม่ดี ก็จะไม่ได้รับส่วนแบ่งอะไรจากลูกเลย

เหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าโน้น

พุทธทำนายข้อนี้  ที่พบเห็นกันอยู่ประจำก็คือรายการ “วงเวียนชีวิต” ที่เสนอทางทีวี แต่ผมคิดว่ายังเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสังคมส่วนน้อยอยู่นะครับ

สุบินนิมิตข้อที่ ๔ 

พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสุบินเห็นฝูงคนทั้งหลายพากันจับลูกโคตัวเล็กๆเข้ามาเทียมแอกเพื่อลากล้อเกวียน เมื่อลากไม่ไหวก็เฆี่ยนตี

พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า

อนาคตต่อไปภายภาคหน้าโน้น คนทั้งหลายจะนิยมเอาเด็กที่เรียนจบมาใหม่ๆไปรับราชการ บริหารงานแผ่นดิน อันเป็นงานที่หนัก

ถึงจะมีความรู้ แต่ก็ขาดประสบการณ์ ขาดความรอบคอบ จึงเกิดความผิดพลาด ล่าช้า ไม่ทันการณ์ ทำให้ประเทศชาติเสียหาย คนจะดุด่าว่ากล่าวต่างๆนาๆ

เหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดมีในภายภาคหน้าโน้น

พุทธทำนายข้อนี้พอมีตัวอย่างให้เห็นบ้าง เช่นลูกหลานของคนมีเงินและนักการเมือง เรียนจบใหม่ๆก็ลงเล่นการเมือง ได้เป็นรัฐมนตรีก็หลายคน

สุบินนิมิตข้อที่ ๕

พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสุบินเห็นม้าตัวเดียว หัวเดียว แต่มี ๒ ปาก กินหญ้าได้ทั้ง ๒ ทาง กินเท่าไรก็ไม่มีความอิ่มพอ 

พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า

อนาคตต่อไปภายภาคหน้าโน้น คนผู้มีหน้าที่ตัดสินคดีความต่างๆ จะใช้อุบายเพื่อเอาเงินจากคู่กรณีทั้ง ๒ ฝ่าย ทั้งฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลย เป็นค่าจ้างในการในการวินิจฉัยคดีความ ถ้าไม่ได้ตามที่เรียกร้อง ก็จะไม่รับเรื่องที่มาร้องเรียน

เหตุการณ์อย่างนี้จะเกิดมีในภายภาคหน้าทั่วโลก

พุทธทำนายข้อนี้ผมไม่มีความเห็นครับ  ท่านผู้ใดมีความเห็นอย่างไร ขอเชิญเสนอได้นะครับ

บันทึกนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวจะเครียดกันเกินไป แต่ถ้าสนใจอ่านข้อ๖-ข้อ ๙ ต่อ เชิญที่นี่ครับ

หมายเลขบันทึก: 103059เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2007 17:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 พฤษภาคม 2012 06:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

เห็นด้วยค่ะอาจารย์.. ว่าข้อ ๒ ๓ ๔ เข้าเค้า มีตัวอย่างให้เห็นเยอะ.. แต่ข้อ ๕ เนี่ย..ไม่ค่อยมั่นใจค่ะ..  แต่ถ้ามองคนที่ตัดสินคดีความเป็นคนทั่วไปที่มีอำนาจ... อันนี้อาจเป็นไปได้ค่ะ เพราะคนที่มีอำนาจบางคน อาจเลือกปฏิบัติเฉพาะที่มีผลประโยชน์เข้าตัวเขาก็ได้ค่ะ  just a thought ค่ะ ^ ^

อ่านดูแล้ว ภายภาคหน้าโน้น มันทำไม เหมือนทุกวันนี้จังครับ  ( เหมื่อนที่เขาว่าทุกวันนี้ เราอยู่ในยุค กึ่งพุทธกาล ตามพุทธทำนาย )   นึกแล้วอยากกลับไปเกิด สมัยพุทธกาล น่าจะดีกว่าอยู่ในยุค ภายภาคหน้าโน้น นะครับ

เข้ามาอ่านเห็นด้วยกับพุทธพยากรณ์ ทั้งหมด

วันหลังคงได้สนทนาธรรมกันบ้างครับ

สวัสดีครับอาจารย์กมลวัลย์

พุทธทำนายข้อ ๕ อาจจะยังมาไม่ถึงก็ได้ครับ อย่างแต่ก่อนใครจะจ้างทนายความ ต้องไปหาที่สำนักงานฯ ปัจจุบันอาชีพทนายต้องทำ direct sale กันแล้วครับ

สวัสดีครับคุณหมอจิ้น

ผมก็คิดเหมือนกันครับว่า ภายภาคหน้าโน้นของพระพุทธองค์มันน่าจะเป็นยุคนี้แหละครับ

ความจริงพวกเราหลายๆคนก็เคยเกิดในสมัยพุทธกาลมาแล้วทั้งนั้นแหละครับ  แต่ว่าบังเอิญเกิดเป็นประเภทบัวเหล่าที่ยังไม่พ้นน้ำ  ก็เลยต้องมาเกิดใหม่อีก"ในภายภาคหน้าโน้น"ของพระพุทธองค์ 

หลวงปู่ขาววัดถ้ำกองเพลเคยเล่าให้ลูกศิษย์ลูกหาฟังว่า  ตัวท่านเองก็เคยเกิดและได้บวชเป็นพระในสมัยพุทธกาลเหมือนกัน แต่โชคร้ายที่ไปเข้ากลุ่มพระเทวทัต 

นี่ถ้าพวกเรายังไม่สามารถบรรลุธรรมได้ในชาตินี้อีกละก็  สงสัยว่าถ้าต้องไปเกิดอีกใน"ภายภาคโน้นโน้น" คงจะเจอสภาพสังคม และสภาพสิ่งแวดล้อมที่สาหัสกว่านี้แน่ๆเลยละครับ

สวัสดีค่ะ

ข้อ2 และ 4 เห็นอยู่แล้วค่ะ

ข้อ 3 โดยส่วนรวมของชาติภายใน 20 ปีกำลังจะเห็น สังคมคนสูงอายุ  และให้คนหนุ่มสาวเลี้ยง

ส่วนบุคคล ไม่แน่ใจ หากทุกคนพยายามพึ่งตัวเองให้ได้ มีเงินออมสำหรับใช้ส่วนตัว ทำงานเบาๆไปด้วย ไม่งอมือ งอเท้า ให้เป็นที่น่ารำคาญและดูถูกของลูกหลาน ยิ่งต่อไป คนยิ่งอายุยืน เฉลี่ยก็ 90 up

ลองอ่านที่นี่ค่ะ

สุบินนิมิตข้อที่ ๓

พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสุบินเห็นฝูงพ่อแม่โคทั้งหลายพากันดูดกินนมลูกของตัวเอง

ไม่เห็นด้วยกับข้อ ๔

"ประสบการณ์จะได้มาได้อย่างไร???? หากว่าเราไม่เคยทำอะไรเลย แล้วจะบอกคนอื่นว่าเรามีประสบการณ์ได้หรือไม่????"

"เราจะรู้ว่า เราทำอะไรได้ หรือ ไม่ได้ ก็ต่อเมื่อ เราได้ลงมือทำแล้วเท่านั้น"

"ไม่ได้ทำ กับ ทำไม่ได้ ผลลัพธ์เหมือนกัน คือ ไม่สำเร็จ ที่ต่างกัน คือ ประสบการณ์ การไม่ได้ทำ ไม่ได้ประสบการณ์ แต่การทำไม่ได้ ได้ประสบการณ์"

 

ผมไม่ได้เชื่อ เพียงเพราะว่า ผู้ที่ทำนายเรื่องนี้ คือ พระพุทธเจ้า หรือ เพียงเพราะผมเป็น พุทธสาวก

หากแต่ว่า ผมเชื่อ เพราะ ผมคิดอย่างนั้น ผมเห็นอย่างนั้น หรือมีบางส่วนเป็นอย่างนั้น(ไม่ใช่ทั้งหมด) 

 

สวัสดีครับอาจารย์พิชัย

ขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมเยียน ความจริงผมแอบไปเยี่ยมอาจารย์เกือบทุกบันทึกแหละครับ เพราะชอบอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมภาคปฏิบัติ 

คำพยากรณ์ของพระพุทธองค์คงจะเป็นจริงทั้งหมด เพราะพระพุทธองค์ทรงรู้อนาคตได้ด้วยอนาคตังสญาน

การปฏิบัติธรรมของผมจะเป็นแบบลูกทุ่ง(ประเภทเดียวกับอาจารย์กมลวัลย์) ไม่ค่อยรู้ศัพท์แสงภาษาบาลีเท่าไร ได้แต่ปฏิบัติลองผิดลองถูกมาทุกสำนัก อันไหนที่รู้สึกว่าถูกจริต เห็นความเจริญก้าวหน้าในธรรม ก็จะใช้วิธีนั้นเป็นหลัก

ต่อไปถ้ามีปัญหาคงต้องขอคำแนะนำจากอาจารย์บ้างนะครับ วันหลังถ้ามีโอกาสไปเชียงใหม่ ผมจะแวะไปเยี่ยมเยียนและสนทนาธรรมกับอาจารย์ครับ

สวัสดีครับคุณ
P
คำทำนายของพระพุทธองค์คงจะเป็นภาพรวมของสังคมมากกว่าครับ เพราะสำหรับส่วนบุคคลแล้วบรรดาที่เป็น"บัวพ้นน้ำ"คงเป็นข้อยกเว้นครับ 

อาจารย์ศิริศักดิ์และสมาชิกทุกท่าน: อย่าว่าผมขวางโลกเลยครับ ข้อความนี้ผมเห็นในเน็ตและส่งกันต่อๆ ไปเรื่อยๆ โดยส่วนตัว เห็นว่าควรจะยุติกันเสียที อย่าโกรธผมเลยครับ

ในพระไตรปิฎก ปรากฏเพียงข้อความสั้นๆ ในมหาสุบินชาดก ตามเนื้อความใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ บรรทัดที่ ๕๐๒-๕๐๙ หน้าที่ ๒๖ ว่า

[๗๗] หม่อมฉันได้ฝันเห็นโคอุสุภราช ๑ ต้นไม้ ๑ แม่โค ๑ โคสามัญ ๑ ม้า ๑
ถาดทองคำ ๑ สุนัขจิ้งจอก ๑ หม้อน้ำ ๑ สระโบกขรณี ๑ ข้าวสารที่หุง
ไม่สุก ๑ แก่นจันทน์ ๑ น้ำเต้าจมน้ำ ๑ หินลอยน้ำ ๑ นางเขียดกลืนกิน
งูเห่า ๑ หงส์ทองแวดล้อมกา ๑ เสือกลัวแพะ ๑ ดังนี้ ปริยายอันผิดจะ
เป็นไปในยุคนี้ ยังไม่สำเร็จ.

ไม่ได้มีข้อความใดมากไปกว่านี้ -- สิ่งที่เรียกว่าพุทธทำนายทั้ง 16 ข้อ ไม่ปรากฏหลักฐานตามพระไตรปิฎกว่่าเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายไว้ครับ

***แต่*** ได้มีอรรถกถาธิบายไว้ใน อรรถกถา เอกกนิบาตชาดก วรุณวรรค ซึ่งอรรถกถาเป็นสิ่งที่อธิบายเพิ่มเติมในภายหลัง ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์แต่ก่อนได้ให้อรรถาธิบายไว้ (ซึ่งไม่ได้มีความหมายเหมือนกับการเป็นพุทธทำนายนะครับ)

เพิ่มเติมครับ

ผมไม่ได้ให้ความเห็นว่านี่เป็นพุทธทำนายหรือไม่ เพียงแต่บอกว่าไม่พบในพระไตรปิฎก แต่มีในอรรถกถา -- ซึ่งอรรถกถาอาจมีได้หลายสำนวน ทุกสำนวนไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด (จึงเรียกว่าเป็นคนละสำนวน) เมื่อสำนวนเปลี่ยนไป บางทีการตีความก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

ผมอาจจะไวต่อเรื่องการกล่าวอ้างนี้ เพราะว่าด้วยลักษณะหน้าที่การงานที่มีคนเกรงใจเยอะ เมื่อก่อนผมโดนเอาชื่อไปอ้างอยู่เนืองๆ  เมื่ออ้างแล้ว ผู้ฟังมักให้ความร่วมมือ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้พูดอะไรในเรื่องนั้นเลย

อันนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายว่าแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าอันไหนพูด อันไหนไม่ได้พูด

ก็สรุปกันอย่างนี้ครับ ดูตามรายงานการประชุม ดูคำสั่งที่เป็นเอกสาร อ่านจากบล๊อกภายในบริษัท ดูในอีเมล หรือฟังจากผมโดยตรง ถ้าไม่แน่ใจก็ให้มาถาม

สวัสดีครับคุณ
P

ก่อนอื่นขอขอบคุณคุณconductorที่ให้ข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดมานะครับ 

ผมคงต้องบอกว่าไม่เคยพบเห็นข้อความนี้จากเนตที่ส่งต่อๆกันมาดังที่คุณconductorเห็นครับ

ข้อความนี้ได้คัดลอกมาจากหนังสือเรื่อง"พุทธทำนาย ๑๖ ข้อ"ที่เรียบเรียงโดยพระอาจารย์ทูล ขิปปปัญโญ วัดป่าบ้านค้อ จ.อุดรธานี ซึ่งผมก็ได้กล่าวอ้างไว้แล้วในบันทึกก่อนหน้านี้ หนังสือดังกล่าวมี ISBN number และสำนักพิมพ์ที่มีตัวตนอยู่จริง  

พระอาจารย์ทูล ขิปปปัญโญเป็นพระสุปฏิปันโน เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ขาว แห่งวัดถ้ำกองเพล การที่ท่านเรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาใหม่ให้เป็นสำนวนที่เข้าใจง่าย  ท่านคงพิจารณาแล้วว่าน่าจะเกิดประโยชน์แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย  ผมเชื่อว่า อันวิสัยของสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว คงไม่ทำอะไรที่จะเกิดโทษแก่ผู้อื่นเป็นแน่

อย่ากลัวว่าผมจะโกรธเลยครับ ผมตามดูจิตตัวเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อไรก็ตามที่ผมเห็น"ตัวโกรธ"ผมจะดีใจด้วยซ้ำไป

 แต่ผมยังไม่หยุดแค่ข้อ ๕ นี้หรอกนะครับ  ผมคงต้องนำเสนอต่อจนจบทั้ง ๑๖ ข้อแหละครับ เพราะเนื้อหาทั้งหมดมีที่มาที่ไปชัดเจน น่าจะเกิดประโยชน์แก่ผู้อ่านคนอื่นๆบ้างไม่มากก็น้อย 

ขอบคุณอีกครั้งที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ

สวัสดีครับคุณ
P

ความหมายของประสบการณ์ในข้อนี้ผมคิดว่าน่าจะหมายถึงการทำงานตั้งแต่ระดับล่างๆขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงตำแหน่งสูงนะครับ ไม่ใช่ไม่เคยทำงานอะไรมาเลย อยู่ๆก็ขึ้นไปอยู่ตำแหน่งสูงสุด

ถ้าเคยอ่านหนังสือประวัติของท่าน ดร.ปรีดี พนมยงค์ มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวว่า "ตอนที่ข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าไม่มีประสบการณ์  แต่ตอนที่ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ ข้าพเจ้ากลับไม่มีอำนาจ" 

ขอบคุณที่เข้ามา ลปรร ครับ

                   เรื่องเกี่ยวกับพุทธทำนายและพระศรีอารย์ ผมเคยรับรู้มานานแล้วสมัยผมเด็ก ๆ ปู่ย่าตายาย ตาทวดผมก็เคยเล่าให้ฟัง ผมได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับอาจารย์มหาชัยวุธ ในนี้เหมือนกัน อาจไม่พบในพระไตรปิฎกตามที่คุณ conductor พูดถึงไปแล้ว ซึ่งพบเพียงในคำภีร์เหล่านั้น

                    แต่อย่างไรก็ตามการที่มีผู้เขียนคำทำนายนี้ขึ้นไม่ใช่สิ่งที่ทำลายหรือทางเสื่อม ผมมองเป็นการเสริมสร้าง พุทธศาสนาด้วย เป็นความแยบยลของครูบาอาจารย์สมัยก่อน คุณค่ามากมาย แต่การอ้างอิงในการเขียนเรื่องนี้สำคัญ(ผมเห็นข้อมูลที่อาจารย์อ้างแล้ว) ผมเคยอ่านหนังสือ ฤาถึงวันสิ้นโลก (ข้อความอาจไม่ถูกต้อง) ของคุณเจริญ วัฒนสิน กล่าวถึงคำทำนายในศาสนาอิสลามเปรียบเทียบคริสต์ ภายหลังมีหนังสือแย้งคำทำนายว่าผิดเพี้ยนจากต้นฉบับจริง นั่นคือสิ่งที่อันตรายมากในทางวิชาการ

ผมรออ่านคำทำนายต่อครับ

สวัสดีครับคุณสุมิตรชัย

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณที่เข้ามาให้กำลังใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับ

อย่างที่ได้บอกคุณconductorไปแล้วล่ะครับว่า ผมไม่เคยพบเห็นข้อความที่อ้างว่าเป็น"พุทธทำนาย"มาก่อนเลย แต่เรื่องพระศรีอารย์เคยได้ยินมาบ้าง

บังเอิญผู้เรียบเรียงหนังสือพุทธทำนายเป็นพระสงฆ์ที่ผมรู้จักซึ่งผมมีความเคารพศรัทธาในตัวท่านมาก  มั่นใจในปฏิปทาของท่าน  จึงนำเนื้อหาในหนังสือมานำเสนอ

ผมเพิ่งจะได้ข้อมูลใหม่อีกว่า นอกจากในประเทศไทยแล้ว ในประเทศอื่นๆที่นับถือศาสนาพุทธก็มี"พุทธทำนาย"ที่เป็นภาษาของตัวเองเช่นกันครับ

ขอบคุณครับที่รออ่าน

งั้นผมต้องหมายถึงโอกาสครับ

โอกาสที่จะได้ทำ โอกาสที่จะได้ประสบการณ์ ไม่ว่าจะพร้อมหรือไม่

ความพร้อม ไม่ได้มาพร้อมกับโอกาสเสมอ??

หากวันนี้ผมเพิ่งจบมา แล้วมีคนเชิญให้เป็นผู้บริหารประเทศ ผมรับครับ แน่นอนเสียงติฉิน นินทาคงมี ความกลัวของตัวผมเองคงมี แต่ ผมยังไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย และบ้านเราก็เป็นอย่างนั้น ที่ยังไม่ได้ทำอะไร หรือทำยังไม่เสร็จ ก็หาว่า ล้มเหลว???

ถ้า​เคยอ่านหนังสือประวัติของท่าน​ ​ดร​.​ปรีดี​ ​พนมยงค์​ ​มีข้อ​ความ​ตอนหนึ่งกล่าวว่า​ "ตอนที่ข้าพเจ้ามีอำ​นาจ​ ​ข้าพเจ้า​ไม่​มีประสบการณ์​  ​แต่ตอนที่ข้าพเจ้ามีประสบการณ์​ ​ข้าพเจ้ากลับ​ไม่​มีอำ​นาจ"

ถ้าไม่คว้าประสบการณ์ตอน่มีอำนาจ แล้ววันที่บอกว่า ไม่มีอำนาจ จะกล้าบอกว่ามีประสบการณ์หรือไม่ 

ผมเชื่อว่า อ. ต้องเคยเล่นเกมการสื่อสาร สารที่เราได้รับ เราคิดว่า แน่นอน มันถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งความจริง มันเพี้ยนก่อนมาถึงเรา ซะอีก ยิ่งคนเยอะเท่าไหร่ ยิ่งเพี้ยนเยอะ ยิ่งนานเท่าไหร่ ก็เพี้ยนเยอะ เช่นกัน

ทุกวันนี้เรา ต้องเลือก

มีเรื่องให้อ่านเล่น ๆ ครับ "บทเรียนจากเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่ง" 

สวัสดีครับคุณ
P

ขอบคุณอีกครั้งนะครับที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ผมต้องยอมรับว่าตอนนี้ตามความคิดคุณอุทัยยังไม่ทันครับ เลยไม่เข้าใจจุดประสงค์ของความคิดเห็นอันใหม่นี้

ผมลองกลับไปอ่านพุทธทำนายข้อ ๔ ใหม่แล้ว คงสรุปได้สั้นๆว่า "ในอนาคตจะนิยมให้คนเรียนจบใหม่ๆ(ทั้งที่ไม่เคยผ่านงานบริหารมาก่อน)มาบริหารประเทศ ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย และจะมีคนด่า"

แล้วคุณอุทัยก็บอกว่าไม่เห็นด้วย  ข้อนี้ผมเข้าใจนะครับ 

แต่ข้อความต่อไปนี้ของคุณอุทัยในความคิดเห็นอันแรก:

"ประสบการณ์จะได้มาได้อย่างไร???? หากว่าเราไม่เคยทำอะไรเลย แล้วจะบอกคนอื่นว่าเรามีประสบการณ์ได้หรือไม่????"

"เราจะรู้ว่า เราทำอะไรได้ หรือ ไม่ได้ ก็ต่อเมื่อ เราได้ลงมือทำแล้วเท่านั้น"

"ไม่ได้ทำ กับ ทำไม่ได้ ผลลัพธ์เหมือนกัน คือ ไม่สำเร็จ ที่ต่างกัน คือ ประสบการณ์ การไม่ได้ทำ ไม่ได้ประสบการณ์ แต่การทำไม่ได้ ได้ประสบการณ์"

ผมไม่เข้าใจว่าเป็นเหตุผลที่ไม่เห็นด้วยหรือว่าเป็นคำถามนอกประเด็นครับ 

ถ้าบอกว่าไม่เห็นด้วยเพราะ"คนไม่มีประสบการณ์ก็อาจบริหารบ้านเมืองไม่ให้เกิดความเสียหายได้" ผมก็จะเข้าใจและก็จะเห็นด้วยกับคุณอุทัย เพราะทุกเรื่องมักมีข้อยกเว้นเสมอ

สำหรับอีกข้อความหนึ่งต่อไปนี้ในความคิดเห็นอันที่ ๒ ของคุณอุทัย:

"หากวันนี้ผมเพิ่งจบมา แล้วมีคนเชิญให้เป็นผู้บริหารประเทศ ผมรับครับ แน่นอนเสียงติฉิน นินทาคงมี ความกลัวของตัวผมเองคงมี แต่ ผมยังไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย และบ้านเราก็เป็นอย่างนั้น ที่ยังไม่ได้ทำอะไร หรือทำยังไม่เสร็จ ก็หาว่า ล้มเหลว???"

อันนี้ผมคิดว่าคงมีคนทั้ง ๒ พวก พวกแรกคงติฉินและสบประมาทน้ำหน้าเอาไว้ก่อนแล้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงาน ส่วนอีกพวกหนึ่งคงให้โอกาสคนหนุ่มไฟแรงได้ทำงานก่อน

สำหรับข้อความที่ผมอ้างต่อไปนี้:

"ตอนที่ข้าพเจ้ามีอำนาจ ข้าพเจ้าไม่มีประสบการณ์ ​แต่ตอนที่ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ ข้าพเจ้ากลับไม่มีอำนาจ"

ผมคิดว่าท่าน ดร. ปรีดี ยอมรับความล้มเหลวในการบริหารประเทศของตัวท่านเองเนื่องจากตอนที่ท่านมีโอกาสบริหารประเทศนั้นท่านเพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆยังไม่เคยทำงานบริหารมาก่อนเลย 

ซึ่งผมยกมาเป็นตัวอย่างหนึ่งของพุทธทำนายข้อ ๔ เท่านั้นเองครับ ไม่มีความหมายไปมากกว่านั้น

ส่วนข้อความต่อมาของคุณอุทัย:

ถ้าไม่คว้าประสบการณ์ตอนมีอำนาจ แล้ววันที่บอกว่า ไม่มีอำนาจ จะกล้าบอกว่ามีประสบการณ์หรือไม่

ผมเชื่อว่า อ. ต้องเคยเล่นเกมการสื่อสาร สารที่เราได้รับ เราคิดว่า แน่นอน มันถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งความจริง มันเพี้ยนก่อนมาถึงเรา ซะอีก ยิ่งคนเยอะเท่าไหร่ ยิ่งเพี้ยนเยอะ ยิ่งนานเท่าไหร่ ก็เพี้ยนเยอะ เช่นกัน

ข้อความนี้ ผมคงไม่แสดงความคิดเห็นนะครับ  เนื่องจากคิดว่าออกนอกประเด็นไปมากแล้ว

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท