"ดูกรอานนท์! คฤหัสถ์ก็ดี นักบวชก็ดี ที่กล่าวว่าตัวรู้จักผี ตัวแลเห็นผี และตัวได้พูดจากับผี ดังนี้แล้ว ก็พึงรู้เถิดว่า คนจำพวกนั้นไม่ใช่ลูกศิษย์ของเราตถาคถ เขาเป็นพวกมิจฉาทิฏฐิภายนอกพระศาสนา ไม่ควรถือเอาเป็นครูเป็นอาจารย์ เพราะเขาเป็นคนเจ้าอุบาย เจ้าเล่ห์ เจ้ากล เป็นคนอุตริทั้งนั้น
ดูกรอานนท์! เราจักทำนายไว้ให้เห็น ในอนาคตเบื้องหน้าจักเกิดมีพวกมิจฉาทิฏฐิภายนอกพระศาสนา ที่อวดอ้างว่าตัวรู้ ตัวเห็นผี ได้พูดจาด้วยกับผี ครั้นบุคคลจำพวกนี้เกิดขึ้นแล้ว ก็จักเบียดเบียนพระศาสนาของเรา ให้เสื่อมถอยลงไปด้วยวาทะถ้อยคำเสียดสีต่างๆ พระสงฆ์สามเณรก็จักเกิดความระส่ำระสาย หาความสบายมิได้ เขาจักสอนทิฏฐิวัตรอย่างเคร่งเครียด ถืออรัญญิกธุดงค์อย่างพระเทวทัตต์ ภายหลังก็จักแบ่งเป็นพระบ้านพระป่ากัน แล้วก็จักแตกออกกันเป็นพวกๆ ไม่สามัคคีกัน ศาสนาของเราก็จักเสื่อมถอยลงไป เพราะพวกมิจฉาทิฏฐิที่เห็นแก่ลาภยศ หาความสุขมิได้ มรรคผลวิเศษก็จักไม่เกิดขึ้นแก่เขา เขาจักเรียนเอาแต่วิชาศีลธรรม อันพวกมิจฉาทิฏฐิสอนให้ รู้อะไรกันบ้างเล็กน้อย ก็อวดดีกันไป แท้ที่จริงความรู้เหล่านั้นล้วนแต่รู้ดีสำหรับไปสู่นรก เขาจักไม่พ้นจตุราบายได้เลย
ดูกรอานนท์! ในอนาคตกาลภายหน้า จักมีอย่างนี้ไม่ต้องสงสัย ถ้าผู้ใดรับลัทธิอย่างนี้ไว้ เมื่อทราบความจริงแล้วก็จงเพียรพยายามละเว้นเสีย แล้วจักได้ประสบความสุข ฯลฯ"
ธรรมาวุธ
คิริมานนทสูตร ฉบับภาคเหนือ ?
น่าจะไม่ได้มาจากพระไตรปิฎก แต่เลียนแบบมา เค้าเรียกว่า สัทธรรมปฏิรูป...
ในภาคเหนือมีปราชญ์บาลีโปราณที่มีความสามารถแต่งวรรณกรรมบาลีเลียนแบบ....
ตัวอย่างเช่น ปัญญาสชาตก แต่งเลียนแบบชาดก เมื่อพม่าบุกลานนา ก็หอบคัมภีร์เหล่านี้ไปด้วย ...เมื่อถึงพม่า ผู้รู้ตรวจสอบดู เห็นว่าเป็น สัทธรรมปฏิรูป ก็เลยให้เผาหมด...
มิใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับที่ยกมา และมิใช่ไม่เห็นความสำคัญของปัญญาสชาดก...........
แต่บอกเล่า เผื่อใครจะเอาไปอ้างต่อ...
เจริญพร
ขอบพระคุณมากครับพระคุณเจ้า
ธรรมะสวัสดีครับ
มิใช่ว่า กรุณาอย่าโพสต์
แต่บอกเล่าข้อเท็จจริงบางอย่าง....เท่านั้น
วรรณกรรมบาลีเลียนแบบเหล่านี้ กลับมีคุณค่าสูง..
เจริญพร
กราบนมัสการครับพระคุณเจ้า
กราบสามครั้งครับ
<<ขณะนี้กำลังหาข้อมูลอยู่ครับ>>
ไม่ต้องลบดอกครับ หาข้อมูลมาเพิ่มเติมก็พอ ถ้าไม่ใช่พุทธพจน์ ก็เปลี่ยนหัวข้อเอาครับ อาจจะเขียนปูมไว้ด้วยว่าเปลี่ยนจากอะไรเป็นอะไร น่าจะเป็นประโยชน์กว่าการลบมากมาย
ธรรมะสวัสดีครับ
สวัสดีค่ะคุณธรรมาวุธ
เห็นด้วยกับคุณวีร์ค่ะ..ว่าคุ้นๆชอบกลแต่ตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน และ ไม่ต้องลบหรอกค่ะประเด็นนี้น่าสนใจออก..
" คิริมานนทสูตร " กับ " สัทธรรมปฏิรูป "
ตามมาคุยด้วยครับ...
ที่จริงดูตามเจตนาของเนื้อความแล้ว...ผมว่าวรรณกรรมบทนี้เน้นที่การกระตุกกลับทางความเชื่อได้ดีทีเดียวครับ...
นอกจากไม่ควรลบแล้ว...สมควรเผยแพร่ต่อไปโดยไม่อ้างว่าเป็นพุทธพจน์ก็ได้ครับ...
ธรรมะสวัสดีครับ
ตามความเข้าใจนะคะ วิญญาณก็เป็นพลังงาน เหมือนคลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ คนที่มีความสามารถ (ถ้าจะเรียกเช่นนั้น) ก็เป็นดั่งวิทยุหรือโทรทัุศน์ที่จะปรับให้รับภาพ หรือเสียงอะไรก็ได้ อยู่ที่ว่า ปรับแล้วได้อะไร? เพื่ออะไร?
ผมคนนึงที่เห็นว่าเรื่องเล่าหรือตำราเก่านั้นไม่อาจมองข้าม อย่างน้อยสิ่งเหล่านั้นก็สะท้อนการเป็นอยู่ของหลายสิ่งในห้วงเวลานั้น หรือบางทีก็ช่วยให้สังคมแห่งนั้นอยู่มาได้อย่างสงบสุข ผมเชื่อในความแยบคายของ ปราชญ์ ครูบา อาจารย์ หมอพราห์ม หรือผู้รู้ในอดีต ที่เล่า ปฏิบัติ น้อมนำให้สังคมไทยอยู่มาได้
สิ่งที่เราเรียนรู้มาใหม่ช่วงเวลาไม่ถึงร้อยปีมานี้ต่างหากที่ทำเอาสังคมไทยโลเล บิดเบี้ยว ยืนอยู่อย่างง่อนแง่นเมามาย
ธรรมะสวัสดีครับ
ผมจะเป็นคนที่มองอะไร ใน 2 มุมตลอดนะครับ
1.ถ้าไม่มีผี แล้ว ศาลพระภูมิที่มรอยู่ทุกบ้านทำไว้เพื่ออะไร
2.ถ้าไม่เชื่อเรื่องผี แล้ว คุณคิดว่าเทวดามีจริงหรือ
3.ถ้าลองอ่านในประไตรปิฎกเล่มแรกที่ว่าด้วยการปราชิก จะมีข้อหนึ่งครับ ที่ห้ามภิกษุรวมกามกับปีศาจ(ถ้าผี ปีศาจไม่มีจริง แล้วศีลในข้อนี้จะมีกำหนดไว้ได้อย่างไร)ลองไปอ่านดูครับ
ครับอันนี้ผมก็เข้าใจผู้เขียนเป็นอย่างมาก เพราะขนาดเรื่องที่ผมเขียนหลายคนก็ไม่เชื่อเหมือนกันครับ
พอมาอ่านตอนท้ายก็เห็นหมายเหตุที่เขียน ก็เข้าใจแล้วครับ
ขอบคุณที่เอาเรื่องแบบนี้มาลงเพื่อให้พวกเราทุกคนในนี้ช่วยกันคิด ช่วยกันวิจารณ์ครับ
ธรรมะสวัสดีครับ
ก็มีข้อสงสัยให้มองได้ครับ
1. ถ้ามีผี เทวดา ปีศาจ ฯ
ข้อสงสัย คือ โลกเกิดก่อนมนุษย์แน่ครับ มีพืชสัตว์เกิดตายก่อนเกิดมนุษย์ก็แน่อีกครับ แล้วพืชสัตว์เหล่านั้นตายเป็นผีแล้วไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ นรก สวรรค์ หรือไปเกิดเป็นอะไร ?
2. ถ้าไม่มีผี เทวดา ปีศาจ ฯ
ข้อสงสัย คือ ที่มีคนบอกว่าเห็นผี รูปร่าง หน้าตาเดียวกัน ในสถานที่เดียวกัน โดยที่แต่ละคนซึ่งมีประสบการณ์ตรงกันนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันหรือไม่เคยได้รับการบอกเล่าถึงสถานที่ หรือรูปร่างหน้าตาของผีดังกล่าวมาก่อนเลย จะอธิบายได้อย่างไรครับ?
พระสูตรนี้เป็นพระสูตรเดียวกับที่ข้าพเจ้าอ่านจากหนังสือพิมพ์แจกค่ะ อ่านแล้วรู้สึกประทับใจอย่างมาก
แต่หนังสือเล่มที่ข้าพเจ้าอ่านนั้นไม่ได้ระบุที่มาค่ะ เคยเสิร์ชทางเน็ตดู ก็มีเว็บหนึ่งระบุที่มาเหมือนของคุณจขกท ค่ะ ว่า พระสูตรนี้เป็นพระสูตรที่ "แปลจากภาษาสยามฝ่านเหนือสู่ภาษาสยามกลาง โดย พระธรรมมีรราชมหามุนี (จันทร์ สิริจนฺโท..." ค่ะ
ที่ลิงค์ยาวก็เพราะว่านำมาจาก หน้าเสิร์ชของกูเกิลน่ะค่ะ คือ พอเปิดเข้าไปในเว็บนั้นแล้ว ไม่เจอคำที่กล่าวระบุที่มา(แล้ว)น่ะค่ะ
ที่ใครต่อใครรู้สึกคุ้นกับพระสูตรบทนี้ ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ เพราะพระสูตรฉบับนี้(ที่ไม่ตรงกับในพระไตรปิฎก) ได้รับการพิมพ์เผยแพร่ และ โพสในเว็บบ่อยมาก น่าจะมีใครช่วยตรวจสอบที่มาและระบุให้ชัดเจนไปเลยนะคะ ว่าที่จริงแล้วเป็นพุทธพจน์หรือไม่ ไม่งั้น ถ้าคนอ่านเข้าใจผิด และ เชื่อตามนั้นจริงๆ แล้วนำไปกล่าวอ้างจะเป็นยังไง
อย่างไรก็ตาม ไม่ได้คิดดูถูกพระสูตรบทนี้นะคะ เพราะเรื่องพระธรรมที่ระบุในพระไตรปิฎกเล่มต่างๆ ก็มีผู้ตั้งข้อสงสัยไว้ว่า เป็นพุทธโอวาทจริงหรือไม่
พิจารณาธรรมตามหลักนี้ได้ไหมคะ "การอันใดเป็นไปเพื่อระงับดับร้อน ดับพิษภัยจากความโลภโมโทสัน ดับราคะตัณหา ความอยากมี อยากใหญ่ นั่นก็เป็นธรรมพระศาสดา" http://larndham.net/index.php?showtopic=12455
จขกทไม่ได้ระบุที่มา แต่เคยได้ยินว่าคือ พุทธพจน์ค่ะ ผู้ใดรู้ ช่วยบอกที ขอบคุณค่ะ
ผมคิดว่านะ เราไม่รู้หรอกว่า ส่วนไหนเป็นพุทธพจน์ ส่วนไหนไม่เป็น คือผมหมายถึง ทั้งไตรปิฎกทั้งหมดนั่นแหละครับ เพราะอะไร เพราะพระพุทธเจ้าไม่ได้เขียนเองครับ และไม่ได้บอกให้ใครจดตามด้วย ทั้งหลายทั้งปวง เป็นฝีมือของ คันถรจนาจารย์ และอรรถกถาจารย์ครับ
เราไม่รู้หรอกครับ อันไหนตรง อันไหนไม่ตรง เผลอ ๆ เป็นการคาดคะเนเอาทั้งตู้ไตรฯ (อย่าต่อว่าผมเลยนะ คนเรามีสิทธิสงสัย)
ผมเป็นคนนึงที่เชื่อพระพุทธเจ้านะ ท่านสอนเรื่องความเชื่อไว้หลายอย่าง เช่น อย่าเชื่อเพราะเห็นว่าเขาเป็นอาจารย์ (ผู้รู้ทั้งหลาย) อย่าเชื่อเพราะมันมีอยู่ในหนังสือ (ซึ่งพระไตรปิฎกก็เป็นหนังสือ) อย่าเชื่อเพราะน่าเชื่อถือ อย่าเชื่อเพราะอยากเชื่อ และอีกหลาย ๆ อย่าง
พระพุทธเจ้าให้ใช้ โยนิโสมนสิการ คือหมั่นตรึกตรองโดยใช้เหตุและผล แล้วเราจะรู้ว่าสิ่งนั้นควรเชื่อหรือไม่
และจากเหตุผลข้างต้นที่กล้าวมา ผมจึงไม่ปักใจเชื่อในพระไตรปิฏก แต่ผมเป็นคนดีนะ ผมทำความดีโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ ทั้งสิ้น
ขอบคุณครับ
ท่านทั้งหลาย ในกาลบัดนี้คิริมานนทสูตร(พระยาธรรมิกราช) ฉบับนี้เป็นจริงคือผมได้ศึกษานำเรื่องวิถีจิตในพระอภืธรรม + มิลินทปัญหา + คำเทศน์ของหลวงปู่มั่น ท่านพ่อลี หลวงปู่ดูลย์ หลวงตามหาบัว + ความรู้วิทยาศาสตร์ปัจจุบันหลายสาขา มารวมกัน มองธรรมในรูปวิทยาศาสตร์ ปรากฏว่าอธิบายนิพพานได้ชัดแจ้ง และตรงกับสภาวะนิพพานในคิริมานนทสูตรเกือบทั้งพระสูตรเลย และอธิบายสัมโมทนียกถาระหว่างพระพุทธเจ้ากับหลวงปู่มั่นได้ชัดแจ้ง ที่สุดอธิบายกลไกการเกิดทศพลญาณในระดับเบื้องต้นได้ครับ