อนุทินล่าสุด


season
เขียนเมื่อ

สุดท้ายแล้วมักก็พยายามปรับตัวเองไม่ได้...สักทีเอาตัวเองออกมาให้ห่างคนพวกนั้นทำให้เราสบายใจอย่างบอกไม่ถูก หรือเพราะว่าเราไม่ชอบที่จะเป็นอย่างนั้นก็ไม่รู้ โปร่่งโล่งในความรู้สึก...ไม่มีอะไรในหัวจริงๆ เมื่อเราได้ทำในสิ่งที่เรียกว่า เป็นตัวเองจริงๆ ด้วยความพยายามที่จะกลับมา ด้วยตัวเอง......ตลอดมา...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

เมื่อเราลงมือทำอย่างใดอย่างหนึ่ง สิ่งที่จะตามมาคือผลจากการทำสิ่งนั้น เราเดินตามใคร ใครนำเราไป อยากทำสิ่งใด คำถามไม่มีคำตอบ...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

ไม่มีใครรับรู้ความสิ่งต่างๆได้ดีเท่ากับตัวเราเอง บางครั้งเราเองก็ยังไม่ดีเท่าในเรื่องของการ รับรู้สิ่งเหล่านั้น การลงมือทำ กับนั่งเพ้อฝัน มันคนล่ะอย่างกันแต่ การเพ้อฝันมันก็มีความสุขดีเหมือนกัน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

ยิ่งเราต้องทำงานมากเท่าไหร่ สิ่งที่ต้องกระทบกับคนอื่นยิ่งมากมายเท่านั้น การจัดระบบระเบียบ ในช่วงชีวิตการทำงานยิ่งต้องมีมากยิ่งขี้ไป



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

เราหลงลืมอะไรบางอย่างหรือเปล่า

          ในวันนี้เราได้มาอยู่ในสิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้...บทพิสูจน์มันช่างร้ายกาจเหลือเกินเกือบจะทนไม่ไหวในบางครั้ง เราเหนื่อยล้ากับสิ่งรอบข้าง เราเบื่อกับสิ่งรอบข้างในบางครั้ง เฝ้าฝันถึงวันที่จะเป็นจริง ซึ่งยังไม่ถึงฝั่งฝัน โดยตัวเราเองไม่อาจวิ่งตามอะไรก็ตาม ที่บางครั้งไม่ใช่ตัเอง มันเหนื่อยน่ะ เฝ้าคิดตลอดเวลาว่าอย่าให้เรา ท้อแท้ อ่อนแรงไปมากกว่านี้เลย  หัวใจที่อดทน หัวใจที่แกร่ง หัวใจที่เฝ้าอย่างให้มีวันเวลาเป็นของตัวเอง ไม่เลย...ณ ที่แห่งนี้ ความฝันกับความจริง มันช่าง ไปด้วยกันอย่างลำบากเหลือเกิน.......



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

นานมากแล้วซิน่ะ... ที่ไม่ได้มาเขียนอะไรก็ดูดีไปหมด หน้าตาก็สวยเมื่อวันเวลาผ่านไป เข้าใจมากขึ้น ถ้าชีวิตคนเราทำได้อย่างนี้ก็ดีซิน่ะ ช่วงนี้อยากทำอะไรก็ทำ ช่วงวันที่ปิดเทอม คิดว่าที่ผ่านมาทำงานค่อนข้างพอใช้ แต่ยังไม่ดีเท่าที่ควร ค่อยๆพัฒนาปรับปรุงกันไป เป็นปัจจุบันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

ความเข้มแข็ง อีกแล้ว.....บอกกับตัวเองว่าต้องเข้มแข็งเท่านั้น ไม่มีข้อโต้แย้ง จากส่วนใดของหัวใจ



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

อุปสรรคมากมาย เหตุผลมากมาย......

                 ทางรักไปไม่ถึง ทุกอย่างเดินตามชะตา ผ่านร้อนผ่านหนาว รอกำลังใจเพื่อให้ถึง มีบางอย่างที่หัวใจเรียกร้อง หัวใจโหยหา ไม่มีสิ่งใดที่เราต้องทำหรือไม่ทำเราต้อง และไม่มีข้อปฏิเสธใดๆทั้งสิ้น ผมว่าผมกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่าง แต่ไม่ว่าอุปสรรคมากมายแค่ไหน ผมกำลังฝ่าฟันไปให้ถึง ไม่ว่าเส้นทางเส้นนั้นจะจะมีขวากหนาม มากมายเพียงใด ก็ตามที ต้องเดินฝ่าฟันไปให้ถึง

                       ลมเอ๋ยเจ้าจงพัดใจหัวใจที่ร้อนระอุ ให้เย็น สงบ บางเบา ปล่อยวาง ด้วยเถิด อยากก้าวข้ามอุปสรรคทั้งมวลด้วยเถิด ความรักทั้งมวล จงบันดาลเกิด โดยไม่วิงวอนขอร้อง

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

ศรัทธา.กับ..ความจริง

    ผมมารู้สึกตัวว่าสิ่งที่ไขว่ขว้าอยู่มันช่างอยากเย็น หรือเกิน อะไรก็ตามแต่ ที่เรามุ่งหวัง รู้สึกว่าต้องเอาใจ ตามใจ แล้วก็...วิ่งตาม ถามว่าทำ ทำไมผมกำลัง รู้สึกแย่ๆ ในวันนี้ ไม่รู้สิ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยท้อแท้อย่างไรไม่รู้ เซ็ง มาก มันเป็นอะไรที่ ต้องรอ และรอ การที่เราจะพิสูจน์ตัวเองเพื่ออะไรบางอย่าง

                             ขอให้แม่ที่อยู่บนสวรรค์เป็นกำลังใจให้ผมด้วย................



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

ก้าวข้าม....

ผมเคยคิดว่าผมไม่รู้ ผมไม่เก่ง ในบางวิชา ที่กำลังเรียนนั้นเป็นแนวคิดที่ทำร้ายตัวเองเป็นอย่างมาก พรสวรรค์ของแต่ละคน การฝึกฝนของแต่ละคน เบี้องหลังประสบการณ์แต่ละคน เป็นเรื่องที่ต้องกระทำไปพร้อมๆกัน ประเด็นคือ ทำอย่างไรถึงจะเก้าข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้ จนถึงขั้นที่เรียกว่าเรียนรู้สิ่งใหม่ โดยมีประสบการณ์เบื้องหลังที่ดีเป็นสิ่งเกื้อกูลเรา.... เป็นสิ่งที่ต้องและต้องทำเดี๋ยวนี้



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

สิ่งที่ต้องพิสูจน์ตัวตน....มีงานที่ต้องทำอีกมากมายที่ต้องอาศัยความกระจ่างชัดทางปัญญา...วิธีแห่งการใช้วิชาความรู้ทั้งหมดที่มีอยู่ มันเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก สมาธิต้องแน่วแน่ จิตใจต้องมุ่งไปในทิศทางที่ วางไว้เท่านั้น สำหรับความคิดที่มีอยู่ณ ขณะนี้ผมว่าบางครั้งผมไม่ค่อยมั่นคงเท่าไหร่ กลัวอะไรต่างๆนาๆ ไม่ค่อยมั่นคง ห่วงหน้าพะวงหลัง กลัวอะไรมากมาย เพราะฉะนั้น ถ้าอยากข้าม สิ่งต่างๆเหล่านี้ จิตใจที่มั่นคงเท่านั้น จึงจะสามารถทำได้.....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

                               ....ควบคุมไม่ได้.....

สองสามวันที่ผ่านมาพยายามไล่ตามแก้ปัญหาเดิมๆ ที่เกิดซ้ำซากที่ตัวเองได้ก่อขึ้น โดยไม่มีการวางแผนที่ดีไว้ก่อน ที่จะลงมือทำ มันทำให้เหนื่อ่ยและเครียดเหมือนกัน ตัวเราเป็นคนที่วางแผนอะไรไม่ค่อยเก่งด้วยเป็นทุนเดิม ทำให้มีความกังวลเล็กน้อยเหมือนกัน กับอนาคตข้างหน้า ทำให้เราต้องระวังมากยิ่งขึ้น การทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดทำให้เราต้องคิดหลายตลบมากขึ้น

สิ่งที่เห็นอยู่เมื่อเราเห็นคนที่เขา มีเก็บไม่เดือดร้อนมันทำให้ตัวเองต้องมานั่งทบทวนอยู่บ่อยครั้งมากในการดำรงอยู่ของเรา

ใช่ว่าจะเป็นข้อเสียที่พยายามจะไม่ให้เป็นความเคยชิน..เพียงแต่กำลังพยายามอยู่ก็เท่านั้นเอง.....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

 

 

//ดี เลว มีอยู่ในตัวตน//

  เมื่อมีความขัดแย้งในตัวเองอย่างร้ายกาจ จนไม่สามารถควบคุมได้ ด้วยปัจจัยสิ่งเร้าต่างๆที่เกิดขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นจากภายใน หรือสิ่งเร้ารอบกาย ย่อมทำให้เกิดความไม่สมดุล

ของสภาพอารมณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเราปรารถนาที่จะควบคุมมัน ก็สามารถที่จะทำได้ซึ่งเป็นสิ่งี่ต้องพึ่งกระทำเป็นอย่างยิ่ง สิ่งที่อยู่ภายในมันสามารถควบคุมได้อยู่แล้ว(ในบางโอกาส)

แต่สภาพภายนอกที่เราไม่สามารถควบได้ล่ะ...มีหลายท่านสอนให้เราอยู่ปัจจุบันให้มากที่สุดเพื่ออะไรนั้นคงไม่ต้องอธิบาย ก็เพื่อควบคุมสภาพให้เป็นอยู่ ณ ปัจจัยนั้นเอง

มีหลายอย่างอยู่ในหัวสมองเราวิ่งไปมาโดยไม่ได้รับการควบคุม ถ้าเราฝึกควบคุมมันให้ได้ก็จะเป็นผลดี นั้นหมายถึงสภาวะที่สมดุลย์ของร่างกายจิดใจนั้นเอง

คนเราต้องเดินทาง...ไม่ว่าทางกายภาพหรือด้านจินตนาการ สิ่งต้องพึ่งกระทำขณะเดินทางก็เพียงให้เรารู้หลักเส้นทางที่ก้าวเดินทุกขณะจิต..ไม่เพียงแต่รู้เส้นทาง

ความพร้อมขององค์ทุกอย่างต้องพร้อมเท่ากัน ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะมีการเดินทางไกล ใกล้ เท่าไหร่แต่สิ่งที่อยู่ใกล้เรามากที่สุดคือตัวเรา จิตเรา มันเดินทางไปด้วยกันหรือ

ความเป็นหนึ่งของทั้งสองสิ่ง ย่อมเป็นเรื่องที่ควรจำเป็นอย่างยิ่ง...

   การเดินทางย่อมมีวันสิ้นสุดเมื่อนั้นก็ถึงคราพักและทบทวน ทุกอย่างที่ผ่านมา ดีเลวอย่างไรมีอยู่ในตัวตนนั้นเป็น

สิ่งที่ผ่านมาพร้อมกับการเดินทาง  รายทางก้าวย่างที่ผ่านมา นั่งทบทวนโดยไม่ห่วงสิ่งใดอีกเลยนั้นคือสิ่งที่ปรารถนา

ของคนเราทุกถ้วนหน้า ใช่หรือไม่ ปลดระหว่างสิ่งต่างๆ ปลดหัวใจที่เดินทางมาไกล ร่างกายที่อ่อนล้า

เพื่อจะได้พักผ่อนอย่างแท้จริง...กับลมหายใจสุดท้าย

 

 

บทเพลง...

     เช้าวันอาทิตย์..แสงตะวัน..ลมพัดยอดต้นไม้ใหญ่ ลมเย็นๆของฤดูร้อนที่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น

บทเพลงเพื่อชีวิตดังขึ้น วงมาลีฮวนน่า เป็นบทเพลงที่พูดถึงชีวิตในเมืองใหญ่ ของเด็กบ้านนอก

"ฉันเป็นเด็กไอ้บ้านนอกคนหนึ่ง ที่หวังปีนป่ายจุดหมายปลายฟ้า จะเหนื่อจะยากอุตส่าห์ฝ่าฟันแบกปัญหา"

  หยาดเหงื่อน้ำตาแลกมากับความเป็นจริง" นั้นเป็นท่อนหนึ่งที่คนแต่งต้องการให้รู้ว่า คนที่มาจากบ้านนอกไม่

ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป ขอให้ได้สู้แค่นั้นเหรอ..ไม่หวังผลว่ามันจะเป็นอย่างไรมันคือสัญชาติญาณการ

เอาตัวรอดของคน  ผ่านเรื่องราวมามากมาย ร้อนรนทุกข์ร้อน

  "กลับคืนบ้านเราดีกว่า พักมองฟ้า เสียงหญ้าอ่อนลู่ลม เลิกฝันบ้าลมๆ อยู่ในเมืองลวง"  นั้นเป็นบทสรุปของใครคนหนึ่ง

 "นึกถึงวันที่ฉันจากบ้านเกิด มีลังใส่ความหวังไว้เต็มใบ ตีตั๋วขึ้นรถไป กทม. แล้วรถก็พรากความหวัง ฉันไป กำลังใจลอยหายตามลม"

   "ทิ้งท้องปลายนา..จะสนุกหรือล้มเหลวได้ลองได้แลกัน "

 " กลิ่นคนอ่อนแรง...เจ็บล้าบาดแผลเมือง"

 

          มาถึงวัน...ที่ความหวังได้ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความกังวลต่างๆ ก็บังเกิดขึ้นพร้อมกัน แต่ความหวังครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่ กทม.

หากแต่อยู่ที่บ้านนอกที่เราจากมา นั้นบอกถึงการเดินทางยังคงเดินทางไปโดยยังไม่ถึงท่อนสุดท้ายของบทเพลง หากแต่ห้วงทำนอง

ได้เปลี่ยนไปเป็น ที่ราบเรียบสงบเยือกเย็น และแผ่วเบา ชวนให้หลับฝัน หลังจากที่บทเพลง ร้อนรนได้สิ้นสุดลง บทเพลงใหม่ที่กำลังจะบรรเลง

และดังขึ้น ราบเรียบแผ่วเบาหากแต่ดังอย่างต่อเนื่อง บทเพลงแห่งความหวังบทเพลงชีวิตอย่างแท้จริง

... บทเพลงแห่งชีวิตยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เหมือนชีวิตที่ยังบรรเลงไปจนกว่าจะถึงท่อนสุดท้าย และเสียงดนตรีสุดท้ายได้สิ้นเสียงลง....

 

   สะใจ...อย่างแรง

                 ดูการรายงานข่าวทาง โทรทัศน์ ตอนเช้าในหัวข้อข่าวที่ รัฐมนตรีไปประชุม ธนาคารโลก เรื่องวิกฤต พลังงานโลก และอาหารที่ขาดแคลน ในรายละเอียด ที่เกี่ยวข้องกับเรา คือเขาขอร้องให้เรา ลดการปลูกพืชพลังงาน ให้ปลูกพืชอาหารให้มากๆ ในฝั่งของเราที่ไปประชุมก็ตั้งคำถามได้ดี ทำไมประเทศที่ผลิตน้ำมันมันไม่ยอมช่วยเรา ทีพวกเขาเดือดร้อนกลับให้เราช่วยฟังดูแล้วมันก็ได้สรุปว่า ที่ผ่านมามนุษย์เราเห็นแก่ต้วกัน ยิ่งพวกที่รวยมั่งคั่งไม่ยอมเสียผลประโยชน์อะไรทั้งนั้น คิดในแง่สะใจประชดประชัน คือสะใจ แต่ในทางกลับกันมามองที่ตัวเราว่าที่ผ่านมาการพัฒนาประเทศที่มุ่ง จะชูเรื่องอุตสาหกรรม ทั้งที่ตัวเราเองถนัดเรื่อง เกษตรกรรม ผมว่าเราไม่เป็นตัวของตัวเอง วิ่งไล่ตามเอาอย่าง ทั้งหมดไม่คัดกรองความเหมาะสม ผมได้ว่าการชูเรื่องอุสาหกรรมไม่ดี แต่น่าจะเป็นเรื่อง รองๆสำหรับความสำคัญการพัฒนาประเทศ ทุกวันนี้ไม่รู้ว่าเราๆท่านๆ รู้สำนึกหรือยังว่า ที่เดินทางมามันผิด เราเอาอย่างเพื่อให้เขาชมเราว่าเรา มีอารยที่ก้าวหน้า ด้านการพัฒนา ไม่รู้สิผมรู้สึก สงสารตัวเอง.......... ผมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่ผิดพลาดโดนกล่อมว่าสิ่งที่อยู่รอบตัวเอง มันเก่าล้าสมัย ต้องเปลี่ยน ต้องพัฒนาให้เป็นสิ่งศิวิไล แต่คุณภาพชีวิตต่ำลง ค่านิยมต่ำลง สิ่งที่อวดอ้างกันกลายเป็น รถยนต์คันงาม  เงินที่ซื้อได้ทุกอย่างทุกคนต้องอพยพเข้าเมือง ......เอาล่ะที่ผ่านมามันจะผิดทางถูกทางอย่างไรมันก็ผ่านไปแล้ว ชีวิตเรายังเดินต่อไป ผมไม่ใด้ให้ทุกคนกลับไปทำนา ทุกคนมีงานต้องทำ หน้าที่ต้องทำไปแต่ความสมดุลจะต้องเกิดขึ้น ในบ้านเมืองเรา ผมอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่ถูกทาง แม้นว่าที่ผ่านมาผมก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่ผิดทางมันเหมือนเราไม่โง่ ที่ใครพูดอะไรแล้วเราเชื่อ ผมว่าการที่เราเป็นคนง่ายๆ สบายๆมันเป็นดาบสองคม ผมไม่ได้ว่าคนไทยเราเป็นอย่างนั้นหมดสิ่งที่ถูกทางเราเราอยู่...ให้ลงมือทำ

 

 

 

If you know

ลมพัดเย็น เสียงเพลงเบาๆ อารมณ์ที่บ่งบอกถึงความเงียบสงบ ว่างเปล่า

น้อยครั้งนักที่คนเราจะมีภายยากาศภายในเช่นนี้ เป็นเรื่อง ดี ทำให้เรา

ผ่อนคลาย คลี่คลายตัวเองจากสภาวะแวดล้อมที่บีบรัด ทุกชั่วขณะทุกโมงยาม

แสงแดดจ้า ยามบ่ายทำให้ คลายความอึดอัดลงไปได้มาก บางครั้งเราอยากอยู่

ห้วงเวลาเช่นนี้ตลอดไป

เมื่อย้อนเวลาไป ในเวลาอดีตที่เรายัง อ่อนเยาว์และโง่เขลา เราไม่อาจมองเห็นคุณค่า

ซ้ำร้ายยังรังเกียจทุกครั้งที่หวนคิด ความมีคุณค่ามีอย่างทุก อย่างทุกวันทุกวินาที

เมื่อเรามองเห็นคุณค่าของมันทำให้เรามีความสุขทุกครา.....ไป

 

ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไป

ในห้วงยามที่ลำบากที่สุดผ่านพ้นไป ทำให้เรานึกถึงอะไร

อาจเป็นเสมือนว่าเรากำลังจะ หยุดหายใจ จนกระทั้งบ้า

เขาบอกว่านั้นเป็นการบ่มเพาะประสบการณ์

ถ้าเราทำได้มันก็เป็นแรงส่งให้เราก้าวข้ามเรื่องราวต่างๆที่กำลังรอเราอยู่

แต่จงคิดอยู่เสมอว่า..สิ่งที่ทำอยู่วันนี้ไม่อาจเป็นแรงส่งก็ได้

เพราะฉะนั้นเราก็เตรียมพร้อมที่จะเผชิญเรื่องราวใหม่ๆได้ตลอดเวลา

บทเพลงชีวิตก็ยังคงขับร้องไปท่ามกลางฝุ่นควันของการต่อสู้

ในเมื่อมันเป็นเช่นนั้นคงไม่ต้องตั้งคำถามกับสิ่งที่กระทำ ณ ปัจจุบันขณะอีกต่อไป

เราคงได้แต่หวังว่า สักวันหนึ่งเราจะก้าวข้ามหัวใจ....เราเองให้ได้

 

 

 

 

 

 

 

 

สิ่งใหม่ที่เกิดขึ้น

เมื่อพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงโดยไม่มีใครมาบังคับเรา

เหตุการณ์ทุกอย่าง เราทำโดย  มีความพร้อมทั้งกาย และใจ

มันทำให้เรา มีความอิ่มเอม มีความหวัง มีชีวิตที่ มีความหมาย

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้างหน้า ความศรัทธา จะถูกท้าทาย ครั้งแล้ว ครั้งเล่า

จะขอยึดมั่น ในคำสัญญา ในปฏิญญาที่ให้ไว้

สิ่งใหม่ที่รับรู้ได้มา และได้ลงมือทำให้เราได้รู้ว่า

ในเรี่องบางเรื่องเรายังอ่อนด้อย ยังคงต้องฝึกฝนต่ออีกพอสมควร

แต่เหนือสิ่งอิ่นใดเราเชื่อว่า ศรัทธา ในใจจะนำพาเราไปสู่ สิ่งที่เรียกว่า

ความ รู้แจ้งในสิ่งทำ รู้แจ้งในความสิ่งที่กระทำ โดยมีปัญญา เป็นสิ่งนำทาง

ไม่ว่า เราจะเชี่ยวชาญหรือไม่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด นั้นคือความมั่นใจ ในสิ่งที่ทำ

โดยตรึกตรอง คุณค่าแห่งความดี ที่มีอยู่ในตัวตน

สิ่งดีๆที่มีอยู่ในตัวตน ทำให้เราคิดว่า จะยังค้นหาอะไรอีกในชีวิต ที่อยากลำบากนี้

หนทางที่เดินทาง อาจคดเคี้ยว ไม่ใช่เส้นที่ตรงแต่คุณค่าของมันก็มีอยู่ในตัวเอง

มันทำให้เราเข้มแข็งและได้มุมมองที่ดีๆ จนที่สุดแล้ว มันคือบทสรุปเพื่อนำมาประกอบบางสิ่งบางอย่าง นั้นเอง

 

 

ไม่น่าเชื่อเลยว่า...

 

 

วันนี้ดูเป็นวันที่ ความรู้สึกพลุ่งพล่าน ถึงกระแสหลักที่พวกเราๆท่านๆ กำลังเผชิญอยู่

นั้นคือปรากฏการณ์ อาหารแพง ทุกอย่างแพงหมด ราคาของขึ้นไปหมด แต่ตัวเราเองยัง

ไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้เลย คำว่าพึ่งพาในที่นี้หมายถึงการ มีกินโดยไม่ต้องซื้อกิน

การมีความสุขโดยไม่ต้องซื้อ โดยไม่ต้องฝันลมๆแล้งๆ

ทางออกต่างๆ ก็คือกับไปผลิตอาหารเองเพื่อที่จะเอาไว้กิน

กับไปในที่ที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะแยะมากมาย ก็สามารถอยู้ได้ท่ามกลางโลกที่เดินทางเข้า

ความจนตรอกจากที่เราสร้างขึ้นมา ทุนนิยม คำนี้รู้สึกว่ามันทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี

อย่างไรไม่รู้ การที่คนเก่งสามารถหลอกให้คนไม่เก่งหลงเชื่อได้ โดยชี้ให้ให้เดินทางไป

ในสิ่งที่จะต้องพบจุดจบในสักวันหนึ่ง แล้วมาวันนี้ผู้คนกำลังเผชิญกับศรัทธาที่มีต่อ

คำว่า ทุนนิยม วิถีเก่าๆที่ดีงามหายไป เพราะคนเรา เอาคำว่า เงินมาเป็นตัวตัดสิน

ว่าชีวิตจะดีขึ้นถ้ามีเงินเยอะๆ แล้วจะมีความสุขถ้ามีเงินมาก ทำให้ทุกคนเดินทางลัด

พยามหาเงินกันทุกวิธีทาง โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่ดีงามที่หายไปจาก ชีวิต

แรงงานที่หมดจนหนทางเดินทางเข้า เมืองใหญ่เพื่อหาเงิน เอาไปใช้หนี้ ธกส.

ยังเป็นวังวน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

 

เมื่อเป็นเช่นนั้นคำตอบคือ กล้าที่จะเดินทวนกระแส ออกมาจากทุนนิยม

นั้นคือไม่ก้าวนำไปในสิ่งที่เป็นของไม่เที่ยงไม่แท้ กัดกินชีวิตตัวเอง

น่าสงสารมนุษย์เราที่ต้องเดินทางไปสู่ความหายนะ โดนสิ่งเลวร้ายครอบงำจิตใจ

มันง่ายมากเพียงแต่เราสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตัวเอง เท่านั้นเองรายละเอียดปลีกย่อย

ทุกคนต้องหาเอง เพียงต้องใช้เวลาเท่านั้นเอง....สำหรับค้นเส้นทางเดินของตัวเอง

 

 

 

 

ถนนเส้นนี้กลับบ้าน

ทางเลือกของชีวิตไม่ได้มีเฉพาะ

เป็นลูกไล่ให้ท่านเจ้านายอยู่ในออฟฟิศ

กลางเมืองใหญ่ แล้วเขาก็เลือกที่จะมุ่งหน้ากลับบ้าน

กลับไปเริ่มต้นด้วยความหวัง

ไม่ใช่กลับไปอย่างคนแพ้

 

สงบ เงียบ ท่ามกลาง....ความวุ่นวาย

 

เมื่อเราได้อ่านอะไรสักอย่าง.....ผมสรุปและทึกทักเอาว่า คนเราต้องการแบบอย่าง

อย่างที่เราอ่านที่เราฝันยิ่ง เรื่องราวต่างๆ ที่ได้อ่านใกล้เคียงกับประสบการณ์ตรงของตัวเองเท่าใหร่

ยิ่งทำให้เรา ให้ความสำคัญกับเรื่องนั้นๆเป็นพิเศษ วิถีความเป็นไปของใครคนหนึ่งย่อมเป็นไปในทิศทางของตัวเอง ไม่สามารถเทียบเคียงกันได้ แต่ก็อีกนั้นแหละ ผมว่าบางเศษเสี้ยวของชีวิตย่อมส่วนที่ คล้ายคลึง

กันไม่มากก็น้อย ประสบการณ์ของคนรุ่นเก่าทำให้เราได้เรียนรู้อะไร ก่อนที่จะลงมีทำ

ว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหน ผิด  เมื่อเป็นเช่นนั้น ทำให้ผมสงบลงอย่างไม่น่าเชิ่อจากที่ ร้อนรน ตลอดมา



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

เมื่อได้ยินเรื่องราวที่สะเทือนใจครั้งใดที่เกี่ยวกับเด็ก ผมไม่เคยมีความรู้สึกว่าผมทำอะไรไม่ได้ยิ่งเป็นหลานๆ ที่พ่อแม่มันเลิกทางกันแล้วปล่อยให้ปู่ย่า ตายายเลี้ยง  ผมตั้งคำถามขึ้นมาท่ามกลางวงสนทนาว่า เด็กมันไม่ผิดผู้ใหญ่ที่ผิด ที่วุฒิภาวะอะไรต่างๆมีมากกว่า ทุกครั้งที่มีปัญหามันดูเหมือนลอยตัวอยู่เหนือปัญหาเหล่านั้น เพราะว่า เราปัดความรับผิดชอบ หรือว่าเราไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบ หรือไม่เคยรับผิดชอบ ทั้งหมดมันคือคำถามทุกครั้งที่มีเหตุการณ์เหล่านี้ มันก็เกิดขึ้นในใจตลอดมา

ทำอะไร......ได้บ้าง

 

                โอกาสที่เราจะทำอะไรสักอย่างมันยากเย็นสักแค่ไหน ยิ่งเป็นความดีด้วยแล้วมีหลายท่านบอกว่าการทำความดีมันยาก ทำความเลวมันง่าย เรื่องนี้ผมอยากจะลงไปดูปัญหาจริงๆ อยากเข้าไปแก้ปัญหาเหล่านั้น ไม่ใช่ปล่อยให้มันเป็นไปตามกรรมเวรที่เป็นไป มันเป็นเรื่องที่ค่อยข้างอธิบายลำบากและอยากอยู่สักหน่อยว่าทำไม ทุกคนไม่ยอมรับชอบไม่มีความอดทนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครอบครัว มีเรื่องราวเกิดขึ้นก็แยกทางกันปัญหาตกอยู่ที่เด็กๆ  ผมเองก็เข้าข่ายนั้นเหมือนกันคือไม่อดทนต่อเหตุการณ์ที่ก่อตัวขึ้นมาและไม่สามารถแก้ปัญหาด้วย ปัญหาแต่กลับกลายเป็นการประชดประชัน กันและกัน สุดท้ายกลายเป็นเลิกลา กันไปทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลัง ปล่อยเด็กไว้เบื้องหลัง ปล่อยความดีไว้เบื้องหลังปล่อยโอกาสไว้เบื้องหลัง โอกาสที่เด็กๆจะมีความสุข กับพ่อแม่ มันล้มสลายไป  โดยความรู้สึกของตัวผมเองกลายเป็นว่าได้แต่นั้งดูปัญหาเหล่านั้น แต่ลึกๆในใจผมบอกกับตัวเองเสมอว่าผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหลานๆ เหล่านี้บ้าง ไม่ใช่ปล่อยให้ทุกอย่างมันผ่านเลยไปแล้วก็รอรับผลกรรมที่จะเกิดขึ้น ผมกำลังพูดถึงการลงมือทำอย่างจริงๆจังๆ

                ปัญหามันน่าจะเริ่มจากถึงเด็กที่ขาดความรักจากพ่อแม่ เด็กไม่ได้ความอบอุ่นซึ่งความรักที่ได้จากตายายมันแตกต่างจากจากพ่อแม่ แล้วปัญหาต่างๆก็ตามมา  ผมถึงทฤษฏีต่างๆที่เกี่ยวกับเด็ก จิตวิทยาเด็กแต่ก็นึกไม่ออกเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ ถ้าผมไม่ใช้ทฤษฏีเหล่านั้นล่ะ ผมใช้ความรู้สึกเข้าหาปัญหาเหล่านั้น คงต้องใช้ความสามารถพอดู

      ตอนเช้าวันที่ 13 เมษายน 2551 อันอบอ้าวร้อนรน ภายในใจ สิ่งที่จะบรรเทาความร้อนเหล่านั้นได้มีแค่เพียงหาที่อยู่ที่เหมาะสมกับตัวเอง หาที่เย็นๆใจให้กับตัวเองหลบหลีกการการปะทะทั้งมวล ซึ่งก็ยังคงมีแต่แรงปะทะภายในเท่านั้นที่ต้องรับมือ กับมัน ......มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่จะให้กำลังใจตัวเองในห้วงเวลานี้

                ถามว่าในใจคิดอะไรในตอนนี้ ยังมีภาระอันใหญ่หลวงอยู่เบื้องและก้าวย่างที่ต้องคอยระวังไม่ให้ซ้ำรอยเดิมรอยแห่งความผิดพลาดทั้งมวล คิดอย่างรอบคอบระวังทุกย่างก้าว มีสติทุกย่างก้าว เพราะทุกอย่างคือความจริงในตอนนี้ ไม่มีความฝันให้นอนคิดโดยไม่ลงมีทำ เท่านั้นคือความจริง

         วันนี้นึกถึงแม่อยากให้แม่ได้สบายอยู่บนฝากฟ้า ก็เลยนำรูปท่านลงมารดน้ำ ดำหัวตามธรรมเนียมปฏิบัติของวันสงกรานต์ นับต่อแต่จากนี้คงต้องเข้มแข็งขึ้น มีสมองที่แข็งกล้ามากขึ้นอดทนมากขึ้น ขอให้แม่เป็นกำลังใจให้ลูกด้วย........



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

ขัด ขื่น จำนน  ผลิตผลของวัน นี้ย่อมเป็นผลพวง มาจากอดีตกาลที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดย่อมมีการลองผิดลองถูก ตามที่เสียงเรียกร้องจากภายในหัวใจที่นับวันยิ่งจะ เสียงดังขึ้น ด้งขึ้น มันเหมือนกับการได้ลอง ลงมีอทำเหมือน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ การมุ่งมั่นที่เต็มร้อย  เพิ่มศักยภาพตัวเองไปเรื่อยๆไม่ว่าเป็นเรื่องใด มุมมองของการใช้ชีวิตเป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งจะส่องผลให้ชีวิตเดินไปเส้นทางที่ถูกต้อง.
..ต่อไป



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

   สะพานเก่า บ่อยครั้งที่การเดินทางของเราจะต้องพบกับสิ่งแปลกใหม่ผู้คนรอบข้างที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตา ความรู้สึกที่พร้อมจะรับกับสิ่งแปลกใหม่ ความจำเป็นที่ที่จะต้องทำความเข้าใจบางสิ่งบางอย่างเพื่อไม้ให้สิ่งเหล่านั้นเป็นพิษกับเรา นั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง การดำรงอยู่ของตัวตน ซึ่งอยู่ในขอบเขต ที่สามารถควบคุมได้ คำนึงได้

ความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะหาบทสรุป หาทางออก เป็นอย่างไรคงต้องดำเนิน ไปตามเส้นทางที่ควรจะเป็น

บ่อยครั้งที่ผมเห็นสะพานแล้วพาลคิดถึง สิ่งที่มนุษย์เราสร้างขึ้นมาเพื่อ อำนวยให้เราผ่าน หรือข้ามอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง ในโลกความเป็นจริง ถ้ามีคนมาสร้างสะพานให้เราก้าวข้ามปัญหาให้เราได้ทุกครั้งไปก็ น่าจะเป็นเรื่องที่ยินดี ในโลกของความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่  บางครั้งเราต้องสร้างสะพานขึ้นมาด้วยตัวเอง เพื่อที่จะก้าวข้ามอุปสรรคแห่ง จิตใจ  หลายต่อหลายครั้งเราต้องให้คนอื่น ช่วยประคับประคองด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นหัวใจคงไม่ อ้างว้าง เกินไปหนัก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

ในเดือนสุดท้ายของการทำงาน ที่อยู่ กทม. ความรู้สึกที่เป็นห่วงอะไรต่างๆก็ยังคงมีอยู่ แต่ความวิตกกังวลนั้นได้หายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะหายหมด ก็ยังคงเหลืออยู่บ้าง มาวันหนึ่งมีคำสั่งให้เราไปทำงานในไซด์งานที่เราไม่ค่อยชอบเท่าใดนัก นาทีแรกที่รับโทรศัพท์ มันเซ็งนิดๆ แต่เมื่อบวกลบ คูณหารกันแล้ว กับเหตุการณ์นี้ก็ยังพอทนได้ อันที่จริงเราก็ทำงานแบบสบายๆ อยู่แล้วไม่ค่อยเครียดและห่วงสักเท่าใด ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ต้องเอาจริงเอาจังทุกอย่างทำให้เครียดพอสมควร แต่มาวันนี้ไม้เครียดเพราะเราใกล้ออกจากงานหรืออย่างไรไม่ทราบทำให้เราอยู่แบบสบายๆ

บทเรียนครั้งนี้ทำให้เรารู้ว่า.....ถ้าเราจะทำอะไรบางอย่างแล้วทำอย่างสบายไม่เครียด แต่ไม่ใช่ว่าไม่จริงจัง งานที่ออกมาจะดีกว่าในกรณีทีเราเคร่งเครียดเกินไป.....



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

จู่ๆความรู้สึกโปร่งโล่ง.....ก็เกิดขึ้นโดยแพงแค่ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ของ วิกรม กรมดิษณ์ ทำให้เราผ่อนคลายจากเหตุการณ์ต่างๆที่มีค้างคาอยู่ในหัว ทำให้เรามีสมาธิในการแก้ปัญหาขึ้นไม่มากก็น้อย อันนี้เป็นสิ่งดีๆ ที่พึ่งเกิดขึ้น ทำให้มีพลังอย่างไรไม่ทราบ

ยอมรับว่า ปัญหาต่างๆ ย่อมมีทางออกของมันอยู่ เพียงแค่ต้องอาศัย วันเวลาเท่านั้นเอง....แต่ยอมรับว่าอารมณ์บางทีก็ควบคุมยากอยู่เหมือนกัน กับปัจจัยสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น ที่มีผลกระทบกับตัวเราเองโดยตรง......ทางออกสำหรับเรื่องต่างๆ คงต้องอาศัยวันเวลา...



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

                               การเดินทางหาความสุข

ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบทำอะไรที่เราชอบแล้วตัวเองมีความสุขภายในใจ..เช่น การได้คิด ได้อ่าน แล้วทำอะไรที่มีประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่นบ้าง การเดินทางหาความสุขจุดหมายอาจไม่ใช่คำตอบของความสุขแต่ ระหว่างที่เดินทางต่างหากคือ การรู้จักเก็บเกี่ยวเอาความสุข ไม่เพียงแต่ว่าเราหาได้ใส่ตัวแค่นั้น คนรอบข้างก็ได้รับอานิสงฆ์ด้วย สำคัญที่การมองโลก ที่สุดแล้วชีวิตเราย่อมเผชิญกับอะไรต่างๆเยอะแยะมากมาย มุมมองย่อมมีหลายๆมุมให้มอง ผมว่าผมจะเลือมองในมุมที่สวยงามดีกว่า.....มุมเดิมที่เราเคยมอง

เมือเราเข้าใจตัวเอง เข้าใจโลก ปัญหามีหนทางแก้ไขเสมอ ทางออกมีเสมอ  เมื่อเราเข้าใจเราไม่เครียด รู้จักปล่อยวางบ้าง นั้นเป็นสิ่งที่เรา แสวงหามาตลอดชีวิตไม่ใช่หรือ

 

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

อะไรบ้างที่ทำให้เรา..กระวนกระวายใจ

 มีบ้างครั้งที่เราว้าวุ่น ใจ ไม่มีความสุข หงุดหงิด เหนื่อย ทางออกสำหรับอาการนี้ แน่ใจว่าจะต้องทำอย่างไรกันแน่ อาการปั่นป่วนผายใน ทำให้เราไม่สบาย นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ความสงบหามีไม่

หรือว่าอาการ นี้มันบ่งบอกอะไรสักอย่าง ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังเลวร้าย กำลังค้นหา...ทางออก



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

ดอนกีโฮเต้ดอน กีโฮเต้ คือ เรื่องราวของผู้เฒ่าคนหนึ่งที่คลั่งไคล้ในวิถีของอัศวิน
วันๆหมกมุ่นอยู่กับการอ่านเรื่องโรแมนซ์และฝันเฟื่องถึงแต่เรื่องการสู้รบ
ปราบอริราช เหล่าอธรรม์ทั้งหลาย  จนในที่สุด ความฝันได้สุกงอม
ชายผู้เฒ่าออกจากบ้านพร้อมคนรับใช้อ้วนเตี้ย
ดำเนินวิถีชีวิตเยี่ยงอัศวินที่ฝันถึงอย่างภาคภูมิ
ใส่เสื้อเกราะ และเตรียมศัตราวุธพร้อมพรัก
(คือบรรดาเศษผ้าและภาชนะเครื่องครัวเก่าๆซอมซ่อ)
วิ่งรี่เข้าปราบศัตรูร้ายหมายเลขหนึ่ง (คือกังหันลมที่หมุนติ้ว)  
เข้าไปพักในพระราชวังแห่งหนึ่ง (คือซ่องข้างทาง)
และได้เจอเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ "ดัลซิเนีย "ผู้เป็นนางคู่ใจของอัศวิน
(คืออัลดอนซ่า โสเภณีกร้านโลกประจำซ่อง)
แล้ววิถีการผจญภัยของ ดอนกีโฮเต้ ผู้เพ้อพกก็ดำเนินไปอย่างสนุกสนาน
อย่างไม่เคยย่อท้อต่อภารกิจและปฎิญาณอัศวินบนสังขารที่อ่อนเปลี้ย
ท่ามกลางการเฝ้ามองอย่างฉงนของคนรอบข้างว่า
นี่คือคนบ้าสุดขั้วที่หลุดมาจากขุมไหน
จนกระทั่งวันหนึ่งอัศวินผู้เฒ่าตื่นขึ้นมา  
รำลึกได้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรเอ่ยนอกจากคนแก่ที่กำลังรอปลิดขั้ว....

แต่ในภวังค์ฝันเฟื่องระหว่างที่สวมบทบาทอัศวินต่างหากล่ะ
ที่กระตุกมโนธรรมสำนึก ชั่วดีของมนุษย์ให้ตื่นขึ้นมา
พร้อมกับความกล้าหาญที่จะต่อสู้กับความอยุติธรรมทั้งปวง
ที่จะโอบอุ้มความเหนื่อยอ่อนของมนุษยชาติ
ที่จะยอมร่วมทนทรมานไปกับความทุกข์ยากของผองชน
ที่จะฝันสุดไกล (แม้ไปไม่ถึง)เพื่อโลกใหม่ของทุกคน

เรื่องราวของ "ดอน กีโฮเต้" เคยอ่านมาบ้างผ่านตาแบบผ่านๆสมัยที่ยังเสาะแสวงหาหนังสือ มาอ่าน แต่ก็ไม่เคยอ่านอะไรจบเป็นชิ้นเป็นอัน แล้วเรื่องราวต่างๆ ก็ประเดประดังเข้ามาในหัวสมอง ว่าเอ...เราเคยอ่าน หรือเคยทำอะไรที่ประสบความสำเร็จมาบ้างแล้ว ผมพยายามนึกย้อน หลังกลับไป ปรากฏว่ามันมีเพียงเหตุการณ์น้อยนิดเท่านั้นที่เคยประสบความสำเร็จหรือพยายามทำให้ได้ดีสุดๆ ในระดับไหน...ใน ขณะปัจจุบันผมกำลังจะจับทางได้ถูก ว่าตัวเองต้องการอะไรและทำอะไรได้ดีที่สุด(สำหรับผม) ความพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าประจวบกับ ความรู้สึกที่บอกว่า เอะ...ทุกอย่างเริ่มสายแล้วน่ะ ยังไม่ทำอะไรเลยเหรอ......หรือทำแล้วแต่ไม่ได้เรื่องสักอย่าง อยู่แบบอยู่ไปวันๆ เท่านั้นเอง นั่งนึกนั่งฝันไปวันๆ เท่านั้นเอง

ความสำเร็จ บางคนก้าวไปไกลว่าที่เราจะตามทัน...บางคนก็ล้าหลังเช่นเรา ถามว่าแล้วใยต้องลังเล กับสิ่งเหล่านี้อีกเล่า.....

สิ่งที่มุ่งหวัง สิ่งที่ดีๆ สิ่งที่สวยงาม ความรู้สึกที่อบอุ่น กำลังใจที่มีเปี่ยมล้น คือสิ่งที่คนเราแสวงหามาทั้งชีวิต ใช่หรือไม่



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

ถ่ายรูปรวมกับอาจารย์วันสัมมนาเข้ม ป.บัณฑิต สิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์เราคือการได้เข้าร่วมสังคม มีบทบาทในการแสดงออก ในกิจกรรมหนึ่ง ในห้วงเวลานั้นๆ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เป็นคำกล่าวอ้างของนักมนุษย์วิทยาตามหลักทฤษฏี นั้นคือไม่ว่าจะเป็นการร่วมสังคมในรูปแบบใดย่อมมีความหมายต่อเราทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยาว หรือ สั้นเพียงใด บทบาทที่ได้รับในสังคมนั้นย่อมแตกต่างไปตามหน้าที่การงานที่ได้รับลมอบหมาย เราต่างทำหน้าที่ของเรา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วมีความหมายกับเรานั้นต่างหาก คือความหมายในเชิงปัจเจกบุคคล นับว่าเป็นโอกาสอันดีที่คน คนหนึ่ง ได้เข้าไปร่วม เพื่อให้ได้พบมุมมองต่างๆที่แปลกออกไป จากมุมมองเดิมของการใช้ชีวิตบนโลกนี้ ทั้งหมดทั้งปวงเพื่อจรรโลงสิ่งที่ดีงานให้เกิดขึ้น ไม่ว่าเราจะต้อยต่ำสักปานใดบนโลกใบนี้เราทุกคนเชื่อได้ว่า อยากเป็นคนดี และอยากทำดี สุดมุ่งหมายของการมีชีวิตไม่เพียงแต่ จะแค่สืบพันธ์แล้วก็ตายจากโลกนี้ไป ทุกคนมีความหมายที่เกิดมา....ทุกคนมีความสำคัญที่เกิดมา นั้นคือสิงแรกที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่เรานั้นใช่หรือไม่ที่ทำมันสูญหายไประหว่างทางในการใช้ชีวิต.....

 

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

                     การที่จะบรรลุศักยภาพแห่งตนได้นั้นจักต้องมีความอดทนอย่างมาก หรือถ้าเรามีความอดทนน้อยการที่เราจะประสบความสำเร็จก็น้อยตามไปด้วย วันหนึ่งเราเจออะไรที่ท้าทาย ความรู้สึกเยอะแยะมากมาย การที่จะก้าวข้ามไปได้นั้นต้องใช้ความเพียร และสมาธิปัญญาสักปานใด ใช้เวลาสักเท่าใด ใช้พลังสักปานใด ก็ต้องทำ แล้วสภาพแวดล้อมที่เอื้อประโยชน์ก็เป็นตัวแปรที่สำคัญมาก 

      



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

ครั้งกระโน้น...มนุษย์โลกผู้หยิ่งทรนงในความคิดของตัวเองว่าข้าคือผู้รอบรู้ สามารถค้นพบ และท้าทายธรรมชาติ และอยากเอาชนะธรรมชาติ หลายต่อหลายครั้งธรรมชาติเตือนถึงการกระทำอันอุกอาจนี้แต่มนุษย์ผู้เหย่อหยิ่ง หาใส่ใจไม่   มนุษย์สามารถรู้ว่ากาแล็กซี่ อันกว้างใหญ่ ประกอบด้วยดวงดาวนับแสนล้านดวง มนุษย์เรายิ่งค้นพบ เท่าไหร่ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกระจ้อยหร่อย ยังมีคำถามมากมาย ที่รอการพิสูจน์เพื่อให้รู้ว่ามนุษย์โลกกระจอกเพียงใด

แต่กระนั้นก็ตามมนุษย์ยังกินยังใช้อยู่อย่างสิ้นเปลือง เพื่อเร่งเวลาให้ตัวเองแตกดับ ในเร็ววัน



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

season
เขียนเมื่อ

 ผู้ใหญ่ชอบถามว่า..."โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร" เด็กคนนั้นบอกว่า อยากเป็น"ครู"ครับ....เวลาผ่านไปเมื่อเด็กคนนั้นโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เข้าเรียน ตามเกณฑ์ จนกระทั้งจบมหาวิทยาลัย แต่ว่าเขาได้ทำความฝันหล่นหายไปเมื่อไหร่ไม่รู้ เขารู้แต่เพียงว่า ตัวเขาอยากมีเงินเยอะๆ อยากมีบ้าน อยากมีรถ อยากมีสารพัดอย่าง เวลาผ่านไป...เขาหลงทาง ทุกอย่างอยากขึ้นโจทย์ชีวิตหลายๆข้อเขาเริ่มแก้ไม่ได้ เขาเริ่มเหนื่อยและท้อ

วันหนึ่งปลายฤดูหนาว...อันแสนเงียบเหงาทุกอย่างดำเนินไปตามทางของมัน วันนั้นเด็กน้อยได้มาทวงถามความฝัน เด็กน้อยพูดว่า "น้าๆน้าจำฝันของผมได้หรือเปล่า ทำไมน้าถึงทิ้งมันเสียล่ะ" เด็กน้อยตำหนิ เขาเงียบไม่มีคำตอบ เด็กน้อยเดินจากไปด้วยท่าทางเศร้าๆ  เอ..เกิดไรขึ้นเขาบ่นอยู่คนเดียว

ทุกอย่างเลวร้ายลงเรื่อยๆ การเดินทางยังคงไร้ทิศทางเขาเริ่มเหนื่อยมากขึ้น เด็กน้อยหายไปแล้ว พร้อมกับคำถาม

เขาเดินทางกลับไปหาต้นเสียงของคำถาม....ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว

ความสงบ ความเงียบ ลมเย็นๆ ตัวเขาสงบมากขึ้น เด็กน้อยวิ่งเล่นรอบๆตัวเขาเมื่อไรไม่รู้ เด็กน้อยยังคงสบตาเขาอยู่เนื่องๆเหมือนรอคำตอบบางอย่าง วันหนึ่งเขาก็รับปากเด็กน้อยว่า เอาล่ะ จะลองดูแล้วกันน่ะ เขาตอบแบบไม่มั่นใจเท่าไร

ปัจจุบันขณะ..เขามีความสุขกับฝันที่ได้รับการลงมือทำ และเด็กน้อยคนนั้นเฝ้าให้กำลังใจ  เมื่อนั้นหัวใจเขาพองโต เด็กน้อยร่าเริง คนที่เฝ้ามองเขาอยู่มีความสุข ทำไมน่ะเหรอ...."น้าๆขอบคุณครับ" เด็กน้อยยิ้มกว้าง



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท