คุณคะ มีวิถีชีวิตเหมือนฉันไหมคะ เปลี่ยนสภาพจากหนู(ทดลอง) (<< คลิกอ่านเรื่องหนูๆค่ะ) ไปเรียนรู้หลักสูตรงานของเป็ด แล้วก็เป็นเป็ดเต็มชีวิต ได้เพื่อนร่วมทางเป็นคุณช้าง คุณนก(ฮูก) แบบว่าข้าฯ มาตัวเดียวเลยค่ะ
หน่วยงาน องค์กร หรือสถาบันไหนจะรับเป็ดเข้าไปอยู่รวมฝูงบ้างคะ หากหน่วยงานนั้นไม่ใช่องค์กรที่ทำกิจกรรมล้วนๆ ด้านการสื่อสารมวลชน คนเป็นนักบัญชีก็อยู่แบงค์นับเงิน คนเป็นหมอก็อยู่โรงพยาบาลรับรัก (ษา) ส่วนบรรณารักษ์ (นกฮูกผู้ทรงภูมิ) ก็อยู่กับเหย้าเฝ้าหนังสือกันไป เอาละค่ะ เมื่อไม่มีโอกาสอยู่รวมฝูง มาดูกันค่ะว่าชีวิตของฉัน นั้นแสนลำบากในการฝ่า (ฟาด)ฟัน? หรือเบิก(เบอะ) บานตรงกันข้าม?
เป็ดที่ไม่ได้อยู่รวมฝูง...
ย้อนหลังไปยังบทแรก ๆ เรื่องเป็ด เป็ด ดิฉันได้รับความกรุณาแต่งกลอนบทนี้จากท่านอาจารย์ ทนัน ภิวงศ์งาม
นี่เลยค่ะ...
เป็ดเดินเป็ดวิ่งได้ บนดิน
เป็ดร่อนเป็ดอาจบิน สู่ฟ้า
เป็ดลอยเป็ดดำสินธุ์ เป็นอยู่
เป็ดหมู่เป็ดหาญกล้า ทั่วหล้า ทำเป็น
.
เห็นตามเพราะม่อนนั้น ครือเป็ด
ทุกสิ่งเหมือนเบ็ดเสร็จ ยิ่งล้ำ
ความจริงนั่นเบ็ดเตล็ด เป็ดอยู่
บกสู่อากาศน้ำ ทั่วก้ำ ผิวเผิน
โดย ทนัน ภิวงศ์งาม 10 พฤษภาคม 2551
แม้จะไม่ได้อยู่รวมฝูงกับใครเขาแต่ ดิฉันมีเรื่องราวแห่งการงานอันแสนเบิกบานในหัวใจ...เป็ด มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
นั่งทำงานอยู่ดีๆ ก็เห็นแมลงปอตัวบางแต่ปีกแข็งบินร่อนอย่างกับเฮลิคอปเตอร์ เข้ามาเยี่ยมชมพื้นที่ทำงานของฉันอยู่บ่อยๆ คิดถึงแมลงปอว่าตัวเล็กนิดแค่นั้น แต่มันคงมีความสุขกับการโบยบินไปมา พอคิดถึงตัวเราเอง เปรียบเทียบแล้ว เป็นเป็ด...ปีกอ่อนค่ะ(เอ๊ะ! มีความสุขไหมนะ)
ฉันใช้ช่วงเวลาชีวิตงานนานกว่าหลายคนในสถานที่ทำงาน ทั้งที่เกิดมาพร้อมกัน เดินบนเส้นทางของใครของคนนั้น คู่ขนานกันดีอยู่แท้ๆ แต่ อ้าว พวกเขาไปไกลโน่นแล้ว อ้อ เพื่อนฝูงเขามีเยอะ เปรียบๆ เป็นหงส์ เขาก็ฝูงหงส์นั่นเลยค่ะ (แต่ความจริงเขาคือนกฮูกนะคะ นกฮูกผู้ทรงภูมิอยู่กับหนังสือ) เหลียวหาเพื่อนบนทางคู่ขนาน เผื่อจะขอเข้าฝูง ก็ยิ่งไม่ได้ใหญ่เลยค่ะ นั่นก็ฝูง นี่ก็ฝูง แต่คนละสปิชี่ส์ เพราะฉันมาตัวคนเดียวในตำแหน่งที่ไม่มีใครเคยครอบครองมาก่อน ตั้งขึ้นเพื่อเอามาทำอะไร เขายังไม่รู้เลยค่ะ แต่อยากมีเป็นแฟชั่น ^^ ทีนี้พอมีงานอะไรไม่มีเจ้าของ ยกมาเลยค่ะ เป็ดรับ (เละ) แม้จะโดดเดี่ยว แต่ก็ไม่โดดเด่น ค่าตอบแทนได้รับเสมอต้นเสมอปลายดีค่ะ ก็เลยเจอซอยตันช้ากว่าคนรุ่นเดียวกันนานทิ้งช่วง อิอิ ฮ่าฮ่า
ข้อสำคัญชีวิตงานของฉัน ไม่มีอะไรที่ลงตัว (ในสายตาคนอื่น) ถูกจับ ถูกปัก ถูกวาง ไปทุกที่ที่วางได้ เมื่อโดนวางตรงไหนก็เท่ากับให้ไปเริ่มต้นนับศูนย์ (ไม่ได้นับหนึ่งนะคะ) (แต่คิดอีกทีในเชิงบวกก็ยังดีไม่ติดลบ ฮ่าๆ) การนับศูนย์ กว่าจะหลุดพ้นจากป่าชายเลนได้ ก็เล่นเอาเสียน้ำตาไปหลายลิตร ฉันไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่ให้ความหมายว่ามีความสำคัญในสถานที่พักพิงนี้หรอกนะคะ (ยี่สิบปี สองขั้นที่ได้มีแค่สองครั้งเท่านั้นเองค่ะ เชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ตามสำนวนคนโทรทัศน์ คุณทำดีแล้วแต่ยังดีไม่พอไงคะ อือม์ เราทำงานเป็นแต่ไม่เก่ง!)
ความที่ฉันถูกปักถูกวางสะเปะสะปะไปหมด ความดีสะสมเริ่มต้นใหม่ที่ศูนย์เสมอ ที่ไหนจะตามฝูงที่ไม่ใช่เป็ดไปทันใช่มั้ยคะ สอดรับกับความเป็นเป็ด เดิน วิ่ง บิน ว่าย ได้อยู่แล้ว แต่บินไม่เก่งสู้นกฮูก บ่ ได้ อะไรทำนองนั้นค่ะ
แล้วเชื่อไหมคะว่า มีคำบอกเล่า เชื้อเชิญให้ทดลองถอดหัวใจ หัวใจฉันก็เลยเหมือนถอดวางอัตโนมัติในเรื่องงาน ดูดู๊ ดูยังกับเสพย์ติดยาเชียวค่ะ เพราะมันได้ช่วยเหลือปลอบประโลม (หลอก)ใจเราไปวันๆ แต่ความหลงผิดเหล่านั้นมันก็ยังได้สติตักเตือนให้กลับตัวกลับใจราวกับได้ไปเข้าวัดถ้ำกระบอก อ๊วกอาการหัวใจเย็นชาออกมาเสียได้ค่ะ เพราะเกิดมาดีๆ จะให้เสียชาติเกิดได้อย่างไร เสียสถาบัน(เป็ด) แย่เลยซิคะ รวมสถาบันหนู (ทดลอง) ด้วยค่ะ
ติดปีกค่ะ จะได้ไม่สำลักน้ำ (เน่า) ต่อให้เป็นหงส์ฟ้า (นกฮูก) ระดับไหน จะทิ้งระยะห่างจากฉันไปไกลแค่ไหน เดี๋ยวฉันจะตามให้ทันให้ดูค่ะ และแล้วในที่สุดฉันก็มายืนในจุด ๆ หนึ่ง
คือทางตันเหมือนกันไงคะ...
อ้าว! ตันแล้วทำยังไง
บินสิคะ บิน บอกแล้วไงว่าสักวันหนึ่งเป็ดจะบิน สูง และไก่จะว่ายน้ำได้ ^^
เกือบจะได้เวลาแล้วค่ะ ที่ อะไรก็คงจะฉุดไว้ไม่อยู่...
การเรียนรู้ในแบบเดิมๆ ในระบบที่ทำอยู่นี้ คือการคลำผิดคลำถูก ไปเรื่อยๆ แต่อยู่ในกรอบบังคับ สุดแต่ว่าเราจะลากตัวเราเองไปชนมุมไหน ผนวกอาการที่มองงานเป็นเพียงเครื่องมือทำมาหาเลี้ยงชีพไปวันๆ ไม่ค่อยได้คิดทุ่มเทพลังงานและหัวใจเต็มกำลังหนึ่งร้อยให้งาน งาน และงาน ซึ่งในเส้นทางงานของฉัน เห็นคนที่ไม่เทใจเต็มร้อยยุคนั้น เขายังรับแล้วรับอีก และกับความมั่นคงในงานก็ยังคงมีอยู่เต็มพิกัด!
แล้วฉันจะทำ อะไรไปมากมายทำไม
คิดผิด(มานาน) ค่ะ แต่วันนี้ยังไม่สาย มาระยะหลังสงสัยฉันจะเบื่อการเรียนรู้ทำโน่นเป็นนิดๆ ทำนี่เป็นหน่อยๆ ในกรอบที่จำกัด ฉันเลยเริ่มติดมอเตอร์ให้ปีก เริ่มคิดที่จะโผผินบินแบบนก (ฮูก) ฉันเริ่มเปลี่ยนแนวการเรียนรู้เพิ่มเติมผ่านหนังสือสารพัดหมวด ฉันเริ่มกิจกรรมฆ่าเวลาการออนไลน์ในโลกมายาหฤหรรษ์อย่างเช่น โลก Hi5 , Multiply และแล้วก็มาเจอะเจอพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ด้วยเมล็ดพันธุ์ความรู้และมิตรภาพ ฉันจึงพบตัวเองในระยะหลังมานี้เริ่มติดการอ่านหนังสือแนวปรัชญา ชีวิตและจิตวิญญาณ เริ่มติดอกติดใจเรื่องราวของธรรมชาติรอบตัว เริ่มทำตัวเป็นว่าวที่หลงลมบนอย่างน้องสาว คนหนึ่งให้นิยามไว้ ฉันว่าฉันแต่งตัวเองใหม่แล้ว...อือม์ พอดูดีขึ้นนะ ^^
มาเข้าเรื่องจริงจังกันค่ะ...(ข้างบนนั้นเป็นน้ำท่วมทุ่งทั้งนั้นเลยนะคะ ^^)
ทำไมฉันจึงเปลี่ยนแปลงไป ฉันเริ่มทำตัวเหมือนแม่แก่ๆ คอยจ้ำจี้จ้ำใช สอนเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้เพื่อนฝูง และผู้คนไปทั่ว ทำไมฉันถึงลืมบอกตัวเองให้หยุดอยู่เรื่อยไปเวลาเห็นอะไรไม่เข้าที่เข้าทาง เหมือนเห็นคำตอบตัวใหญ่ ชัดแจ๋วที่เป้าหมายปลายทาง แต่ทำไมใครๆ ก็ไม่ยอมไปตามทางเดินที่ฉันเห็น อะไรทำนองนั้น
ตาร์ถัง ตุลกู รินโพเช่ (TAR THANG TULKU) นักบวชและครูสอนศาสนาแห่งวัดตาร์ถัง ธิเบตตะวันออก เขียนความคิดของท่านในหนังสือ "SKILLFUL MEANS" หรือชื่อไทย "แห่งการงานอันเบิกบาน" แปลและเรียบเรียงโดย โสรัช์ โพธิแก้ว (สำนักพิมพ์แสงตะเกียง, 2528) ตอนหนึ่งของหนังสือนี้ที่ติดใจมีว่า
"เมื่อเรามองงานเป็นวิถีที่จะดื่มด่ำและเพิ่มความหมายให้แก่ประสบการณ์ชีวิต พวกเราทุกคนจะเห็นคุณค่าของงานภายในหัวใจตนเอง และจะจุดประกายมันในผู้อื่นรอบๆ ตัวเราด้วย และใช้ทุก ๆ แง่ของงานในการเรียนรู้และงอกงาม..."
หนังสือและถ้อยความเขียนที่ปรากฏในตัวเล่มแห่งการงานอันเบิกบาน ถูกนำย้อนกลับมาศึกษาอ่านใหม่ หลังจากที่ฉันได้นำชีวิตไปติดหนังสือชื่อนี้เมื่อยี่สิบปีมาแล้ว และลืมไปเลยด้วยซ้ำ วันนี้ฉันบังเอิญค้นเจอและหลังจากลงมืออ่านซ้ำอีกครั้ง ก็เกิดมีบางสิ่งจุดประกายความคิด ความรู้สึก และการทำงาน ฉันพบคำตอบในการมีชีวิตอยู่ของตัวเองที่จะทำอย่างไรไม่ให้สูญเปล่าเหมือนที่ผ่านมา ฉันเกิดความรู้สึกมั่นใจเพิ่มขึ้นมาอีกนิดๆ หลังจากมีวิถีชีวิตขลุกขลิกที่โกทูโนวนี้ (อ่านบทนี้แล้วยังคะ "หกเดือนนี้ฉันว่าฉันได้...")
แต่ช้าก่อน..ฉันไม่ได้กลายเป็นคนใหม่รวดเร็วขนาดนั้น...ภายใต้ความรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองเพิ่มเติมก็มีความรู้สึกด้านมืดให้แปลกประหลาดใจตัวเองเช่นกัน นั่นคือพอมองเห็นลางๆ ในความไม่ค่อยจะชอบใจ พอใจอะไรนักจากบางคน หรือเป็ดจะเผลอเหยีบหนวดสิงโตเข้าให้แล้ว
อภิโธ่! มีเสียงลอยลมมาปลอบใจ ไม่เป็นไร มีขาวก็มีดำ มีด้านมืดก็มีด้านสว่าง ช่างเถอะๆ พี่เป็นเป็ด พี่ก็วิ่ง พี่ก็บิน พี่ก็ว่ายได้ในแบบของพี่ ใครเขาก็ต้องเก่งกว่าอยู่แล้ว เพราะเขาเฉพาะเจาะลึก ก็แค่ลึกลงเฉพาะที่ที่ของเขา! ยังไงพี่เป็ดก็ทำ(ดีๆ)ต่อไป
โอ้...ทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย จบเรื่องราวเป็ด (ดื้อดึง)ที่ไม่ได้อยู่รวมฝูง แล้วนึกสนุกจะบิน ปีนขึ้นไปนอนบนขื่อสูงเหมือนไก่ต็อก สักวันก็จะไข่ตกลงมา แปะหัวใครบางคน ให้หัว(หรือไข่) แตกเละตุ้มเป๊ะไปเลย
แต่จะว่าไปก็สนุกดี ไม่กดดันอย่างไรแล้วนี่คะ ที่เคยบอกไว้ (บอกตอนไหน ต้องไปค้นไปคุ้ยหาอ่านใหม่แล้วค่ะ) และ...
การทำงานแบบปัจจุบัน แบบว่าเล่นๆ เรียนๆ รู้ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะฉายเดี่ยวเสียทีเดียวหรอกค่ะ
...แหมๆ เป็ดก็มีผู้รู้ช่วยชี้แนะเหมือนกันนะคะ
...จะว่าเป็นต้นแบบก็ไม่ถึงขนาดนั้น
...แต่คนเราจะมีต้นแบบสักกี่แบบก็ไม่แปลกกระไร จริงไหมคะ
...คุณล่ะคะ มีกี่คนที่เป็นต้นแบบ?
(น่า นะ จะเอาอะไรกับนิยายเป็ดนะคะ)
ปิดท้าย ขนาดเป็ดไม่ได้อยู่รวมฝูง แล้วนกฮูกที่หลงฝูงล่ะคะ จะขนาดไหน ถามนกฮูกค่ะ...