ชำแหละ......การเขียน Mind map ด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ : ความจริงและภาพลวงตาที่ซ่อนอยู่


ถ้าเรียนรู้วิธีการคิด จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และคิดด้วยตัวเอง ได้ผลเหมือนกัน ย่อมลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปได้...
การเขียนแผนที่ความคิดด้วย Mind Map ได้รับความสนใจจากหลายฝ่าย โดยถูกนำมาใช้ในการรวบรวม จึดหมวดหมู่ความคิด ความคิดเห็นต่างๆ  และเป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับหลายท่านในการเรียบเรียงความคิดอย่างเป็นระบบมากขึ้น

แต่ยังมีมุมมองที่แตกต่างออกไป หลังจากที่นายบอนไปแนะนำเรื่อง Mind map ให้กับเพื่อนคนหนึ่งฟัง เขาได้ให้มุมมองที่สะท้อนความจริงหลายอย่างที่หลายคนมองข้ามไป ดังนี้

 

1. การเรียนโปรแกรม Miind Map นั้น ความจริง แก่นแท้ที่สำคัญจริงๆ คือ การรู้หลักคิด วิธีคิด การเชื่อมโยงข้อมูล การจัดระเบียบความคิด หากได้หลักการต่างๆเหล่านี้ ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว


2. หลายคนมัวแต่ไปให้ความสำคัญกับการเรียนรู้เทคนิคการใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถใช้โปรแกรมเขียน Mind Map ได้ ทั้งๆที่ความจริงแล้ว กระบวนการคิดของหลายคนก็ไม่แตกต่างจาก mind map เพียงแต่ไม่ได้ถูกนำออกมาเขียนเป็นภาพบนโปรแกรมให้เห็นต่อหน้าเท่านั้น

3. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทำให้คนที่คิดไม่ออก คิดออก เขียนออก ทำให้ต้องพึ่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์อยู่เสมอ ต่างจากคนที่รู้หลักการและวิธีคิด ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีคอมพิวเตอร์เขาก็สามารถคิดได้

4. คนไทยเราตกเป็นลูกค้าของต่างชาติมากเกินไปหรือไม่ เพราะมักจะมีผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นใหม่ๆออกมาเรื่อยๆ และบริการใหม่ๆออกมาดูดเงินจากกระเป๋าของท่าน ทั้งที่ความจริง เป็นเพียงการปรับปรุงนิดหน่อย ก็ถูกนำมาโฆษณาอย่างใหญ่โต ทั้งที่ความจริง คือ การต่อยอดความคิดจากของเดิม

5. เมื่อมีการสอนวิธีคิดอย่างเป็นระบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์แล้ว ทำไมไม่สอนวิธีการคิดด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมคอมพิวเตอร์บ้าง พึ่งมันสมองและสองมือของตัวเองแล้วจะคิดไม่ออกเลยหรือ

6.   การเข้าใจความหมายของ Mind Map ขึนอยู่กับระดับการศึกษาด้วย  MindMap 1 ภาพใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจในรายละเอียดเหมือนกันทั้งหมด  แค่คำพูดที่ได้ยินจากปากเพียงไม่กี่คำแต่ละคนยังเข้าใจแตกต่างกันไป

แต่ Mindmap ได้รับการกล่าวถึงว่า ทำให้มองเห็นภาพรวม เข้าใจง่าย แต่หลายคนแน่ใจหรือไม่ว่า มีความเข้าใจตรงกับคนอื่น หรือผู้เขียน Mindmap เหมือนกันทุกประเด็น

7. ภาพแผนที่ความคิดหลายภาพ ดูแล้วไม่ต่างกับรายละเอียดในหน้าสารบัญของหนังสือหลายเล่ม เมื่อเปิดดูหน้าสารบัญแล้ว ผู้ดูยังต้องพลิกดูรายละเอียดในเล่ม เพื่ออ่านรายละเอียดในหัวข้อที่สนใจเพิ่มเติม แล้วท่านคิดว่า ทุกคนที่เห็น Mindmap ที่มีพื้นฐานความรู้ที่แตกต่างกันจะเข้าใจ Mindmap ได้อย่างดี หรือไม่

8. มีใครคิดบ้างไหมว่า คนไทยเราจะต้องพึงวิธีคิด ตามชาวต่างประเทศไปอีกนานแค่ไหน ทั้งๆที่คนไทยน่าจะคิดอะไรเองได้

หลายคนมี concept ร่างรายละเอียด,  เขียนข้อความอธิบายตามลำดับเรื่องราวทำให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้เช่นกัน


เพื่อนคนนี้ ได้ถามนายบอนกลับว่า แล้วนายบอนได้ใช้โปรแกรมเขียน Mind map ทุกครั้ง ทุกวันหรือไม่ เวลาที่คิดสิ่งต่างๆ...

....ซึ่งความจริงก็ไม่ได้ใช้แล้วบรรดาอาจารย์ นักวิชาการ นักคิด ทุกคนใช้ mindmap กันทุกคนหรือไม่...

.... ความจริงแล้ว สิ่งที่หลายคนต้องการ คือ วิธีคิด เครื่องมือ และแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น มีเครื่องมือหลายอย่างที่ถูกนำมาช่วยในการแก้ไขปัญหาต่างๆ อาทิ
1. แผนภูมิแกนท์ (Gantt chart)
2. แผนผังสาเหตุและผล (Cause and Effect Diagram)
3. แผนผังการไหลในกระบวนการ (Flow Process Chart )  
4. การระดมสมอง (Brainstorming)
5. แผนผังต้นไม้ (Tree diagram)
6. แผนผังความสัมพันธ์ (Relation Diagram .. บางท่านจัด Mind Mapping ไว้ในกลุ่มนี้)
7. แผนผังลูกศร (Arrow Diagram)
8. แผนผังขั้นตอนการตัดสินใจ (Process Decision Program Chart)
ฯลฯ

โดย  
วิธีที่ 1 สำหรับการวางโครงการ
วิธีที่ 2 สำหรับจำแนกแยกแยะข้อมูล, จัดกลุ่มปัญหา , คัดเลือกหัวข้อปัญหา, ค้นหาปัญหา –สาเหตุหาความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันของสาเหตุแห่งปัญหา
วิธีที่ 3 สำหรับจำแนกแยกแยะข้อมูล, จัดกลุ่มปัญหา , คัดเลือกหัวข้อปัญหา, ค้นหาปัญหา –สาเหตุ, ตรวจสอบความผิดปกติของกระบวนการ, สร้างมาตรฐานใหม่
วิธีที่ 4 สำหรับจำแนกแยกแยะข้อมูล หาแนวทางแก้ไข
วิธีที่ 5 ค้นหาปัญหา / สาเหตุ , หาแนวทางแก้ไข
วิธีที่ 6 สำหรับจัดกลุ่มปัญหา, ค้นหาปัญหาสาเหตุ , คัดเลือกหัวข้อปัญหา, หาความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันของสาเหตุแห่งปัญหา
วิธีที่ 7  สำหรับวางแผนโครงการ
วิธีที่ 8 สำหรับหาแนวทางแก้ไข วางแผนโครงการ



ความจริง วิธีคิดในพุทธศาสนา หรือ “พุทธวิธีในการคิด” ซึ่ง ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ  (คนไร้กรอบ) ได้เขียนไว้ในผลงานหนังสือ “คิดอย่างเป็นระบบและเทคนิคการแก้ปัญหา” ได้รวบรวมวิธีคิดมาบางส่วน อาทิ
 
1.    คิดแบบสืบสวนหาต้นตอสาเหตุ หรืออริยสัจ 4
2.    คิดแบบสรุปเป็นข้อ เป็นประเด็น
3.    คิดแบบปลง
4.    คิดแบบเห็นหนึ่งอย่าสรุปร้อย
5.    คิดแบบปลุกเร้าคุณธรรม
6.    คิดแบบอยู่กับปัจจุบัน
7.    คิดแบบหยาบ แบบละเอียด
8.    คิดไปทำไม
9.    แบ่งแยก ชั่งน้ำหนัก ชั่วดี จัดลำดับความสำคัญ
10.    ไม่ต้องคิด

และยังมีวิธีการคิดอีกมากมาย หลากหลาย

แต่ละปัญหา ย่อมต้องใช้เครื่องมือ วิธีคิดที่แตกต่างกันออกไป หลายคนใช้เครื่องมือหนึ่ง ได้ข้อมูลออกมาแล้ว ดูดี แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ตรงกับความต้องการมากนัก

เพียงเครื่องมือที่หยิบยกมา บวกกับคำพูดที่สละสลวย เพื่อดึงดูดความสนใจบวกกับกลยุทธการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ทำให้เครื่องมือที่กำลังหยิบมากล่าวถึงนั้น กลายเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญทันที

หลังจากแนะนำ ได้ใช้แล้ว คนอื่นก็จะเข้ามาแนะนำเครื่องมือตัวใหม่ที่ดูต่างจากเดิม ทำให้หลายคนพุ่งความสนใจไปที่เครื่องมือใหม่ตัวนั้น เป็นวงจรไม่รู้จักจบสิ้น

เครื่องมือตัวเดิมที่รู้จักวิธีการใช้ หลักการคิดแล้ว ก็ถูกลืมเลือนไป หลายท่านนึกไม่ออกแล้วว่าโปรแกรมที่มีอยู่ใช้อย่างไร

ดังนั้นวิธีคิด และการรับรู้ด้วยตัวเอง เป็นแก่นแท้ที่สำคัญที่สุด


MindMap เป็นอีกหนึ่งในหลายวิธีคิด  ย่อมเหมาะสมสำหรับหลายปัญหา เมื่อมีโอกาสเรียนรู้ ควรรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ คือ หลักการคิดด้วยตัวเองให้ได้

ไม่เช่นนั้น เมื่อรู้จักเครื่องมือตัวอื่นๆ ก็จะต้องยึดติดกับซอฟแวร์ของวิธีคิดนั้นๆตลอดไป โดยลืมนึกไปว่า ความจริงแล้ว คนเราเองนั้น ก็สามารถที่จะคิดด้วยตัวเองได้

เช่นเดียวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่เป็นแก่นแท้และเป็นความจริงของชีวิต


..... ถ้าเรียนรู้วิธีการคิด จากโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และคิดด้วยตัวเอง ได้ผลเหมือนกัน ย่อมลดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปได้...





หมายเลขบันทึก: 77712เขียนเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2007 23:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 มิถุนายน 2012 09:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)
  • ผมชอบจินตนาการ  เพราะช่วยให้ชีวิตดูมีชีวิตชีวา  จนบางทีก็นั่งคิดเล่น ๆ ว่า  เส้นแบ่งระหว่างจินตนาการกับความคิดนั้นอยู่ตรงไหน และแตกต่างกันอย่างไร
  • ส่วน MindMap ยังคงเป็นเรื่องที่ผมไม่คุ้นชิน แต่ก็ตระหนักว่าเป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ต่อการทำงาน
  • และวาทกรรมนี้คือบทสรุปที่น่าสนใจยิ่ง คนเราเองนั้น ก็สามารถที่จะคิดด้วยตัวเองได้ หรือแม้แต่ วิธีคิด และการรับรู้ด้วยตัวเอง เป็นแก่นแท้ที่สำคัญที่สุด
  • ขอบคุณครับ
  1. เป็นสิ่งสำคัญมากครับ การคิดได้ด้วยตัวเอง ย่อมไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำทางความคิดของบุคคลอื่น
  2. เช่นความคิดของพี่พนัสนั้น คงไม่มีใครมาครอบได้แน่ๆ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ครอบไม่ได้
  3. หลายคนคิดได้เพราะมีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วย คิดภายในขอบเขตที่โปรแกรมสามารถทำได้เท่านั้น
  4. ยังไงความมีชีวิตจิตใจ ย่อมสำคัญกว่า โปรแกรม วงจรไฟฟ้า ที่เป็นเครื่องมือช่วยคิดครับ
  5. ถ้าหลายคนเรียนรู้ที่จะคิดได้ เหมือนอย่างการใช้โปรแกรมเขียน Mimdmap จะิคิดเร็วคิดไวในเวลาไม่นาน เพราะในขณะที่คนหนึ่งกำลังเปิดเครื่องและเปิดโปรแกรมจะเริ่มเขียน mimdmap....

    แต่อีกคนหนึ่ง หยิบกระดาษ มาขีดเขียนแป๊บนึง เสร็จแล้วครับ ในขณะที่คนแรกพึ่งจะคลิกเปิดโปรแกรมเท่านั้น

สวัสดีค่ะคุณบอน

  •  ติดตามอ่านบันทึกของคุณบอนมาตลอดนะคะ ได้ความรู้ และแนวคิดที่ดีค่ะ
  • โปรแกรม Mindmap ดูตัวอย่างแล้วน่าจะเป็นโปรแกรมที่เป็นเครื่องมือของการนำความคิดใส่ในกรอบ ซึ่งส่วนมากใช้เป็นเครื่องมือเพื่อประมวลความคิดด้านต่าง ๆ ร่วมกัน
  • ค่ะก็เป็นข้อคิดนะคะ ว่าความคิดคนเรายังไงก็มิได้ถูกตีกรอบ  แต่ต้องคิดเพื่อการพัฒนาไปเรื่อย ๆ ค่ะ
  1. เป็นข้อสรุปที่ตรงใจมากครับคุณนวลน้อย ที่ว่า "ความคิดคนเราไม่ได้ถูกตีกรอบ" แต่หลายคนมักจะเอากรอบมาตีล้อมตัวเองแบบไม่รู้ตัว
  2. โปรแกรม เป็นเหมือนตัวช่วยอย่างที่ว่าครับ อาจจะเหมาะสมกับหลายเรื่อง ในขณะที่หลายเรื่อง ควรเลือกใช้เครื่องมือตัวอื่น
  3. เหมือนเสื้อผ้า ที่คนเราสวมใส่ คนหนึ่งบอกว่า ตัวนี้ ดี เหมาะ ใส่แล้วสวย แต่คนอื่น ใส่แล้ว อาจจะหลวม ต้องดูความเหมาะสมเฉพาะบุคคลด้วยครับ

ปกติคนเราก็คิดได้อยู่แล้ว แต่ผลของการคิดที่ออกมาจะอยู่ในรูปใดจึงจะมีประสิทธิภาพมากกว่า

บางคนคิดในใจได้เก่ง บางคนต้องเขียนลงในกระดาษเป็นข้อๆ บางคนใช้จำเชื่อมโยงกับรูปภาพ ผูกเป็นเรื่องเป็นราว

mindmap ก็เป็นแค่เครื่องคือในการรวบรวมบันทึกความคิดให้เรามองเห็นได้ด้วยตา เห็นการเชื่อมโยงต่างๆ ความสัมพันธ์ ซึ่งขึ้นกับจินตนาการของแต่ละคน

ก็เหมือนกับคำพูด-บทกลอนของกวี  รูปภาพของจิตรกร ....  ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเจ้าตัวเค้าแน่นอนว่าต้องการจะสื่ออะไร

 

คอมพิวเตอร์ ก็เป็นเครื่องมือของคน

mindmap ก็เป็นเครื่องมือของคอมพิวเตอร์และคน

แต่

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน 

 

สวัสดีครับ คุณชัยพร
   ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนนั้น ดีที่สุดแล้วครับ
 แต่มีหลากหลายวิธีที่จะทำให้ตน (คนอื่นๆ) ได้ดึงความคิดออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ
บางคนจึงต้องอาศัยเครื่องมือ
ในขณะที่อีกหลายคน ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องมือก็ย่อมได้ครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท