คุณเม้งครับ
รายการนี้ขอโทษเถอะครับผมไม่มีใบขับขี่หัวใจ
สวัสดีครับคุณสิทธิรักษ์
ตั้งสติก่อนสตาร์ทครับ...
ไม่ว่าจะขับรถหรือขับใจต้องมีสติเหมือนกันครับ...
ขอบคุณครับ...
การคิดดี และทำดีไม่ได้เป็นเรื่องที่ล้าสมัยแต่หลายคนบอกมันเห็นผลช้า ถ้าหากเราทำแล้วสบายใจสักวันก็จะให้เห็นสิ่งที่ดี การขับรถหรือขับใจก็ต้องใช้สมาธิในการบังคับ หากเราเร่งรีบ หรือใจไม่ได้อยู่กับตัวเราแล้วก็ทำให้เราขาดสติบังคับตนและใจไม่ได้
สำหรับตัวเองนะคะ..ขอจิบชาอึกนึงก่อนนะคะ..ฮิฮิ
สวัสดีครับเพื่อน...
สวัสดีครับคุณตุ๊กตา
สวัสดีครับคุณครู
สวัสดีครับคุณราณี
ขับรถน่ะ...เรา "control" มัน แต่ขับใจ...น่าจะยากว่าหลายร้อยเท่าเพราะใจมัน "control" เรา... (พี่ว่าอย่างนั้นนะ)
สวัสดีครับ
สวัสดีครับพี่อัมพร
สวัสดีครับพี่เมตตา
สวัสดีครับ
สวัสดีครับพี่เมตตา
หากเปรียบเปรยแล้ว การขับคงไม่แตกต่างจากการบังคับ ฉะนั้นแล้ว มนุษย์ทุกคนต้องรู้จักบังคับใจ ข่มใจ และที่สำคัญ ใจกับกายต้องประสานเป็นเนื้อเดียว ต้องรู้จักเร่ง ต้องรู้จักถอย ต้องรู้จัก "หยุด" หากกายไม่ยอมหยุด แต่ใจหยุด กายและใจคงต้องแยกจากกันตลอดไป...........
" สามารถฆ่าคนมิใช่เรื่องยาก ยินยอมอภัยแก่คนที่ท่านพร้อมจะฆ่าได้ในทุกเวลา นั่นจึงเป็นเรื่องยากเข็ญที่สุด"
"เอี๊ยบไค" ดาบจอมภพ/โกวเล้ง
สวัสดีค่ะคุณเม้ง
มาปั่น Scoll bar อีกนั่นแหละค่ะ ^ ^
เห็นคนตอบมาเยอะแล้ว..เลี่ยงมาเล่นคำถามนี้ดีกว่า
ใจคนเรานี่เร็วกว่าแสง หรือเปล่าครับ ?
ใช่ค่ะ..เร็วกว่าแสง จิตที่คิด.. คิดปุ๊บ ถึงปั๊บ ( ส่วนจะชัดเจนแค่ไหนขึ้นอยู่กับความแรงของเครื่องส่งและความละเอียดของเครื่องรับด้วยนะคะ ) แสงเดินทางด้วยความเร็วเท่าไหร่จำไม่ได้ แต่ใช้เวลา 8 วินาทีมาถึงโลก..แต่แค่คุณเม้งคิด..จากเยอรมันก็มาถึงนครศรี ฯ อย่างนี้จะไม่เร็วกว่าแสงได้ยังไง..จิตมีอานุภาพมากนักค่ะ
เมื่อจิตมีอานุภาพมากจึงต้องมีวิธีควบคุม..สติจึงเป็นสิ่งสำคัญ และปัญญาจะทำให้เรารู้วิธีจัดการ
ส่วนการขับเคลื่อนจิตจะต้อง " ว่าง " และ " วาง " วางทุกอย่าง ทุกความรู้ ทุกจินตนาการที่มี..." มอง " อย่างเดียวค่ะ เหมือนเราเป็นคนอื่นที่กำลังดูตัวเราเองเพื่อเข้าสู่ปัญญาที่หมายถึงการรู้แจ้ง ( ในขณะนั้น ) รู้อย่างที่เรียกว่าตัวรู้คือภาวะที่เราเกิดรู้ขึ้นมาเองในจิต.. ไม่ใช่ความรู้ที่เรามี
อย่างตัวอย่างแสงที่เดินทางมาถึงโลกใช้เวลา 8 วินาที..การที่ตาเรา " เห็น " สิ่งต่างๆเกิดขึ้นเพราะแสงตกกระทบสิ่งนั้นแล้วสะท้อนมาเข้าตาเรา..ถ้าอย่างนี้ " ภาพ " ที่ตาเราเห็นเป็นภาพเสมือน หรือภาพจริง ?..แล้วอย่างนี้เราจะยึดมันทำไม ?
การเห็นจากจิตชัดและละเอียดกว่าตาเห็นมากนักค่ะ..
ธรรมมะสวัสดีค่ะ ^ ^
สวัสดีครับวิลเลี่ยม
ได้เวลาจิบน้ำชาแล้วนะครับ ท่านเม้ง
ชอบใจจริงๆ ท่านครูเสือ
น่าจะเพิ่ม ติดใจ ถูกใจ ซึ้งใจ ชื่นใจ ขุ่นข้องหมองใจ และ.....................นะครับ
เมื่อถึงปลายทางแล้วก็ หยุดใจ ให้เป็นนะครับ อย่าให้ฟุ้งซ่าน เพื่อให้เกิดลมปราณฟื้นฟูพลังภายใน เอาไว้เริ่มกันใหม่ในวันพรุ่ง
จะขับรถ ให้เริ่มที่เกียร์หนึ่ง
อย่าทะลึ่งเป็นสามสี่นะพี่เอ๋ย
มันกระตุกขลุกขลักไม่(น่า)รักเลย
อาจจะเสยบาทวิถีที่คนเดิน
.........
เหมือนขับใจต้องค่อยปล่อย(เหมือน)เกียร์หนึ่ง
ทำตาซึ้งส่งตาหวานและยิ้มแหวว
ให้หัวใจอ่อนหวานดวงตาแวว
รับรองแห้วไม่ถามหานะน้องยา (ฝากให้น้องขจิตด้วย)
..........
ควบคุมใจรวบคุมรถให้สดใส
ต้องใช้ใจดูแลให้ผ่องศรี
จะออกบ้านก็กราบสวัสดี
ใจวันนี้ขอให้สุขทุก ๆ คืน(กลางวันเกี่ยวไหม)
.........
ถามเรื่องกฎกติกามารยาท
เข็ดขยาดอยู่ในกรอบไม่ชอบจิต
จะเขียวแดงเหลืองอย่างไรขี้เกียจคิด
ทำไม่ผิดกติกาว่ากันไป
...........
ถ้าใจแหลกแหกโค้งลงแม่ฮ่องสอน
ขอวิงวอนและขอบอกต้องมีสติ
หลายพันโค้งที่ต้องพบแต่(ก็)มีวิธี
บอกคุณเอกคนดีหนุ่มเมืองปาย(คลายทุกข์เอย)
...........
เรื่องหัวใจถ้าพลาดไปใครก็อยากกู้
ถามคนเจ้าชู้คงรู้ดีนะน้องเอ๋ย
สำหรับพี่ไม่สามารถบอกได้เลย
เพราะไม่เคยเจ้าชู้ประตูดิน
ก๊าก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ
.........
จบจนได้
สวัสดีครับคุณเบิร์ด
สวัสดีครับคุณครูเสือ
สวัสดีครับคุณสิทธิรักษ์
น่าจะเพิ่ม ติดใจ ถูกใจ ซึ้งใจ ชื่นใจ ขุ่นข้องหมองใจ และ.....................นะครับ
สวัสดีครับคุณนิว
สวัสดีครับคุณดิศกุล
สวัสดีครับพี่สาว
สวัสดีครับ อ.กุล
หวัดดีครับน้องเทพ
สวัสดีค่ะ คุณเม้ง แวะมาตามคำชวนมาชวนไปคุย ของคุณเมตตาค่ะ...
คุณเมตตาให้คำนิยมไว้ เลยออกเขินบ้าง เพราะไม่ได้เซียนขนาดนั้นค่ะ
ถ้าถามประสบการณ์กับความเห็นเรื่องขับใจ ขับอย่างไร บำรุงอย่างไรดีแหกโค้งไปซ่อมแซมไหวไหมฯลฯ
ได้อ่านความเห็นของท่านที่ผ่านมาก็สนุกและได้ความคิดดีๆค่ะ ส่วนตัวเองกลับรู้สึกว่าอาจจะไม่ค่อยเหมือนท่านอื่นอยู่บ้าง...
คือรู้สึกว่า "ใจ" ของตัวเองเนี่ยเป็น "ใจซุกซน" ไม่จอดนิ่งๆให้รอไปขับ ..มักแล่นเรื่อยให้รอไปเบรคบ้าง คอยมองว่าแล่นไปทางไหนบ้าง บางทีก็ซอกแซกอยากไปดู "ใจ" ของคนอื่น บางทีก็ถลาลง หลุมอารมณ์ บางทีก็หลงทางต้องคอยหา แผนที่บนเส้นทางยุ่งเหยิง บางทีก็ ไปเรื่อยๆ บางทีก็ต้องคอยพยุงประคับประคอง บางทีก็ต้องมาคอยเตือนตัวเอง บางทีก็ขี้สงสัย ฯลฯ
เรื่องจะกระโดดขึ้นขับใจให้ได้เลยยังยากอยู่เลยค่ะ ถ้าทำได้ก็คงอยากจะให้ตัวเองสามารถสามารถดูแลการให้ข้อมูลกับใจกับสมอง ในทางที่ดีได้มากกว่านี้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับท่านอาจารย์จันทรรัตน์
สวัสดีครับพี่สาว