หลักการสร้างโจทย์ (stem)และคำถาม (lead-in)ใน MCQ (ต่อ)
ตัวอย่าง
จงบอก type ของ Dengue ที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทยและชื่อพาหะของโรค
ควรเปลี่ยนเป็น
จงบอก type ของ Dengue ที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย
หรือ
จงบอกชื่อพาหะของโรค Dengue
สาเหตุที่ต้องถามประเด็นเดียวก็เพราะ ถ้าถาม 2 คำถาม คำตอบก็ต้องมี 2 คำตอบในข้อเดียว ถ้าเด็กตอบผิด เราจะไม่สามารถวัดผลได้ เพราะเด็กอาจรู้ประเด็นหนึ่ง แต่ไม่รู้ประเด็นอีกประเด็นหนึ่งก็ได้
โจทย์ที่มีลักษณะ Negative มักได้แก่โจทย์ที่เขียนว่า ข้อต่อไปนี้ข้อไหนผิด หรือ ข้อต่อไปนี้ถูกทุกข้อ ยกเว้น.....
ต้วอย่าง
In low back pain of old age the least likely cause is :
(สาเหตุที่พบน้อยที่สุดของอาการปวดหลังในผู้ป่วยสูงอายุคืออะไร ?)
ถ้าถามอย่างนี้ จะกลายเป็นการถามเรื่องไม่สำคัญ ซึ่งตามหลัก อาจารย์ควรจะถามสิ่งสำคัญที่นิสิตต้องรู้ สาเหตุที่พบน้อยที่สุดไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ ดังนั้น
ควรเปลี่ยนเป็น
What is the most often cause of low back pain in old age ?
ตัวอย่าง เช่น
Which of the following findings is not indicate urinary tract infection?
All of the following findings indicate urinary tract infection EXCEPT
ใช้อักษรตัวหนา หรือขีดเส้นใต้ หรือใช้ภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่ เพื่อเน้นคำที่เป็น negative ให้เด่นชัด และเลือกคำใดคำหนึ่งทั้งชุดข้อสอบ
ตัวอย่าง เช่น
All of the following findings do not indicate urinary tract infection EXCEPT
ควรเปลี่ยนเป็น
Which of the following findings indicate urinary tract infection ?
ตัวอย่าง เช่น
ข้อใดต่อไปนี้ถูกต้อง ?
A. โรคกระดูกพรุนพบมากในวัยทอง
B. อาการปวดหลังเกิดจากการนอนผิดท่า
C. กระดูกสันหลังคดมักพบในวัยรุ่น
D. โรคสมองพิการจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการแขนขาลีบเล็ก
E. การออกกำลังอย่างหักโหมจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง
จะเห็นว่าโจทย์แบบนี้ ข้อ A B C D E เป็นคำตอบแบบต่างๆ ซึ่งไม่สัมพันธ์กันเลย คิดอะไรได้ก็หยิบมาทำเป็นคำตอบ แล้วทำให้ถูกสักข้อ หรือทำให้ผิดสักข้อ การตั้งโจทย์แบบนี้ ทำได้ง่าย แต่อาจารย์จะวัดผลไม่ได้ แม้ว่าเด็กจะตอบถูก อีก 4 ข้อที่เหลือเขาอาจไม่มีความรู้ก็ได้
ตัวอย่างอาจารย์ชัดดีค่ะ เอาไว้ไปใช้ต่อได้เลย เชียงรายเรื่องออกข้อสอบยังต้องการความรู้อีกมากค่ะ
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณครับ ผมจะติดตามต่อไปคับ