วันนี้เป็นการเข้าอบรมวันแรกของเครื่องมือตัวแรกใน module 5 ซึ่งเป็นการสอนให้เรารู้จักกระบวนการ Facilitating
สมาชิก Inno Fa II มากันไม่ครบ มีรุ่น 1 มาร่วมเข้าสัมมนาด้วย 2 คน บรรยากาศการอบรมในวันนี้ท้าทายความสามารถของอาจารย์สาวสวยจากนิด้า เป็นอย่างยิ่ง เริ่มต้นจากไฟดับตั้งแต่เช้าจนเที่ยง ทั้งคนสอน คนเรียนต้องทนกับอากาศที่ร้อนมาก ผิดคาดจากที่คิดเพราะครั้งที่แล้วอากาศเย็น เตรียมเสื้อกันหนาวกันมาหลายคน นอกจากจะไม่ได้ใช้แล้วยังอยากจะอาบน้ำซะเลย เรื่องที่เรียนก็ไม่ยาก แต่กว่าอาจารย์จะอธิบายให้ผู้เข้าอบรมเข้าใจได้ เด็กดื้ออย่างพวกเราบางคนก็สงสัยว่าทำไมต้องเสียเวลาทำ ทำไปทำไม ทำแบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ
งานที่ได้รับมอบหมายจากท่านวิทยากรก็คือ ให้เราหาว่าปัญหาที่ทำให้การประชุมไม่มีประสิทธิภาพ มีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง แล้วจำแนกเป็นหมวดหมู่ แล้วค่อยแตกเป็นเรื่องย่อย ๆ จากนั้นให้คะแนนความรุนแรง แล้วนำมารวมคะแนน สุดท้ายจะต้องสร้าง scenario โดยเลือกเหตุปัจจัยที่เราอยากจะเลือกมาเขียนเพื่อเตรียมแสดงในวันที่ 2 กลุ่มเราโชคดีที่มีคนตั้งใจเขียน case อย่างละเอียด โชคดีอีกแล้วที่ได้ตัวอย่างดีๆ กลับมา (พรุ่งนี้จึงจะรู้ว่าดีจริงหรือเปล่า)
สิ่งที่ได้เรียนรู้หลักๆ ในวันนี้คือ
สรุปแล้วคนเราจะเรียนรู้ได้ดี รวดเร็ว ต้องเปิดใจ ไม่ยึดติดความคิด ความรู้เดิมของตัวเอง คิดตามให้เร็ว ไม่วอกแวกขณะที่รับข้อมูล และประมวลผลความคิด
พูดง่ายนะ คำว่าเปิดใจ แต่ทำยากจริงๆ ต้องมีสติเตือนตนตลอดเวลา
ไม่ได้เข้าร่วม เลยแวะมาอ่านครับพี่ส้ม
ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันครับ
ดูแล้ว เด็กที่ขี้สงสัยคงจะเป็นเจ็งเอง ฮิ ๆ ก็มันน่าสงสัยมั๊ยหล่ะคะพี่น้อง ..... ถึงตอนนี้เรายังรู้สึกว่า ทำแล้วจะได้ result เป็นอย่างไร แทบจะรอเรียนต่อพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้ว เพราะในหัวมันมี scenario ต่าง ๆ นา ๆ ว่าทำแบบนี้แล้วมีดีมีเสียอย่างไร .... ถ้าเจ็งตอบตัวเองได้เมื่อไหร่ จะเข้ามา post อีทีค่ะ :)
ยูเรก้า!!!
ต้องใช้คำว่า พี่ส้ม ได้ตกผลึกความรู้ได้แก่นสาระจริงๆครับ
บทเรียนที่เราต้องนำไปสร้างต่อคือโจทย์การเรียนรู้ ซึ่งต้องให้ทั้งศาสตร์และศิลป์ รวมทั้งจิตนาการ ร่วมสร้างบรรยากาศที่เอื้อและง่ายต่อการเรียนรู้ กระตุกต่อม กระเทาะความใคร่เรียนรู้ ครับ
(Learning design)
ก๊อบคะ
วันนี้อาจารย์เห็นพี่นั่งพิมพ์ case scenario อาจารย์ก็ถามอะไรพี่สัก 2-3 อย่างแล้วก็ทำสีหน้าแบบ งงๆ กึ่งประหลาดใจ และพูดว่า แปลกจังพี่ส้มเรียนสายวิทย์มา เป็นพยาบาลไม่น่าจะมี imagination ดี ช่วยบอกพี่หน่อยสิคะว่าก๊อบคิดเหมือนอาจารย์หรือเปล่า ระหว่างนั่งรถเมล์เข้าซอยกลับบ้าน ก็กลับไปคิดถึงคำพูดอาจารย์ แล้วพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย ก็เลยคิดไปถึง Tony Buzan ที่บอกว่าคนเราต้องผสมผสานทั้ง Art & Sciences ให้เข้ากันให้ได้ ต้องไม่แยก 2 ศาสตร์นี้ออกจากกัน ถ้าเราทำได้สมองของเราจึงจะทำงานร่วมกันทั้งสองข้างอย่างสมดุล
เห็นด้วยกับพี่ส้มเป้นอย่างยิ่งวันนี้เหมือนจับปูใส่กระด้งจริงๆ ครับ เนื่องจาก FA2 ผมว่าแต่ละคนในช่วงแรกไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร มีหน้าที่อย่างไร แต่หลังจากไปที่สตึกแต่ละคนเรอ่มเห้นแล้วครับว่า FA นั้นเป็นอย่างไร และทุกคนเริ่มมีใจที่จะทำ อย่าที่จะรู้ เพื่อนำไปปฏิบัติต่อ แต่เนื่องจากรุ่นนี้เป็นรุ่น Hyper ครับ โดยจะประกอบไปด้วยน้องๆ ที่อยากเรียนรู้ พี่ๆ ที่มีประสบการณ์ จึงเป็นการคละกันที่ลงตัว และผมว่าส่วนใหญ่จะเรียนทางสายวิทย์ครับ ทำให้การเรียนแต่ละครั้งต้องรู้ว่า result ที่ได้มันคืออะไร ผมว่าในส่วนนี้อีกสักระยะครับพวกเราชาวสายวิทย์จะมีการปรับตัวได้ครับ เพราะช่วงแรกๆ ผมเองก็เป็นครับ เรียนไป Result ที่ได้มันคืออะไร แต่เนื่องจากได้มีโอกาสเข้าอบรมทางด้านศิลป์ทำให้รู้ว่าการเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องได้ result ออกมาในทันทีทันใด อาจจะต้องเอาไปปฏิบัติ ซึ่งผลอาจจะออกมาต่างกันก็ได้ครับในแต่ละคน สำหรับ FA2 อาจารย์คงต้องใช้พลังแยะหน่อยครับ เพราะบางคนมีประสบการณ์ที่อาจจะไม่ค่อยดีนักเช่น อบรมแล้วไม่รู้จะไปใช้อะไร หรือโดยเฉพาะ Tools ใหม่ๆ ที่บางครั้งคล้ายกับ Tools ที่เคยรู้และใช้อยู่ อาจารย์อาจจะต้องบอกข้อแตกต่างของมันครับว่าต่างกันอย่างไร พอดีวันนี้ผมโชคดีหน่อยที่เคยไปเห็นหนังสือของอาจารย์วินทร์ ที่มีการให้หัวข้อ และแต่งเรื่อง เลยพอเข้าใจบ้างครับ ตอนเข้าห้องน้ำมีปิ้ง แวบครับ ลองดูว่านะครับ มีช่วงที่พวกเรางงเกี่ยวกับการให้น้ำหนักของปัจจัย ไม่รู้ว่าจะให้กันอย่างไรดี แต่ในกลุ่มผมซึ่งประกอบด้วยพี่ส้มใช้จากการดูจำนวนของหัวข้อย่อย ผมขอต่อยอดครับ เมื่อเราเขียนหัวข้อย่อยแล้วให้ใส่คะแนนความรุนแรงลงไปเลย แล้วเอาคะแนนมารวมกันของแต่ละปัจจัย แล้วให้น้ำหนักตามคะแนนครับ :p
ขอขอบคุณกวงที่มาแสดงความคิดเห็น พี่อยากรู้เหมือนกันว่าส่วนใหญ่ของพวกเราคิดอย่างไร ไม่ค่อยได้คุย ได้ถามกันตรงๆ หากส่วนใหญ่ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไร ก็จะขาดแรงจูงใจให้อยากเรียนรู้
2 วันที่ผ่านมาเราได้อยู่กลุ่มเดียวกัน รู้สึกว่ากลุ่มเรามีความตั้งใจเรียนกันทุกคน โดยเฉพาะน้องแนน กับ ระ จดกันจนละเอียดยิบ พี่ว่าเป็นสิ่งที่ดี รู้หรือไม่ เข้าใจหรือไม่ เป็นประโยชน์ตอนนี้หรือไม่ ตอบไม่ได้ จดไปก่อนให้ information เข้าหัวไว้ก่อน วันหนึ่งข้างหน้าสมองเราจะดึงออกมา integrate ให้เราเองค่ะ