"อยากเก็บงานเขียนดีๆ ไว้อ่าน และบอกผ่านไปยังผู้ที่สนใจ"
หลังจากที่ผู้เขียนได้อ่านบันทึกของ "คุณสามสัก" เรื่อง "๔๖.ปู....นางฟ้าผู้อารี หรือนักฆ่านัยตาหวาน ????" ที่สร้างในวันที่ 9 กันยายน 2555 (http://www.gotoknow.org/blogs/posts/501708) ผู้เขียนได้แสดงความเห็นไว้ ดังนี้
• อ่านบันทึกนี้ในเวลาที่ควรนอน ตอนเกือบตีสองหลังตรวจงานนักศึกษา
ชอบบันทึกนี้มากๆ เลยค่ะ
อ่านแล้วได้ความรู้ว่า ต้นที่ขึ้นเยอะมากที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้และถอนทิ้งประจำเรียกว่า "ต้นสาบแมว" เคยถ่ายรูปตอนที่เขาขึ้นเต็มสวนกล้วยและออกดอกเต็มสวยเหมือนกันค่ะ
ได้รู้จัก "แมงมุมปู (Flower Crab Spider)" ซึ่งรู้สึกว่าจะไม่พบแถวฟาร์มไอดินฯ และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการหาอาหารของแมงมุมดังกล่าว
ได้เรียนรู้ว่า คุณสามสักมีความรู้เกี่ยวกับแมลงศัตรูพืชเป็นอย่างดี เป็นคนละเอียดอ่อน ช่างคิด และมีความคิดลึกซึ้ง จะเห็นได้จากการนำวิถีชีวิตของสัตว์มาเปรียบเทียบกับคนไทย ที่อยากให้คนไทยทั้งประเทศได้อ่านอย่างมีสติตระหนักรู้ จะได้ไม่หลงระเริงดังเช่นผึ้งที่หลงใหลในความงามและน้ำหวานของดอกสาบแมว
"คุณสามสัก" ทิ้งท้ายในบันทึกดังกล่าว ไว้ดังนี้
เฮ้อ..ช่างแสนเวทนาแมงมุมปูวัยเด็กและสงสารผึ้งตัวนั้นจริงๆ.......พอๆ กับการสงสารตัวเอง สงสารอนาคตของลูกหลานไทย .. ที่ถูกภาครัฐ กำลังเพาะบ่มพฤติกรรม "รอแลกแจกแถม อย่างไม่เห็นคุณค่า...ถูกหลอนให้หลงใหลได้ปลื้มกับความสุข ความสบายภายใต้นโยบายประชานิยมที่ขาดความสมเหตุสมผลที่ดี ฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็น มากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาทางการเมืองและทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว..เพราะรายได้ของประเทศ ได้ถูกนำเอามาใช้เพื่อเอาอกเอาใจประชาชน ให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง..จนกระเป๋าของชาติฉีกขาดอย่างต่อเนื่องยาวนาน ..
เมื่อไม่มีก็ต้องกู้ ..หนี้เก่าเมื่อปี ๒๕๕๔ จำนวน ๔.๒๘ ล้านล้านบาท มาปีนี้ คงมีหนี้สะสมไม่น้อยกว่า ๕ ล้านล้านบาท.. ในขณะที่ทรัพยากรชาติ ก็ถูกล้าง ถูกผลาญ..ควบคู่ไปกับการเพิ่มขึ้นของหนี้สินภาคครัวเรือน จาก ๘ หมื่นบาทเศษ เป็น ๑๓๖,๕๖๒ บาทต่อครัวเรือน ในเวลาเพียงไม่กี่ปี..
คนไทย จึงไม่ต่างกับผึ้งที่ถูกหลอนให้หลงระเริงกับความหวานและความสวยงามของดอกสาบแมว.รอเวลาที่จะถึงกาลเสื่อมถอย..แตกดับ...
ในขณะที่ลาว พม่า เวียตนาม (เวียดนาม).. ซุ่มซ่อนลับคมเขี้ยวทางปัญญาให้แก่พลเมือง ให้รู้จักตนเองและก้าวเท่าทันโลกอย่างมั่นคง..พร้อมที่จะแซงพี่ไทย..ที่หลงระเริงความหวาน จนจะเป็นโรคเบาหวาน..ได้อย่างไม่ยากเย็น...
ถ้อยคำทิ้งท้ายของ "คุณสามสัก" ดังที่ยกมา ตรงใจผู้เขียนยิ่งนัก ที่รู้สึกนึกคิดเยี่ยงเดียวกัน ด้วยความห่วงใยใน "หายนะของชาติ" แต่ไม่อาจเขียนออกมาเป็นถ้อยคำ เมื่อได้พบกับงานเขียน "ค่าล้ำ" จึงขอนำมาบอกต่อ ขอให้คนไทยได้นำมาคิดไตร่ตรองกันดู จะปล่อยให้บ้านเมืองก้าวไปสู่หายนะเช่นนี้หรือไฉน...
ประสบการณ์สนทนากับชาวต่างชาติ
เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ 2555 เวลาประมาณ 18:30 น ดิฉันและเพื่อนๆในกลุ่มพากันมาสัมภาษณ์ชาวต่างชาติที่มาเที่ยวชมงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาของชาวจังหวัอุบลราชธานี ซึ่งจัดขึ้นที่บริเวณทุ่งศรีเมือง เรียกได้ว่าเป็นจุดเด่นและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปหากพูดถึงประเพณีแห่เทียน โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมผลงานการแกะสลักเทียนพรรษาจากช่างฝีมือหลายคน มีการแสดงดนตรีและการออกร้านขายของมากมาย
กลุ่มของดิฉันมีโอกาสขอสัมภาษณ์คุณโอม กั๊ทตริ เป็นชาวเนปาลเจ้าของผลงานชื่อ "สงบ" การสัมภาษณ์ครั้งนี้แม้ว่าดิฉันและเพื่อนๆจะพูดติดๆขัดๆเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างแต่คุณโอม กั๊ทตริท่านก็พยายามที่จะฟังและทำความเข้าใจในคำถามของเราและตอบคำถามอย่างเป็นกันเองพร้อมทั้งยังให้เกียรติถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับกลุ่มของเรา ดิฉันรู้สึกประทับใจในความเป็นกันเองและไม่ถือตัวของคุณโอม กั๊ทตริเป็นอย่างมากนับว่าเป็นการสัมภาษณ์ที่คุ้มค่ามากแต่ด้วยเวลาของคุณโอม กั๊ทตริมีไม่มากและอุปสรรค์ในการสัมภาษณ์คือมีเสียงดนตรีและเสียงเพลงดังอยู่เป็นระยะๆทำให้การสนทนาครั้งนี้ได้ยินบ้างไม่ได้ยินบ้าง
จากการไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติครั้งนี้ทำให้ดิฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ทุกท่านต้องคอยเน้นย้ำในเรื่องของภาษาโดยเฉพาะภาษาอังกฤษก็เพราะว่าเป็นภาษาที่คนส่วนใหญ่ใช้สื่อสารกัน เราถามเค้า เค้าตอบกลับมาได้แต่พอเค้าถามมาเรากลับฟังไม่ออกและตอบคำถามไม่ได้ ได้แต่ยิ้มให้อย่างเดียว การไปสัมภาษณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและมีประโยชน์มากทำให้ดิฉันอยากที่จะพัฒนาตนเองทางด้านภาษาให้ดีขึ้น
ประสบการณ์ที่ตื่นเต้น
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 19.00 น. ที่ผ่านมาข้าพเจ้าและเพื่อนๆในกลุ่มได้ไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมชมงานแห่เทียนพรรษา ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงงาน The Wax Festival Ubon ภายในบริเวณงานได้มีการจัดผลงานการแกะสลักเทียนพรรษาจากช่างฝีมือแต่ละประเทศ มีการแสดงดนตรีและการออกร้านขายของมากมาย
กลุ่มของข้าพเจ้าได้เดินชมงานไปเรื่อยๆเพื่อรอสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ แต่ก็ทำให้กลุ่มข้าพเจ้าเริ่มท้อ เพราะไปขอสัมภาษณ์ชาวต่างชาติที่แกะสลักเทียนแต่ก็ได้คำตอบว่ารีบไปงานต่อที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานีถ้าอยากสัมภาษณ์ก็ตามไปที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุบลราชธานี กลุ่มของข้าพเจ้าเดินไปรอบๆงานได้พบชาวต่างชาติชื่อ ไจแอน เป็นชาวอเมริกัน มาอุบลราชธานีเป็นครั้งแรก เพราะว่ามีพี่ชายที่มีภรรยาอยู่ที่อุบลราชธานี ข้าพเจ้ารู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่ถูก ประโยคที่เตรียมก็ลืม
จากประสบการณ์ที่ได้ไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ ขอขอบคุณ ผศ. วิไล แพงศรี ที่ได้มอบหมายงานให้ข้าพเจ้าไปทำแต่เพื่อช่วยให้เจ้ากล้าพูดกับชาวต่างชาติมากขึ้น
ประสบการณ์และความรู้สึกจากการไปสนทนากับชาวต่างชาติ
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 19.00 น.ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าและเพื่อนๆได้ไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จังหวัดอุบลราชธานี ในช่วงงาน The Wax Festival Ubon เป็นประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าประทับใจมาก
ข้าพเจ้าและเพื่อนๆ เดินหาชาวต่างชาติภายในงาน The Wax Festival Ubon โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมผลงานการแกะสลักเทียนพรรษาจากช่างฝีมือหลายคน มีการแสดงดนตรี การออกร้านขายของ และเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินชมงาน
มันเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นมากเพราะกลุ่มของข้าพเจ้าได้วิ่งตามชาวต่างชาติ 2-3 คน เพื่อไปขอสัมภาษณ์แต่แล้วก็ได้รับคำตอบว่าไม่ว่าง ข้าพเจ้าและเพื่อนในกลุ่มก็เกิดอาการท้อ แต่เราก็ไม่ยอมแพ้เดินหาไปเรื่อยๆ และก็พบกับชาวต่างชาติคนหนึ่งที่กลุ่มของข้าพเจ้าไปสัมภาษณ์มาเธอเป็นคนที่สวย น่ารัก และมีอัธยาศัยดีมาก เธอชื่อ “ไจแอน” เป็นชาวอเมริกัน เธอเพิ่งมาอุบลราชธานีเป็นครั้งแรก เพราะว่ามีพี่ชายที่มีภรรยาอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี เธอมีความรู้สึกประทับใจในความสวยงามของงานแห่เทียน เป็นความภูมิใจมากที่ได้ไปพูดกับชาวต่างชาติแล้วเขาฟังออกว่าข้าพเจ้าต้องการสื่อสารอะไร ประสบการณ์ในครั้งนี้มันทำให้ข้าพเจ้ากล้าที่จะสนทนากับชาวต่างชาติ และทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าก็สามารถสื่อสารให้ชาวต่างชาติเข้าใจได้เช่นกัน
ต้องขอขอบคุณ ผศ.วิไล แพงศรี มากๆค่ะที่มอบหมายงานในครั้งนี้ให้ข้าพเจ้าได้ไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติเพราะเป็นงานที่ได้ทั้งประสบการณ์และได้ฝึกความกล้าแสดงออกในเวลาเดียวกันด้วย
ประสบการณ์และความประทับใจที่ได้ไปสัมภาษณ์ชาวต่าง
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2555 เวลา 12.00 น. บริเวณ พิพิธพัณฑสถานแห่งชาติ สืบเนื่องจากท่าน อ.วิไล ได้สั่งงานให้ไปสัมภาษณ์ชาวต่างชาติ โดยแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน
สำหรับความประทับใจของดิฉันก็คือ น้ำใจที่ชาวต่างชาติเสียสละเวลาให้เราได้สัมภาษณ์ ความสามัคคีในกลุ่มของเรา อีกทั้งยังช่วยให้เรากล้าและมั่นใจที่จะพูดภาษาอังกฤษกับชาวต่างชาติ ทำให้เราได้ฝึกภาษาการออกเสียงเพราะถ้าออกเสียงไม่ถูกต้อง จะทำให้การสื่อความหมายนั้นผิดเพี้ยนไปหรือเขาอาจจะฟังเราพูดไม่รู้เรื่องก็ได้
ถึงแม้การไปทำงานของกลุ่มเราอาจจะมีอุปสรรคอยู่บ้างแต่การทำงานของเราก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ก็ต้องขอขอบพระคุณ อ.วิไล แพงศรี ด้วยนะคะที่ทำให้ดิฉันมีประสบการณ์นอกห้องเรียนดีๆแบบนี้ ซึ่งดิฉันอาจจะหาไม่ได้เลยถ้าเรียนแต่ในห้องเรียน ขอบคุณคะ