เราคงต้องมาทำเกณฑ์ประเมินร่วมกันว่าอันไหนเป็นความเสี่ยงที่มีผลกระทบรุนแรง เกิดถี่ แล้วจัดลำดับความสำคัญ วางแนวทางการแก้ไข และคงต้องอดทน รอคอยผลที่เกิดขึ้นด้วย รวมทั้งต้อง ลปรร. กับน้องๆ บ่อยๆ ด้วยค่ะ

• เป็นคำถามที่ต้องการหาคำตอบจริงๆ
• เห็นด้วยนะคะ ถ้าห้องบัตรจะใช้ 13 หลักในการตรวจสอบข้อมูลผู้ป่วย
• แต่ไม่แน่ใจว่า สถาบันสามารถ link ฐานข้อมูลจากสำนักทะเบียนกลางได้หรือไม่ เพราะเราสามารถตรวจสอบข้อมูลโดยไม่ต้องใช้ 13 หลักได้ เป็นห่วงผู้รับบริการที่ไม่ได้นำบัตรประชาชนมาหรือไม่มีเอกสารแสดงตัว ซึ่งผู้รับบริการกลุ่มนี้อาจเสียสิทธิด้านการรักษา เช่น กรณีฉุกเฉิน
• นอกจากนี้ หากเรารู้ 13 หลักของผู้รับบริการก็สามารถตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาลของผู้รับบริการได้อย่างรวดเร็วด้วย
• กรณีหากผู้รับบริการไม่มีชื่อในฐานข้อมูล เราควรมีข้อมูลผู้นำส่งที่ชัดเจนเพื่อสะดวกในการติดตามและป้องกันการทอดทิ้งผู้ป่วยไว้ที่โรงพยาบาลอีกทางหนึ่งด้วย

ตอบข้อ 7. ได้ข้อนึงคร้าบ

เพราะเด็กยังไม่ลงทะเบียนเกิดครับเลยยังใส่ชื่อไม่ได้จนกว่าจะลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย ซึ่งมักจะออกจากรพ.ไปแล้วค่อยเรียบร้อย อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมเชิญที่ห้องคลอดข้าง ๆ ห้องยาในครับ

ข้ออื่นตอบด้วยความมั่นใจว่าไม่ทราบครับ

ตอบข้อ7. จากการสอบถามและหาข้อมูล สาเหตุที่เด็กไม่มีชื่อใน HOMC ทั้งๆ ที่ปัจจุบันเด็กอายุ 5  ปีหน้าแฟ้มเวชระเบียน ก็มีชื่อเรียบร้อยแล้ว คือ

ทางห้องบัตรให้เหตุผลว่า แม่เด็กไม่นำหลักฐานการตั้งชื่อลูกมาแจ้งที่ห้องบัตร จึงไม่แก้ใน HOMC  ซึ่งชื่อเด็กที่มีอยู่ในแฟ้มเวชระเบียนนั้น แม่เด็กคงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ หรือพยาบาล ประจำห้องตรวจ จึงมีชื่ออยู่บนแฟ้มเวชระเบียน

กรณีเช่นนี้ น่าจะมีการยืดหยุ่นได้ ไม่จำเป็นต้องเอาหลักฐานการแจ้งชื่อมาให้  ห้องบัตรน่าจะแก้ไขชื่อใน HOMC ให้ตรงกับแฟ้ม  ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้แบบนี้เพราะถือว่าแม่เด็กแจ้งกับเจ้าหน้าที่แล้ว ด้วยวาจา ถึงแม้ไม่ได้มีหลักฐานมาแจ้งที่ห้องบัตร

ถ้าเป็นกรณีเปลี่ยนชื่อใหม่นี่ซิ  ที่ต้องใช้หลักฐานยืนยัน  คิดว่ากรณีนี้ควรยืดหยุ่นได้ ไม่ควรมายึดหลักแบบตายตัว  กฎระเบียบมีไว้ให้ปฏิบัติก็จริง แต่บางครั้งก็ต้องใช้วิจารณญานบ้าง เพื่อคนไข้จะได้รับบริการที่รวดเร็ว 

คิดว่าน่าจะหาทางแก้ไข ไม่ควรปล่อยไว้แบบนี้ เพราะกรณีข้อ 7. พบแบบนี้หลายคน