ผู้เขียนเป็นคนชอบฟังมากกว่าพูดค่ะ ในความเห็นของผู้เขียนจะชอบฟังเรื่องดี ๆ ในด้านบวก จิตใจก็จะสุขและอิ่มเอิบไปด้วย หรือฟังเรื่องที่เราไม่รู้ก็จะได้รู้ แต่เรื่องอื่นๆ ก็ชอบฟังเหมือนกัน อาจจะฟังหูไว้หู ฟังหูซ้ายทะลุออกหูขวา แต่ถ้าหากเราฟังเรื่องดีมีประโยชน์แล้วไม่จดไม่บันทึก สิ่งที่ฟังก็อาจจะลืมเลือนไปในที่สุด เพราะฉะนั้นหากฟังแล้วจำ นำมาบันทึกก็อาจจะเป็นการฝึกเพิ่มรอยหยักในสมองให้แหลมคมและเพิ่มขึ้นได้ เอ๊ะ ! แต่ก็ไม่รู้จะช่วยเพิ่มได้จริงอ๊ะ ปล่าว
ดังตัวอย่างการฟังเรื่องเมื่อเช้านี้ ผู้เขียนนำมา "บันทึกฝึกความจำ" เพราะไม่ได้เอาสมุดพกขึ้นมาจด และจะลอง deep listening ดู....(หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัย)
เมื่อเช้านี้ขณะกำลังนั่งรถมาทำงานผู้เขียนได้ฟังรายการวิทยุ ผู้เขียนนั่งฟังเพลินจนไม่อยากให้ถึงที่ทำงานเร็วเลย อยากให้รถติดนาน ๆ ซะด้วยซ้ำ เป็นงั้นไป...
เสียดายก็แต่ไม่ได้จดรายชื่อของท่านวิทยากรและผู้ดำเนินรายการทั้งสองท่าน เนื่องจากช่วงแรกฟังแบบผ่าน ๆ ไม่คิดจะสนใจ ฟังไปฟังมาชักสนุกและเป็นเรื่องใกล้ตัว มีประโยชน์ เข้าไปทุกที เพราะสะดุดตรง "ดัชนีชี้วัด" นี่แหละ
เขาบอกว่า "เมา" (เครื่องดื่ม) น่ะยังมีดัชนีชี้วัดด้วยการตรวจวัดแอลกอฮอลล์ แต่"ง่วง" (อยากหลับ) นี่สิไม่มีอะไรมาวัดได้ นอกจากตัวเราต้องวัดตัวเราเอง ผู้เขียนชักคิดเลยเถิดซะแล้วสิ ถ้าหากมีคนประดิษฐ์นวัตกรรมในการตรวจจับหรือวัดความง่วงได้คงดังระเบิดเถิดเทิงไปไกล..
เขาบอกให้ตัวเองวัดตัวเอง ด้วยการถามตัวเองอยู่ตลอด เราง่วงรึเปล่า ? ประมาณว่าเมื่อกี้ขับรถผ่านอะไร ถ้าตอบไม่ได้ จำอะไรไม่ได้ แสดงว่าสมองชักเบลอ ๆ ก็เหมือนตอนเรานั่งประชุมนั่นแหละ เราไม่อยากจะหลับหรอก แต่บางครั้งเราก็เผลอโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นให้หมั่นสังเกตุตัวเองค่ะว่า หาว ไม่ใช่หาวเป็นปรกติ แต่หาวบ่อยหาวไม่หยุดหย่อน คอเริ่มอ่อน ฯ
วิธีแก้
เอ๊ะ ! ทำไมดื่มกาแฟแล้วให้หลับก็ไม่น่าจะหลับได้ลง ผู้เขียนก็สงสัยเหมือนกันแต่เขาก็ตอบได้ตรงใจที่อยากรู้เช่นกัน
ฟังแล้วได้ความรู้มากมาย เสียดายถึงที่ทำงานเร็วไปหน่อยผู้เขียนยังฟังไม่จบเลย บันทึกนี้ก็เลยได้แค่นี้เอง...
กำลังฝึกความจำอยู่ค่ะ แต่มีประโยชน์กับตัวเองมาก ๆ เลย ถ้าเป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วยก็ยินดีค่ะ
คุณรัตติยาค๊ะ ปีใหม่ไปเที่ยวไหนรึเปล่าเอ่ย ?