อ่านความเห็นอันเนื่องมาจากบันทึกก่อนหน้านี้แล้ว อดไม่ได้ต้องขอเปิดประเด็นเกี่ยวกับปริญญาอีกครั้ง
ตัวเองไม่เคยศรัทธาหรือเคารพนับถือคนด้วยปริญญามาก่อนเลย และยังคงยืนยันความคิดเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เคยมีเป้าหมายในชีวิตที่ปริญญาอะไรเลย ปริญญาตรีนั้นไขว่คว้ามาเพื่อคุณพ่อคุณแม่ ถ้าเลือกได้เองคงไปเป็นบรรณารักษ์หรือนักอักษรศาสตร์ ปริญญาโทและเอกทำไปเพื่อที่ทำงาน
เมื่อได้มาถึงขั้นนี้แล้ว ยิ่งขอยืนยันความคิดเดิมว่า ปริญญาไม่ใช่สิ่งที่ยืนยันอะไรนอกจากความอดทน เอาจริงเอาจัง และไม่ท้อถอยของผู้ที่ได้รับ ส่วนความรู้ ความคิด ความเข้าใจเรื่องต่างๆนั้นเกิดขึ้นได้ด้วยกระบวนการแห่งการได้มาซึ่งปริญญา ตรงนี้คือความแตกต่าง ทำให้เราได้เห็นว่ามีคนมากมายที่มีคำนำหน้าแสดงความรู้สูงส่ง แต่คุณสมบัติที่เราสัมผัสได้จริงไม่เหมาะสมเอาเสียเลย และมีคนอีกมหาศาล โดยเฉพาะผู้อาวุโสที่รักษาหมู่บ้านชุมชนเล็กๆทั้งหลายของไทยเราที่สมควรแก่การยกย่องเชิดชู ว่าเป็นผู้ทรงความรู้ ไม่เคยมีใครมาให้ใบอะไรยืนยัน
คิดว่าพวกเราที่มีปริญญาควรจะระลึกรู้ไว้ว่า สิ่งที่เราได้มาคือจุดเริ่มต้นในการมองให้กว้าง ให้ให้มากขึ้น ยินดีรับฟังให้มากขึ้น กำจัดอัตตาที่ผู้คนมักจะเพาะให้เกิดกับคนมีปริญญา ท่านไม่ได้สูงส่งกว่าใครเลย เพียงแต่มีโอกาสที่ดีกว่า คุณค่าของท่านจะมากขึ้นและเหมาะสมกับที่ผู้อื่นยกย่องได้ ก็ด้วยความรู้คิดและการรู้จักให้อย่างอ่อนน้อม คนที่ไม่มีโอกาสไปถึงปริญญาเอก ก็อย่าได้ดูถูกตนเองโดยการยกย่องผู้ที่ไม่สมควร
เราทุกคนต้องพิสูจน์ตนเองและคนอื่นที่การกระทำ อย่าให้"เปลือก"ทั้งหลายมาหลอกลวงตาและใจของเราได้
พี่โอ๋-อโณ ครับ
ช่วงนี้รู้สึกว่า บันทึกที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ จะห่างหายไปนะครับ
นักเรียนคนนี้ยังเฝ้าคอยอ่านนะครับ
เห็นด้วยกับพี่โอ๋ครับ การได้ปริญญาอาจจะพิสูจน์อะไรได้บ้างอย่าง เช่นความอดทน ความมีวินัยระดับหนึ่ง เพราะถ้าจบมาได้ก็คง อด และ ทน มีวินัยในการเรียน โดยเฉพาะระดับปริญญาโท เอก
แต่การเป็นคนดีอาจะไม่ต้องการความรู้สูงมากมาย (เคยคิด) ว่ามันอาจจะแปรผกผันกับความรู้ในบางคนด้วย ตัวอย่างคงเคยเห็นมาบ้างแล้ว
คำหนึ่งที่พ่อเคยสอนคือ
รวงข้าวที่สุกแล้วควรโน้มสู่ดิน
ต้องขอบคุณพี่ ครูอ้อย แซ่เฮ มากๆเลยค่ะที่ทำให้ได้กลับมาอ่านบันทึกนี้อีกครั้ง เป็นอีกบันทึกที่เขียนเพราะมีเรื่องสะดุดใจในตอนนั้นค่ะ ให้เขียนตอนอื่นก็คงเขียนไม่ได้แบบนี้ อยากให้คนที่เห็นว่าปริญญาสำคัญ มองให้เห็นถึงสิ่งอื่นๆที่ลึกกว่านั้นด้วยนะคะ
บันทึกนี้ทำให้ได้รู้ด้วยว่า ยังมีคนที่เราคิดถึงอยู่ตลอดเวลาแม้ไม่ได้สื่อสารถึงกันโดยตรงอย่างน้องปวีณา ธิติวรนันท์ ศน.คนขยันกับ คุณธวัช คนเก่งคนดีอีกคนของ KMI (เผลอแป๊บเดียวหนูธีร์วราของเราก็เกือบ 3 ขวบแล้วนะคะ) ด้วย
ส่วนพี่ชายที่รัก คุณ Handy นั้นได้ยิ้มๆกับส่วนเติมเต็มจากคำถามนี้มาแล้วตั้งแต่ตอนเขียนบันทึกนี้ใหม่ๆ โดยไม่ได้ตอบอะไร และอ.พรพรต คนหนุ่มไฟแรงที่อยู่ใกล้ๆกันนี้เอง แต่ไม่เคยได้ทราบเรื่องส่วนตัวที่ได้รู้เพราะ GotoKnow นี่เองว่าอาจารย์ท่านน่ารักอย่างนี้เพราะคุณพ่อของท่านด้วยนี่เอง