กีฬา กีล้า กีลา (กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ กับ สังคมชนบทในส่วนที่ว่าด้วยเรื่องของกีฬา 2)


ติดค้างบันทึกตอนที่ 2 ของเรื่องนี้มานาน เพราะปัญหาทางอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ แต่ที่ผ่านมาได้พยายามโพสต์เรื่องนี้ 2 ครั้งแล้ว เจอจอขาวซะทั้ง 2 หน คราวนี้เลยพิมพ์และบันทึกในเวอร์ตก่อนโพสต์ เข็ดแล้วจริงๆกับการพิมพ์ลงในบล้อกโดยตรง

นับตั้งแต่เปิดเรียนในภาคเรียนที่ 2/2550 เป็นต้นมา

ครูวุฒิได้ยินเสียงบ่นเชิงปรารภจากพี่น้องเพื่อนครูหลายคนจากหลายโรงเรียนว่า.........

เรียนไม่เป็นเรียน  สอนไม่เป็นสอน

งานอื่นๆแทบจะทิ้งไปหมด

วันทั้งวัน  จะมีแต่กีฬา  กีฬา  กีฬา และกีฬาตลอด

ไหนจะวางแผน  ไหนจะฝึกซ้อมเตรียมทีม  ไหนจะฝึกกองดุริยางค์

ไหนจะต้องประสานงานและเตรียมจัดการแข่งขันในระดับโรงเรียน

ไหนจะร่วมวางแผนและดำเนินการแข่งขันระดับกลุ่ม 

ต่อเนื่องถึงระดับเขตพื้นที่การศึกษา  และระดับจังหวัด

ซึ่งในแต่ระดับ  จะมีค่าใช้จ่ายมากมาย

เพราะจะมีองค์ประกอบ  มีพิธีรีตอง  มีขั้นตอนต่างๆมากมายหยุมหยิม 

ใช้ยวดยานพาหนะ  วัสดุ  ครุภัณฑ์  อุปกรณ์   คน  และเวลา  อย่างมหาศาล

เอาแค่ป้ายโฆษณาใหญ่ๆจุดหนึ่ง  ก็ปาเข้าไปเป็นหมื่นแล้ว

แข่งระดับโรงเรียน  ใช้น้อยๆก็หมื่นสองหมื่น

ระดับกลุ่ม  ถ้าจัดย่อมๆก็ใช้น้องๆแสน  ถ้าอลังการขึ้นมาหน่อย  ก็กว่าแสน

ระดับเขตพื้นที่การศึกษา  ที่นี่ปีนี้วางงบประมาณไว้ที่ 800,000 บาท

คณะทำงานด้านงบประมาณ  ต้องวิ่งหาเงินกันขาขวิด

ในส่วนของครูก็จะต้องถูกบังคับโดยอัตโนมัติ 

ให้จ่าย ๆ ๆ ๆ ๆ  เพื่อใช้เป็นค่าดำเนินการในทุกระดับ

ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะทำงานทุกฝ่าย  ก็จะต้องประชุม ๆ ๆ ๆ ๆ ... และลงมือทำตลอด

ทุกคณะจะต้องมีการออกประสานงานทั้งใกล้และไกล

   ค่าน้ำมูกน้ำมันจะขึ้นจะลงไม่ต้องไปยี่หระ  เติมๆไปเถอะ 

ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็ขอคนที่บ้านนั่นแหละ

คณะที่ต้องบากหน้าไปขอเงิน  และขอความอนุเคราะห์ในรูปแบบต่างๆ

บางทีก็เหมือนไปบังคับเอา  คนให้ก็ให้ด้วยความไม่เต็มใจ  แต่ปฏิเสธไม่ได้

ยกเว้นบรรดาท่านนักการเมือง  ทั้งระดับท้องถิ่น ยันระดับชาติ

รวมทั้งผู้แทนครูในภาคส่วนต่างๆ

เพราะเป็นช่องทางในการหาเสียง  อวดบารมี  และสร้างบุญคุณ

..........

แต่ทุกอย่างที่ดำเนินการ...... ในเนื้อแท้ที่จริงแล้ว  เป็นไปเพื่อกลุ่มคนจำนวนน้อย

มีผู้เรียนที่ได้เป็นนักกีฬาได้ลงเล่นเพียงไม่กี่คน

ถ้าคิดเป็นอัตราส่วนต่อนักเรียนที่ไม่มีส่วนร่วมแล้ว  ไม่ถึงร้อยละ 20

นอกนั้นอย่างมากก็แค่ตัวประกอบ  เพื่อให้พิธีการทางด้านการกีฬาครบถ้วนสมบูรณ์  ตามแบบอย่างที่ถ่ายทอดกันมา

ที่น่าสนใจ  แต่ไม่ใคร่มีใครใส่ใจ  ก็คือ.....  ในช่วงที่เพื่อนๆ กำลังร่วมกิจกรรมการแข่งขันกีฬา

เด็กส่วนที่เหลือนอกนั้นเขาไปไหน?  ไปทำอะไร?

เชียร์เหรอ?  ไม่ใช่มั้ง !

 เพราะเท่าที่สังเกต  จะเห็นสวมกางเกงขาสั้นจู๋  ผัดหน้าทาปากแดงๆ(ด้วยอุทัยทิพย์)

ขับมอเตอร์ไซค์ซ้อน 2 ซ้อน 3  ว่อนไปทั่วเลย

บางกลุ่มก็ไปเยี่ยมหนุ่มๆต่างโรงเรียน  ไกลกว่า 10-20 กม. ก็มี

ก็รู้จักกันเมื่อคราวกีฬาปีที่ผ่านมานั้นแหละ 

แล้วก็สานสัมพันธ์กันมาเรื่อยๆ  และต่อเนื่องไปยังกลุ่มเพื่อนๆในก๊วนเดียวกันอีกหลายคู่

บางคู่ถือโอกาสไปส่งกัน หลังเลิกกีฬาตอนมืดค่ำ

ไม่อยากเดาหรอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น

แต่ภาพมันฟ้องตำตา  และมีถุงยางอนามัยทิ้งเกลื่อนเป็นหลักฐานในบ้านร้าง

ให้น้องๆได้เอามาเล่าขานกันอยู่เนื่องๆ

ยิ่งโรงเรียนใหญ่ๆยิ่งควบคุมยาก

วันดีคืนดี  ก็จะมีข่าวการรีดมารหัวขนทิ้งเป็นระยะๆ  จนเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา

แต่ที่เป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับครูก็คือ...

การที่ลูกศิษย์ที่ตัวเองฟูมฟักมาอย่างดีในช่วงประถมศึกษา

แต่พอไปอยู่โรงเรียนมัธยมในโรงเรียนอื่น

กลับต้องออกจากโรงเรียนมานั่งอุ้มท้อง  และเลี้ยงลูกในวัยอันไม่สมควรนี่แหละ

(....เจ็บนี้......อีกนาน.......)

..........

ในส่วนของกลุ่มหนุ่มน้อยวัยก่อนแตกพาน  บางกลุ่มก็จะถือโอกาสเหล่สาวๆ

หนุ่มโทรฯ หาสาว  สาวโทรฯหาหนุ่มกันทั้งวัน  โทรฯแบบไม่ต้องเกรงใจบริษัทผู้ให้บริการเอาซะเลย

บางกลุ่มก็ได้โอกาสลิ้มลองของเมา  ตั้งวงดื่มเหล้ากินเบียร์กันมันหยด

ถือโอกาสขอตังค์จากพ่อแม่ (ที่กำลังมีรายได้จากการรับจ้างเกี่ยวข้าวและขายข้าว)  มากขึ้นกว่าปกติ

โดยอ้างว่าจำเป็นต้องใช้มากขึ้น  เพราะต้องไปร่วมการแข่งขันกีฬาที่ต่างโรงเรียน

ที่นั่งดื่ม  บางทีก็แถวๆข้างโรงเรียนที่กำลังมีการแข่งขันกีฬานั่นแหละ

ทำไงได้  ก็พวกผู้ใหญ่ทำ(กิน)ให้ดูยั่วน้ำลายหนูก่อนนี่นา

คุณครูนั่นแหละตัวดี

แข่งกีฬาที  ก็โอ้โห....รีเจนซี่....ส่งแทบไม่ทัน

ดังนั้น  หลังเลิกกีฬาทุกวัน  ข้างสนามกีฬาจึงเกลื่อนไปด้วยขวดสารพัดชนิด

เป็นงานแถมให้พวกเด็กๆโรงเรียนเจ้าภาพหรือโรงเรียนที่อยู่ใกล้สนาม  ต้องทิ้งเวลาเรียนมาเก็บไปรีไซเคิ่ล

แต่บางทีก็ใช้เป็นอาวุธห้ำหั่นกัน  เมื่อเวลากื่มได้ที่

และโดยเฉพาะเมื่อ กีฬาแพ้แต่คนไม่แพ้

หางานให้เจ้าหน้าที่อนามัย  และคุณหมอคุณพยาบาลกันตลอด

ครูเองก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย  ในฐานะที่ไม่ดูแลเด็กให้ดี 

....................................

พูดไปสองไพเบี้ย  นิ่งเสียตำลึงทอง

ดูภาพประกอบกันนิดหนึ่ง  อาจละเมินสิทธิส่วนบุคคลบ้าง  คงไม่ว่ากัน

งานนี้ครูวุฒิขออนุญาตเสียมรรยาทอีกตามเคย

Dsc01187 

Dsc01188 
Dsc01211 
Dsc01218 
การแข่งขันกีฬา  เป็นกิจกรรมที่มีองค์ประกอบ  และพิธีรีตองมากมาย  นำมาซึ่งความสูญเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมหาศาล  แต่ให้ประโยชน์น้อยมาก

Dsc00850

Dsc00844  
กว่าจะได้การแสดงมาประกอบงานกีฬา  ครูต้องทุ่มเวลาและแรงกาย  รวมทั้งต้องทิ้งเด็กส่วนใหญ่มาซุ่มซ้อมอยู่เป็นเดือนๆ

Dsc01425 
Dsc01391 

Dsc00937 

ทั้งก่อนและในช่วงที่มีการแข่งขัน  รถครูจะถูกใช้งานตลอด 

ค่าน้ำมัน  ค่าสึกหรอ  ค่าความเสี่ยงภัย และค่างวดพร้อมดอกเบี้ยครูจ่ายเอง

Dsc00930 
ใช้กำลังคนมากมายตั้งแต่เริ่มเตรียมการ  งบประมาณมหาศาลจะถูกใช้ไปแบบได้ประโยชน์ครั้งเดียว

Dsc00876 

ครูและบุคลากรทางการศึกษา  จะใช้เวลาอยู่นอกโรงเรียนมากกว่าในโรงเรียน

Dsc01308 
แต่ผลพวงที่ตามมาดูเหมือนว่าจะมีผลเสียมากกว่าผลดี (สังเกตมุมล่างซ้ายของภาพ  จะเป็นเหมือนเรื่องปกติของกีฬาไปโดยปริยาย)

Dsc00939 

สาวน้อยถือโอกาสช่วงโรงเรียนแข่งกีฬาสี  ไปเยี่ยมหนุ่มๆต่างโรงเรียน  มีให้เห็นอยู่เนืองๆ

Dsc00421 

และหลังปิดกีฬา  ก็มักมืดค่ำ  หนุ่มส่งสาว  สาวให้โอกาสหนุ่มจึงเกิดขึ้น  เรื่องไม่ดีไม่งามก็ตามมาให้พ่อแม่และครูปวดหัว

Dsc00868 
หลังกีฬาทุกครั้ง  เจ้าของสนามก็มีงานเพิ่มอย่างนี้  ดีจัง!

Dsc00815 
ดื่มกินแต่ละครั้ง  พวกเล่นกันเป็นลัง  เป็นโขลงกันเลย (เดี๋ยวนี้ถ้าซื้อเป็นขวดๆ เขาบอกว่ากระจอก)

Dsc01181 
นี่ไงครับ  ผลลัพธ์ของ"การกีฬา"  ทั้งในเข่งในกระสอบ น่ะ "ช่าย โหมะเลย"

เอ้อเหอ...เอ้อเหอ.... คนอีสานจนเหรอเนี่ย......

ฯลฯ

*************

และเช้าวันนี้  แม้จะเป็นวันเสาร์ 

แต่ครูวุฒิยังต้องออกปฏิบัติภารกิจประสานงานเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์กีฬา

กับสถานีวิทยุชุมชนต่างๆกว่า 6 สถานี

 และจัดทำป้ายขอบคุณสปอนเซอร์อีกกว่า  60-70  ป้าย

งานครู  ก็สนุกอย่างนี้แหละ

แล้วจะให้คะแนน GAT และ NT  มันดีขึ้นได้ยังไง  ช่วยบอกทีครับ

สวัสดีครับ

หมายเลขบันทึก: 150637เขียนเมื่อ 1 ธันวาคม 2007 03:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:35 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

สวัสดีครับ  ครูวุฒิ

P
  • ขอขอบคุณ ที่คุณครูกรุณานำสภาพความเป็นจริงออกมานำเสนอ อ่านแล้วเห็นภาพ เห็นความเป็นจริง ความเป็นไป และเห็นใจมากเลยครับ"เล่นเป็นหมู ดูเป็นเซียน" ขออนุญาตเสนอความคิดเห็นเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่อาจจะมีประโยชน์ต่อการแก้ปัญหานี้บ้างไม่มากก็น้อย อย่างตรง ๆนะครับ 
  • ในประเด็นที่ว่า การกีฬาคุ้มค่าหรือไม่? ถ้าเรามองที่ ผลลัพท์ (output) เราอาจจะเห็นว่า กิจกรรมกีฬา เป็นการ "ขี่ช้างจับตั๊กแตน"  ยิ่งไปเจอกับผู้บริหารที่ไม่พอเพียง ยิ่งไปกันใหญ่
  • แต่ถ้ามองที่กระบวนการ (Process) แล้วผมว่า ถ้าคุณครูมองที่ผู้เรียนเป็นตัวตั้ง นั่นหมายความว่า ออกแบบกิจกรรมต่างที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ตามความชอบและตามศักยภาพ เช่น ใครอยากเป็นนักกีฬาก็เป็น ใครอยากเป็นสื่อมวลชนก็เป็น นักเรียนคนไหนอยากฝึกกิจกรรมนักจัดการแข่งขันก็สมัครมา เป็นต้นครับ มันจะคล้าย ๆ กับแนวคิดของเยอรมัน และอีกหลายประเทศที่ให้เรียนวิชาการแค่ครึ่งวัน  แต่ให้ทำกิจกรรมตามความถนัดและสนใจของผู้เรียน นั่นเพื่อจะได้พัฒนาทั้งสติปัญญา อารมณ์ และสังคม ครูอาจจะเหนื่อยมากขึ้น แต่ผู้เรียนได้เต็ม ๆ เลยครับ
  • ตอนผมไปทำ eLearning ที่เยอรมัน ในโรงยิมนาซิอูม มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งเข้ามาคลุกคลีประจำ เขาบอกว่าเขาเป็นคณะทำงานทำวารสารของโรงเรียน ผมงง! อ้าวทำไมให้เด็กทำ ครูไม่มาดูแลไม่มาทำจะมีคุณภาพเหรอ มันเป็นหน้าตาของโรงเรียนนะครับวารสารนี้ มาเข้าใจในวิธีคิดก็ ตอนไปงานเลี่ยงส่งรุ่นพี่ของโรงเรียนเขา ถึงเข้าใจว่า การจัดงานและดำเนินงานทั้งหมด คณะกรรมการทั้งหมดเป็นนักเรียน ส่วนครู คือ แขกผู้มีเกียรติ ครับ ในการจัดการแสดงบางส่วน เขาเชิญ คุณครูขึ่นไปร่วมเป็นหางเครื่องกันแบบสด ๆ เลยครับ
  • วิธีคิด อยู่ว่า การเรียนกับชีวิต ไม่ได้แยกจากกันครับ เอากิจกรรมทุกอย่างมาเป็นการเรียนรู้ของเด็กครับ อ้อ! รู้แล้วว่าทำไมถึงเรียนแค่ครึ่งวัน
  • เจ้าลูกชายผมอยู่ ป.2 ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาฮัมเพลงตลอดเมื่อมีอารมณ์ดี เช่น ตอนนั้งรถไปโรงเรียน ฟังไปฟังมาถึงรู้ว่า เขา อยู่ระหว่างเข้ากิจกรรมเชียร์ ผมมองว่าเขามีพัฒนาการทางสังคม ร่างกาย จิตใจ มากขึ้นเป็นพิเศษ ตอนเย็นกลับจากโรงเรียนก็ชวนเราออกไปซ้อมวิ่ง ถึงทราบว่า เขาจะคัดตัวเป็นนักวิ่งกีฬาสี นั่นเอง ตรงนี้เราก็ได้มีโอกาสสอน ในสิ่งที่พี่ศศินันท์กล่าวไว้ใน เกิดอะไรขึ้นกับกีฬา มนต์เสน่ห์ของชีวิตลูกผู้ชาย 
  • ขออนุญาต ลปรร แค่นี้ก่อนนะครับ

 

  • เอ่อ ครูวุฒิขา
  • หาโจทย์ อีกแล้ว อิอิ
  • เปิดประเด็นแบบนี้ เดี๋ยวจะตกเป็นจำเลยที่ 1 นะคะ
  • งั้นหนูตามมาเป็นจำเลยที่ 2 ..ฮ่าๆ
  • ครูขาตามสถิติของหนู....ครูลองนับไปเถอะคะ หลังงานเทศกาลที่โรงเรียนจัด ไม่ว่า แข่งกีฬา และออกค่าย อื่นๆ...จะมีเด็กเกิดมาแบบไม่ตั้งตัว  จากงานเหล่านี้...เสมอๆ
  • แต่หากโรงเรียนไหน ครูกวดขัน พ่อแม่ดูแล ก็จะรอดตัวไปอีกปี...แหะๆ
  • เพราะฉะนั้นเวลามีงานสำคัญๆ หรือเทศกาล
  • ให้สถานีอนามัยตั้งโต๊ะแจกถุง พร้อมข้าวกล่องไปเลย ค่ะ
  • ถุงอะไรคงไม่ต้องบอกนะคะ
  • โถครูขา สมัยนี่ ป.4 ก็มีแฟนแล้ว และจะเป็นแฟนกันเฉยๆ เหมือนรุ่น ปู่ย่า หรือ...
  • ไม่ต้องอาย เด็กค่ะ เด็กสมัยนี้รู้มากกว่าที่เราคิด
  • ในเมื่อห้ามไม่ได้ต้องป้องกันค่ะ แล้วการแจกเครื่องมือ ไม่ได้เราชี้โพรงให้กระรอกหรอกค่ะเพราะกระรอกนะรู้ดีกว่าเราอีก..
  • --------------
  • ปัญหาเด็กท้องหลังงานโรงเรียน น่าห่วงกว่าเด็กผู้ชาย ไปกินเหล้าต่อ ขับรถซึ่ง ชกต่อยกัน หรือลงไปนับดาวบนพื้นถนนซะอีก
  • ---------
  • ปัญหาตำน้ำพริก ละลายแม่น้ำแก้ยากค่ะ
  • เพราะเจ้านายอยากเห็นพิธีกรรม สุดอลังการ
  • อืมแล้วเจ้าเชียร์ลีดเดอร์ที่มาเต้น แย้วๆนะลงทุนกันเท่าไหร่ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม แถมลูกเขาตีลังกาพลาด คอหักไป รับผิดชอบไหวหรือคะ
  • วัฒนธรรมเอาอย่าง ผิดๆ นี่เลิกเสียทีดีไหม
  • กีฬา ก็เล่นกีฬาพื้นบ้านดีไหม
  • แล้วกิจกรรมที่ทำเทอม 2 หน้าจะเป็นลงแขกเกี่ยวข้าว เชิญเจ้านายลงไปเกี่ยวเลย
  • โรงเรียนไม่มีนา ก็เอานาใกล้โรงเรียนเป็นแปลงสาธิตก็ได้
  • หรือปลูกผัก ถึงช่วงเก็บเกี่ยว ก็จัดงานตลาดนัดผักสด ให้ลูกค้าตัดกันจากแปลงผัก
  • มันตลกคะครู แต่ละท้องถิ่นควรจัดงาน ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของตัวเอง ไม่ใช่ไปลงทุนตามแห่แบบนั้น
  • เหนื่อย สนุก ไม่มีประโยชน์ เอแต่บางคนได้คะ ได้หน้าบานเท่ากระด้ง  อิอิ
  • สวัสดีครับคุณครูวุฒิ
  • ถึงฤดูกาลมาอีกแล้ว
  • เห็นภาพแล้ว ยังไม่ถึงงานก็เหนื่อยไว้ก่อนแล้วครับ
  • ตัวผมเองรับผิดชอบขบวนพาเหรดและการแสดงพิธีเปิดครับ
  • แต่ก็ยังอีกนานครับ จัดต้นเดือนมกราคมครับ
  • เห็นภาพนี้แล้ว หวาดเสียวแทนครับ
  • Dsc00850
  • แต่ภาพนี้ไม่น่าชมเลยครับ
  • Dsc00939
  • ขอบคุณครูวุฒิครับ

สวัสดีค่ะคุณครูวุฒิ

  • ครูขา........หายไปนาน กลับมา ก็แฉ..ทันทีนะค่ะ
  • ยกให้หัวหน้า ปอ.1  เป็นจำเลยที่ 2 นะค่ะ  รองหัวหน้า ขอชมไปพลางๆก่อน........(อิอิ...นิสัยไงเนี่ย...เอาตัวรอดอยู่คนเดียว )
  • แล้วหนูจะมาใหม่ค่ะ   คุยกับหน้าห้องไปก่อนนะค่ะคุณครู  
  • สวัสดีค่ะครูวุฒิ
  • กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ
  • ส่งเสริมกีฬาเป็นเรื่องดี
  • ผิดตรงที่รูปแบบที่มักจะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
  • ฟังแล้วรู้สึกเศร้าใจกับเยาวชนไทย
  • แต่ก็คือเรื่องจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้
  • อนาคตจะเป็นอย่างไรถ้าทุกคนยังนึกถึงแต่ตัวเอง....
  • ขอบคุณครูวุฒิมากค่ะ
  • ดูแลสุขภาพนะคะ

สวัสดีครับคุณนิโรธ (คนข้างบ้าน)
เมื่อ ส. 01 ธ.ค. 2550 @ 12:34

.....จะคล้าย ๆ กับแนวคิดของเยอรมัน และอีกหลายประเทศที่ให้เรียนวิชาการแค่ครึ่งวัน  แต่ให้ทำกิจกรรมตามความถนัดและสนใจของผู้เรียน นั่นเพื่อจะได้พัฒนาทั้งสติปัญญา อารมณ์ และสังคม ครูอาจจะเหนื่อยมากขึ้น แต่ผู้เรียนได้เต็ม ๆ เลยครับ

  • ขอบคุณครับที่กรุณาแวะมาร่วม ลปรร
  • ความคิดเห็นของคุณมีประโยชน์มากครับ  โดยเฉพาะตรงส่วนที่ผมยกมาข้างบน  เป็นการเปรียบเทียบและยืนยันว่า "การศึกษาบ้านเรายังล้าหลังมากๆ" เพราะแม้ว่าโลกาจะภิวัฒน์ไปถึงไหนแล้ว  การศึกษาไทยในปัจจุบันก็ยังไม่ต่างอะไรไปจากเมื่อสัก 20-30 ปีให้หลัง กิจกรรมใดเคยจัดยังไง  ก็ยังเป็นแบบนั้น  ครูเคยเอาความเป็นครูบังคับเด็กยังไง  ปัจจุบันก็ยังเป็นยังงั้น  ในกระบวนการห้ามเด็กคิดเกินครูล่ะไม่มีใครเกินครูไทย  ฯลฯ คุณว่าไหมครับ?
  • ข้อด้อยที่สำคัญของการศึกษาไทย ก็คือ  การที่ครูและโรงเรียนมักจะไม่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้มีโอกาสเลือกกิจกรรมตามความถนัดและสนใจของตนเอง  และมักจะเหมาเอาว่า "เด็กทุกคนจะชอบเล่นกีฬา"  จึงให้ความสำคัญกับการกีฬาค่อนข้างมาก แต่ก็จะเป็นเฉพาะช่วงที่จะมีการแข่งขันเท่านั้น  ไม่เป็นลักษณะของการส่งเสริมให้เด็กเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพในชีวิตประจำวันปกติ  หรือการเล่นกีฬาอย่างมุ่งมั่นที่ใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองแต่อย่างใด
  • "กีฬา" เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เด็กส่วนใหญ่ถูกบังคับให้ทำ  โอเคในส่วนที่เขาชอบเขาถนัดเราก็ควรให้โอกาสเขา  และควรมีการจัดกิจกรรมแต่พอเหมาะพอควร  ซึ่งหมายถึงว่าควรต้องให้ความสำคัญกับกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆด้วยเช่นกัน  ไม่ใช่ให้ความสำคัญกับกีฬาอย่างเอาเป็นเอาตาย  แต่กิจกรรมอื่นๆแทบไม่มีเลยอย่างในปัจจุบัน
  • เรื่องกีฬาในส่วนที่ผมนำมาเขียน  เป็นมุมมองที่ผมเก็บเอาผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในทุกมิติมาหลอมรวมแล้วชั่งน้ำหนักเปรียบเทียบระหว่างส่วนที่เป็นบวกและลบ โดยเก็บมาตลอดตั้งแต่เริ่มมีส่วนร่วมสมัยเด็กเป็นต้นมา  ซึ่งก็พอสรุปได้ว่ามีผลเสียมากกว่าผลดี  โดยเฉพาะในปัจจุบัน  มีแนวโน้มว่าจะเสียมากขึ้นอย่างที่ผมถ่ายภาพมาให้ดูนั่นแหละครับ
  • ตลอดมาตั้งแต่เป็นนักเรียน  จวบจนได้มาเป็นครู  ผมเห็นเด็กเสียคน-เสียอนาคตเพราะกีฬามาเยอะ  ยิ่งนักกีฬาชายที่หน้าตาดีด้วยแล้ว ยิ่งมีโอกาสมาก  มักจะเสียคนทั้งตัวเองและฝ่ายหญิง(หลายคน)ที่เข้ามาติดพันด้วย  (คลิปวีดีโอนักเรียนหญิงรุมทำร้ายกันที่เผยแพร่ทางสื่อมวลชน ส่วนใหญ่มีต้นเหตุมาจาก"ความเก่งและหล่อ"ของนักกีฬาครับ)
  • ที่จริงผมเองชอบเล่นและบริหารจัดการการแข่งขันกีฬา(ตะกร้อ)มาตั้งแต่เข้าสู่วัยรุ่น จะเล่นเกือบทุกเย็น บริหารจัดการลงขันกันกับเพื่อนๆซื้อวัสดุอุปกรณ์มาเล่นกันเอง  ปีหนึ่งๆก็จะจัดการแข่งขันประลองฝีมือในวงกว้างสักครั้งสองครั้ง(ส่วนใหญ่จะจัดในช่วงงานประจำปีของวัด) และไปร่วมแจมในส่วนที่เพื่อนพ้องต่างหมู่บ้านจัดแข่งบ้าง  ตามแต่โอกาสจะอำนวย  แต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเอาเป็นเอาตายกับเรื่องแพ้ชนะ อย่างที่เห็นในบรรยากาศการแข่งขันระหว่างสถาบันการศึกษา (โดยเฉพาะในปัจจุบัน)
  • สิ่งที่น่าวิตกที่สุดในปัจจุบันก็คือ  การแข่งขันกีฬาในระดับต่างๆ กลับกลายเป็นกิจกรรมที่บ่มเพาะนิสัยคดโกงให้แก่เด็กโดยตรง ซึ่งมีต้นเหตุมาจากตัวครูเป็นสำคัญ มีให้เห็นทุกปีก็คือ"การโกงอายุ"
  • อีกอย่างก็คือ  ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหน ระดับใด จะแก้ปัญหาเรื่องใด (แม้แต่ปัญหาที่กลัวว่าจะใช้เงินงบประมาณไม่หมด) ก็มักจะลงที่เรื่องกีฬา  กีฬาจึงกลายเป็นเครื่องมือผลาญเงินไปโดยปริยาย
  • ยกตัวอย่างเช่น "กีฬาต้านยาเสพติด" ของบางหน่วยงานที่มีชาวบ้านเป็นกลุ่มเป้าหมาย  มีให้ทั้งเงินบำรุงทีม(เล่นเป็นไม่เป็นขอแค่ส่งทีมเข้าร่วม ได้ทั้งนั้น)  เงินรางวัลการชนะหรือแพ้มีให้ตามลำดับ  พอเสร็จกีฬาปุ๊บ  ขอโทษครับคุณนิโรธ  พวกฉลองถ้วยฉลองรางวัลกันอย่างเมามัน  ล้มหมู ล้มวัว  เหล้ายาปลาปิ้งขนกันมาเป็นชุดๆ  ดื่มกินกันอย่างเอิกเกริก ลูกเล็กเด็กแดงมีส่วนร่วมเต็มที่  เมามายกันชนิดลืมคืนลืมวันกันไปเลย  บ้างก็ติดลมออกไปต่อข้างนอก  ผิดลูกผิดผัวผิดเมียกันจนเป็นเรื่องเป็นความมากมาย แล้วอย่างนี้ละหรือ "กีฬาต้านยาเสพติด" (กีฬาที่ว่านี้ ดูเหมือนจะเป็นนโยบายจากหน่วยเหนือ  และมีการดำเนินการกันทุกตำบลทุกปี  ใช้เงินตำบลละกว่า 100,000 บาทต่อครั้ง  ผมว่าน่าเสียดายนะครับ  ถ้าจะเอาไปกระตุ้นให้ประชาชนขยันทำมาหากินเพื่อความพอเพียง แทนการทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามแบบนี้ น่าจะได้ประโยชน์มากกว่านะครับ)
  • ฯลฯ
  • ขอบคุณเป็นพิเศษอีกครั้งสำหรับคุณนิโรธ(คนข้างบ้าน) หวังว่าโอกาสหน้าจะได้ ลปรร กันอีกนะครับ
  • สวัสดีครับ
สวัสดีครับ P น้องอ๊อด
2. naree suwan
เมื่อ ส. 01 ธ.ค. 2550 @ 16:21
  • ขอบคุณที่แวะมาร่วมเป็นจำเลย
  • ดูๆไป สงสัยครูวุฒิจะเปลี่ยนชื่อบล๊อกเป็น "คิดขวางโลก" ซะให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย  น้องอ๊อดว่าไม๊? อิอิ...
  • เรื่องที่ว่านี้  ในฐานะที่น้องอ๊อดเคยลิ้มรสความเป็นครูบ้านนอก  คงเข้าใจดีว่า "เป็นต้นเหตุหนึ่งในหลายๆอย่างที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน (ถูกมัดมือชก) ของภาระหนี้สินของครู"  ที่หนักหน่วงและเขม็งเกลียวแน่นขึ้นๆทุกวัน
  • เที่ยวบินหน้า  จะพาไปเที่ยวไหนหนอ? รอขึ้นเครื่องไปด้วยอยู่นะ
  • อย่าลืมเรียกด้วยล่ะ
  • สวัสดีครับ

สวัสดีครับคุณบัวชูฝักP

3. บัวชูฝัก
เมื่อ ส. 01 ธ.ค. 2550 @ 22:01
  • ขอบคุณพันธมิตรใหม่ที่ให้เกียรติแวะมาเยี่ยมนะครับ
  • ผมเองได้ยินพี่น้องครูเราพูดเสมอๆว่า ถ้าเหนื่อยในเรื่องที่เป็นประโยชน์แท้  แค่ไหนก็ไม่กลัว  แต่ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระ เหนื่อยนิดเดียวก็เสียดายแรง  คุณเห็นด้วยไหมครับ?
  • รูปที่คุณครูยกตัวอย่างมา  ผมเองก็หวาดเสียวและระทดท้อ  สำหรับรูปภาพที่อธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับผลและความเป็นไปเป็นมาของการจัดการศึกษา  ผมพอจะมีเก็บไว้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งจะค่อยๆทะยอยนำออกมาประกอบเรื่องไปเรื่อยๆ  ถ้าคุณครูสนใจก็คอยติดตามนะครับ
  • ขอบคุณอีกครั้งครับ
  • สวัสดีครับ

สวัสดีครับคุณครูหญ้าบัวP

4. หญ้าบัว
เมื่อ อา. 02 ธ.ค. 2550 @ 00:26
  • ขอบคุณที่แวะมาร่วมเป็นจำเลย..เอ๊ย!..มาเยี่ยม
  • หลงแอบดีใจ นึกว่าจะได้เฉลี่ยๆกันไปคนละกระทงสองกระทง อิอิ...
  • ผมก็แอบๆตามไปดูคุณป้าเลี้ยงหลานอยู่หลายครั้งนะ
  • เมื่อวันก่อนเห็นแปลงร่างเป็นสาวน้อยจ้ำม่ำ  ไฉนวันนี้กลายเป็นครูหญ้าบัวคนเดิมไปได้
  • แล้วอย่าลืมแวะมาอีกนะครับ
  • สวัสดีครับ

สวัสดีครับคุณครูรักษ์P

5. RAK-NA
เมื่อ อา. 02 ธ.ค. 2550 @ 20:28
  • หนุ่มน้อยน่ารักๆสวมหมวกสีชมพูเนี่ย  เป็นรางวัลที่ได้จากงานลอยกระทงหรือเปล่าน้อ... น่าตีก้นจัง  ลูกใครกันเนี่ย...
  • ครับ  การส่งเสริมกีฬาเป็นเรื่องดี  และจะดีมากถ้าทำแต่พอเหมาะพอควร  และเป็นการกีฬาเพื่อสุขภาพหรือพัฒนาคุณภาพชีวิต  โดยที่ไม่ลืมใส่ใจในกิจกรรมสร้างสรรค์อื่นๆด้วย 
  • ในส่วนที่จะพัฒนาสู่นักกีฬาอาชีพก็ค่อยว่ากันในอีกลักษณะหนึ่ง  ไม่ใช่ถึงฤดูกาลทีก็ซ้อมกันที จัดแข่งก็จัดเอาเป็นเอาตาย  เสร็จแล้วก็แล้วกันไป  ไปหน้าเบียดเบียนกันใหม่อีกรอบ  อย่างที่เห็นและเป็นอยู่
  • คุณครูรักษ์เห็นด้วยไหมครับ
  •  อย่าลืมแวะมาอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งนะ (ก็ครูวุฒิคิดไว้ว่าจะเขียนบล๊อกสัปดาห์ละเรื่องน่ะดี๊....อิอิ...)
  • สวัสดีครับ
  • แวะมาชวนครูวุฒิไปให้กำลังใจครูกั๊ต
  • ที่บล็อกครูกั๊ตหน่อยนะคะโรงเรียนเกษตรอินทรีย์ » แลกเปลี่ยนเรียนรู้
  • ครูกั๊ตจะได้มีกำลังใจสู้ต่อไป
  • ครูวุฒิคะ เข้าใจที่พูดทุกอย่าง อย่าเครียดค่ะๆ

    กีฬามีข้อดีมากๆ แต่เราเอาเรื่องอบายมุขเข้าไปใส่ มันก็เป็นอย่างนี้ละค่ะ

    น่าจะนำปัญหานี้เข้าที่ประชุมนะคะ

    สวัสดีครับน้องอ๊อด P

    11. naree suwan
    เมื่อ อ. 04 ธ.ค. 2550 @ 22:56
    • ขอบคุณที่แวะมาชวนไปเยี่ยมครูกั๊ด  ที่จริงไป 2 ครั้งแล้วล่ะ  แต่ไม่ได้ฝากร่องรอยไว้  รวมทั้งบล้อกท่านอื่นๆด้วย  เป็นเพราะม่เวลาให้กับหน้าจอน้อยไปหน่อย  บันทึกล่าสุดของครูกั๊ด  ครูวุฒิคงต้องคอมเมนต์เป็นพิเศษหน่อย  เพราะมีประสบการณ์คล้ายคลึงกันมาแล้ว
    • ฝากบอกครูกั๊ดด้วย  ว่าครูวุฒิแอบให้กำลังใจอยู่เดี๋ยวจะแว้บไปอีกรอบวันนี้แหละ
    • สวัสดีครับ

    สวัสดีครับคุณพี่ศศินันท์ P

    12. sasinanda
    เมื่อ พ. 05 ธ.ค. 2550 @ 21:48
     
    • ขอบคุณคุณพี่เป็นอย่างสูงครับที่แวะมาครับ
    • ที่เขียนไป จริงๆแล้วผมเองก็ไม่ได้เครียด  เพียงแต่อาจจะเขียนค่อนข้างเน้นที่ตัวประเด็นปัญหาแบบตรงๆไปหน่อย  ก็เลยดูคล้ายๆจะเครียด
    • ทุกประเด็นปัญหา  ได้มาจากการพูดคุยเชิงปรารภระหว่างเพื่อนครู  สังคมชุมชนรอบข้าง รวมทั้งผู้ปกครองนักเรียนผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงครับ  ไม่ได้คิดเอาเองทั้งหมด 
    • ในส่วนของครูที่โรงเรียนโคกเพชร  โดยเฉพาะครูสุภาพสตรีทั้ง 3 คน  จะต้องคอยทำหน้าที่เป็นศิราณีให้กับผู้ปกครองของเด็กแบบเคล้าน้ำตา (โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง) ซึ่งบ่อยครั้งมักจะเกิดต่อเนื่องจากการแข่งขันกีฬา  หรือเด็กจะฉวยจังหวะช่วงที่มีการแข่งขันกีฬา ไปทำในสิ่งที่เราๆท่านๆทุกฝ่ายวิตกกันอยู่  ซึ่งปัญหาต่อเนื่องที่ตามมา  มันส่งผลต่ออนาคตของเด็กตลอดชีวิต 
    • สุดท้ายครูก็ต้องคอยรับ"เด็กครึ่งคน" ที่เป็นผลผลิตจากความไม่ได้ตั้งใจของเด็กเหล่านี้ล่ะครับมาสอน ซึ่งจะแตกต่างจากเด็กที่มาจากครอบครัวอบอุ่นอย่างคนละฟากฟ้าครับ
    • ครับ  ในเนื้อแท้ของกีฬา เป็นเรื่องดีครับ  แต่เราเอามาใช้ไปในทางตรงข้าม  ซึ่งก็คล้ายๆกับ"พระพุทธศาสนา"  ที่แก่นแท้เป็นของล้ำค่า  แต่ชาวพาราบ้านเราส่วนใหญ่ใช้ไปในทางตรงกันข้ามซะมากกว่า
    • ประเด็นสำคัญที่กระผมอยากเน้น  ก็คือ  "การจัดแข่งขันกีฬา" ในรูปแบบที่เห็นและเป็นมาในวงการศึกษา เป็นสาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งของ"ปัญหาหนี้สินครู"อย่างที่ทราบๆกันอยู่  ซึ่งส่งผลเสียหายต่อคุณภาพการศึกษาโดยรวมเป็นอย่างมากครับ
    • พูดไปก็เหมือนเครียดนะครับ  แต่ไม่มีอะไร  เพียงแต่นำ ลปรร แบบจริงจังไปหน่อย  คุณพี่ไม่ต้องห่วงนะครับ  ผมมีภาพดอกไม้สวยๆเอาไว้ดูแก้เครียดอยู่ครับ  เครียดมากๆก็เดินดูต้นไม้ใบหญ้าไปนิดๆหน่อย  ก็หายแล้วล่ะครับ (มียาดีขนานนี้อยู่รอบตัวค่อนข้างเยอะอ่ะครับ)
    • ขอบคุณครับ
    • สวัสดีครับ

    ชาวอุตรดิตถ์แวะมาเยี่ยมชาวโคกเพชรครับ

    ปัญหานี้เป็นปัญหาโลกแตกครับ ลงทุนสูงจริงๆทั้งด้านงบประมาณ บุคคล เวลา และปัญหาที่ตามมาเหมือนอัฟเตอร์ช็อก

    ที่โรงเรียนจัดงบให้ 120000 บาท จัด 2 วัน ส่วนใหญ่นักเรียนม.6 แต่ละปีจะเป็นผู้ดำเนินการเกือบทั้งหมด นักเรียนหายไปเป็นอาทิตย์เลยครับ

    มันเป็นประเพณีของนักเรียนไปแล้วว่าการจัดกีฬาต้องยิ่งใหญ่

    ไม่จัดได้ไหม ห้ามยากครับ แต่ต้องตีกรอบให้ทุกๆเรื่อง

    P
    15. โต
    เมื่อ พฤ. 06 ธ.ค. 2550 @ 09:43
    สวัสดีครับน้องโต
    • ขอบใจสำหรับน้ำใจของชาวอุตรดิตถ์ ที่แวะมา
    • แท้ๆแล้ว  ครูวุฒิมิได้ต่อต้านการจัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬานักเรียนนะครับ
    • ยิ่งในรูปแบบที่น้องโตบอกว่า  รร.ให้งบ 120,000 บาท  โดยมี ม.6 ของทุกปีเป็นผู้ดำเนินการจัดการ  ยิ่งถือว่าน่าสนับสนุนที่สุด  เพราะนั่นคือการสร้างประสบการณ์การบริหารงานและภาวะผู้นำให้กับเด็กในวัยที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะเด็กมัธยมปลายเป็นวัยที่กำลังมีพลังสร้างสรรค์เข้มข้นที่สุด  ครูวุฒิเองได้ประสบการณ์ในลักษณะนี้มาพอสมควร  อย่างน้อยก็ช่วยให้เรามีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นครับ
    • แต่ที่ครูวุฒิเขียน  เป็นการประมวลภาพรวมของกีฬาในส่วนที่สังคมปัจจุบันใช้ประโยชน์จากการกีฬาอย่างไม่ใคร่จะถูกทาง  โดยมักจะเอากีฬาบังหน้า แต่เบื้องหลังมีแต่เรื่องของการเบียดเบียน บีบบังคับ(ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม) เรื่องของการเสพการกินการดื่ม  เรื่องของการทิ้งเด็กส่วนใหญ่ให้เคว้งคว้าง  เรื่องของการปลูกฝังกิจนิสัยอันไม่เหมาะสม เช่น โกงอายุ , ใช้แทคติกน่าเกลียด , ยั่วยุให้เกิดอารมณ์โกรธ , ไม่มีน้ำใจนักกีฬา , เย่อหยิ่งจองหอง , หลงลำพองในตัวเอง , ความลุ่มหลงละเมอเพ้อพก , หรือแม้แต่ความขี้เกียจ, ชอบความสะดวกสบาย ฯลฯ  เป็นต้น 
    • โดยเฉพาะการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการคอรัปชั่น , การกินตามน้ำ , การหาเสียง , การสร้างบุญคุณ และอำนาจบารมี รวมทั้งการผลาญเงินงบประมาณฯลฯ  ของนักการเมือง
    • ก็ไม่ต้องเลิกหรอกครับ  กิจกรรมกีฬาน่ะ  ปกติแล้ว เป็นกิจกรรมที่ดี(มากๆด้วย)  แต่ควรจัดแต่พอเหมาะ  และเน้นการกีฬาเพื่อสร้างสรรค์ร่างกาย  แทนการกีฬาเพื่อผลแพ้-ชนะอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างที่เห็นและเป็นอยู่
    • แลกเปลี่ยนกันได้อีกนะครับ
    • สวัสดีครับ
    • สวัสดีค่ะครูวุฒิ
    • วันก่อนแค่ฝากข้อความให้ช่วยกันแวะให้กำลังใจที่บันทึกครูกั๊ต
    • แต่ไม่กล้าบอกว่าเรื่องอะไร เพราะเกรงใจชาว G2K หลายท่านที่อาจไม่รู้จัก และยังไม่ได้ขออนุญาต พี่กั๊ต
    • แต่วันนี้หลายคนได้ทราบข่าว และได้แสดงความเสียใจผ่านบันทึก และโทรศัพท์ พูดคุยให้กำลังใจ ซึ่งกันและกัน พี่กั๊ตฝากขอบคุณ มา ณ ที่นี้ด้วย ค่ะ
    • พยายามฝากข่าว ตามบล็อกที่แวะพูดคุยกับพี่กั๊ตที่บันทึก และตามไปบอกใครต่อใครหลายคนที่พี่กั๊ตพูดคุยด้วยเสมอ
    • เสียดายค่ะที่ไม่ได้อยู่ใกล้ และวันอาทิตย์นี้จะเดินทางขึ้นภูเรือ พร้อมคณะกว่า 80 คน ไปหลายวันค่ะจึงไม่ได้ไปช่วยงาน ด้วยตนเอง
    • ขออนุญาตครูวุฒิฝากข่าวถึง ชาว G2K ที่อยู่ จ.สุรินทร์ และใกล้เคียง จะมีการฌาปนกิจศพคุณพ่อพี่กั๊ต ในวัน ที่ 12 ธันวานี้ ค่ะ
    •  และอยากเชิญชวนชาว G2K ทุกคนไปให้กำลังใจพี่กั๊ตGutjang ที่ต้องสูญเสียคุณพ่อไปเมื่อคืนวันที่ 4 ธันวาคมที่ผ่านมา   ที่บันทึกนี้นะคะP แลกเปลี่ยนเรียนรู้
    • ช่วยกันไปเป็นกำลังใจให้พี่กั๊ตผ่านพ้นห่วงเวลาแห่งความทุกข์ ความโศกเศร้า และสูญเสียนี้ไปให้ได้ และกลับมาเข้มแข็งและมีพลังแรงใจมาขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ในโรงเรียนบ้านจันรม ที่สุรินทร์ ต่อไปนะคะ
    • ตามมาขอบคุณ
    • ตอนนนี้อยากบอกว่า
    • ผักชีกำลังขึ้นเต็มข้างทางงานซีเกมส์ที่โคราชครับ
    • เสียดายงบประมาณเหมือนกันครับ
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท