๐๗.๐๐ น. วันนี้ ดิฉันมีโอกาสได้เข้าพบ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ที่ สคส. เพื่อขอคำแนะนำและปรึกษาเกี่ยวกับงานด้าน KM และรายงานเรื่องการจัดตลาดนัดความรู้ จังหวัดนครพนม เมื่อวันที่ ๘-๙ พฤาภาคม ๒๕๔๙ ที่ผ่านมา
ดิฉันขอคำแนะนำจากอาจารย์วิจารณ์ว่างาน ๓ เรื่อง
ต่อไปนี้ควรดำเนินการอย่างไร
๑. ในคราวที่ไปจัดตลาดนัดความรู้ที่ รพร.ธาตุพนม นพ.มนู
ชัยวงศ์โรจน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล
ได้แจ้งให้ทราบว่ามูลนิธิ รพ.สมเด็จพระยุพราช
มีความสนใจและต้องการให้ขยายวิธีการ KM ไปสู่ รพ.สมเด็จพระยุพราช ๒๑
แห่งทั่วประเทศ จึงขอให้ช่วยไปจัด KM workshop ให้ด้วย
๒. สมาคมนักกำหนดอาหารจะจัดประชุมวิชาการประจำปีในเดือนมิถุนายนนี้
ต้องการให้มีบรรยายเกี่ยวกับ KM และมีกิจกรรมในกลุ่มย่อยด้วย
คาดว่าผู้เข้าประชุมจะมีประมาณ ๓๐๐-๔๐๐ คน แบ่งกลุ่มย่อย ๒๐
กลุ่ม
๓. โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
เชิญดิฉันให้ไปบรรยายและจัดกิจกรรมให้เกิดการเรียนรู้เรื่อง KM
สำหรับนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ ๒ จำนวน ๑๘๒ คน
แนวทางการดำเนินงานที่สรุปได้จากการหารือมีดังนี้
KM Workshop สำหรับกลุ่ม
รพ.สมเด็จพระยุพราช
แบ่งเป็น ๒ workshop
- Workshop แรกมีเป้าหมายเพื่อสร้างวิทยากร KM โดยเลือก
รพ.สมเด็จพระยุพราชที่มี best practice มาสัก ๔-๖ แห่งๆ ละ ๔-๕ คน
จำนวนคนทั้งหมดประมาณ ๓๐ คนหรืออย่างมากไม่เกิน ๔๐ คน
คนเหล่านี้จะต้องไปทำหน้าที่เป็นวิทยากรฝึกคนอื่นๆ ใน รพ.ตนเองและ
รพ.อื่นได้ ผู้อำนวยการ รพ. (คุณเอื้อ) ควรมาด้วย
อาจเดินเรื่องด้วยเบาหวาน แต่จะแนะให้ขยายไปสู่เรื่องอื่นๆ
ได้ด้วย
- Workshop ครั้งที่ ๒ อีกประมาณ ๑ เดือนครึ่งถึง ๒
เดือนหลังจากงานแรก จัด KM workshop สำหรับกลุ่ม รพ.สมเด็จพระยุพราช
โดยทีมวิทยากรที่ผ่านการฝึกไปแล้ว ทีมงานของดิฉันและ
สคส.ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง
การประชุมวิชาการของสมาคมนักกำหนดอาหาร
ช่วงเช้า เวลา ๑๐.๓๐-๑๒.๐๐ น. บรรยายเรื่อง KM โดย ดร.ประพนธ์
ผาสุขยืด ช่วงบ่ายที่แบ่งกลุ่มย่อยให้เป็นกิจกรรม
Knowledge sharing โดยใช้เรื่องเล่า ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที
หลังจากนั้นจับฉลากให้มานำเสนอความรู้ที่ได้ ๗-๘ กลุ่ม
อภิปรายว่าจะเอาเครื่องมือนี้ไปใช้ต่ออย่างไร
การที่จะทำกิจกรรมกลุ่มย่อย ๒๐ กลุ่มนี้ได้
จะต้องมีการเตรียมผู้ที่จะทำหน้าที่เป็น “คุณอำนวย” และ “คุณลิขิต”
ประจำกลุ่มไว้ล่วงหน้า ต่อไปควร connect
กันเป็นเครือข่ายและอาจแนะให้ไปแลกเปลี่ยนกันในบล็อก
สมาคมนักกำหนดอาหารก็จะได้ทำหน้าที่เป็นสมาคมยุคใหม่
ที่ไม่เพียงแต่หาวิทยากรมาบรรยายวิชาการเท่านั้น
แต่ยังทำหน้าที่ให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างกันอีกด้วย
งานสอนนักศึกษาพยาบาล
ดิฉันมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้นำ KM เข้าไปสู่การเรียนการสอน
และน่าจะใช้ได้ดีในรายวิชา Clinical practice
อาจารย์วิจารณ์เสนอวิธีการให้นักศึกษาเขียน diary
เล่าว่าได้เรียนรู้อะไร ทำอะไร นักศึกษาจะได้ฝึกเขียน
ซึ่งเป็นการจัดระบบความคิด ทำให้มีใจจดจ่อกับสิ่งที่เรียนสิ่งที่ฝึก
และยังได้อ่านของเพื่อน
นักศึกษาเขียนสิ่งที่ประทับใจทั้งในเรื่องที่เป็นเทคนิค ความรู้
ความรู้สึก อารมณ์ (ความเป็นมนุษย์)
วิธีการนี้จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดการเรียนรู้จากการฝึกงาน
และเรียนรู้จากเพื่อน เป็นการเรียน ๒
ขาคือเรียนจากทฤษฎีและเรียนจากการปฏิบัติ
ในแต่ละสัปดาห์กลุ่มอาจารย์มาคุยกัน คัดเลือกบันทึกที่ดีๆ มาสัก ๑๐
เรื่อง (เลือกตาม scope ของการเรียนรู้) ให้คนที่เขียนดีมาเล่า
เวลาเล่าจะเล่าได้มากกว่าที่เขียน เอามาแลกเปลี่ยนต่อ
ทำความเข้าใจให้ชัด จับมาเปรียบเทียบกับทฤษฎี
วิธีการเรียนการสอนแบบนี้จะได้ข้อมูลเยอะมาก
อาจารย์สามารถจะทำวิจัยได้ หากรู้วิธีการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์
และสังเคราะห์ความรู้
เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมงที่ได้คุยกับท่านอาจารย์วิจารณ์ ช่วยให้มองเห็นทางสว่างว่างานแต่ละเรื่องควรดำเนินการอย่างไร ดิฉันคิดว่าเรื่อง KM ต้องเรียนรู้จากการปฏิบัติ สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือคิดวางแผนงานว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง ทำอย่างไร ใครเกี่ยวข้องบ้าง เมื่อลงมือปฏิบัติแล้วได้ผลเป็นอย่างไร จะนำมาเล่าต่อค่ะ
วัลลา ตันตโยทัย วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๔๙
ขอบคุณครับ ที่ช่วยบันทึกไว้
วิจารณ์ พานิช
เรียน อาจารย์วัลลา ที่นับถือ
ผมมีเรื่องที่ต้องการแลกเปลี่ยนในประเด็น การเรียนการสอนของนักศึกษาพยาบาล ผมเคยได้รับฟังวิธีการสอนของวิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง อาจารย์ท่านจะมีวิธีการสอนในเรื่องโรค ท่านจะให้นักศึกษาทุกคนกลับไปที่บ้านและลองไปสอบถามว่ามีญาติผู้ใหญ่ในครอบครัว ป่วยเป็นโรคอะไรบ้าง ได้รับการรักษาอย่างไรบ้าง มีวิธีการดูแลตนเองอย่างไรบ้าง หากครอบครัวใดไม่มีใครเจ็บป่วยก็ให้ไปเรียนรู้จากผู้ใหญ่เหล่านั้นว่ามีวิธีการดูแลตนเองอย่างไรจึงสุขภาพแข็งแรง พบว่านักศึกษาส่วนใหญ่ได้เข้าไปเรียนรู้จากญาติผู้ใหญ่ทั้งพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ทำให้นักศึกษามีการค้นคว้าที่ลึกเพื่อเปรียบเทียบ และเรียนรู้จากความเป็นจริงของชีวิต ทราบว่า การเรียนการสอนประสบความสำเร็จมาก (ผมได้เรียนรู้จากเวทีของทีมผู้ประเมินภายใน โครงการของ สสส. / ผมคิดว่า อาจารย์อรทัย อาจอ่ำ น่าจะมีบันทึกอยู่) ผมคิดว่า ระบบการเรียนการสอนวิธีก็สามารถอาจเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้นศ.เข้าถึงความรู้ ความเป็นจริง มากกว่าการเข้าถึงตำราแค่ตัวหนังสือเท่านั้น
สุพัฒน์ สมจิตรสกุล
การจัดการเรียนการสอนโดยให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากการปฏิบัติของตนเอง อาจารย์ควรเป็นผู้สนับสนุนและเอื้ออำนวยให้การปฏิบัตินั้นสร้างประสบการณ์ดีๆ และน่าประทับใจ จะทำให้นักศึกษาเห็นคุณค่าของตนเองและคุณค่าของการปฏิบัติ ได้พัฒนาตนเอง เกิดความรักในวิชาชีพ
กรณีที่คุณสุพัฒน์เล่ามาน่าสนใจมากที่ให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากคนใกล้ตัว นอกจากจะได้เรียนรู้แล้ว ยังจะช่วยให้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันยิ่งขึ้น
การจัดการเรียนการสอนในแบบดังกล่าวจะเกิดผลสำเร็จได้
คงต้องมองทั้งหลักสูตร ไม่ใช่เพียงรายวิชาใดวิชาหนึ่ง หรือเพียงบาง
session เท่านั้น
อาจารย์คะ
ดิฉันเองเพิ่มจะได้มีโอกาส เข้ามาเรียนรู้ในวงการนี้ และได้เลือกอ่านจากที่อาจารย์เขียน ได้ความรู้ แนวคิดใหม่ขึ้นมามากมายที่น่าจะมาใช้กับนักศึกษาที่วลัยลักษณ์ อาจารย์ยังเก่งเหมือนเดิน แล้วจะเขียนไปปรึกษาอาจารย์บ้างจะได้ไหมคะ
นัยนา
ยินดีเสมอสำหรับอาจารย์ ดร.นัยนา หนูนิล